วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ตร.ชลบุรีโชว์ฝีมือจับยาบ้า-ไอซ์ บิ๊กลอต17ล้าน




  • เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจภูธร จ.ชลบุรี พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.2 แถลงข่าวการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี คือ นายอิทธิพล หรือไข่ พนายุทธชัย อายุ 31 ปี พร้อมด้วยของกลางคือ ยาบ้า 110,000 เม็ด มูลค่า 11 ล้านบาท ยาไอซ์ 3 กิโลกรัมมูลค่า 6 ล้านบาท ทรัพย์สินคาดว่ามาจากค้ายาเสพติดคือ รถยนต์เก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว หมายเลขทะเบียน กม-2567 ชลบุรี จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ดูคาติ สีแดง จำนวน 1 คัน และบัตรเครดิตธนาคารหลายใบ 

    ในการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ตำรวจจึงได้ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.ชลบุรี จนกระทั่งสืบทราบมาว่า นายอิทธิพลมีพฤติกรรมค้ายาบ้าในพื้นที่ จ.ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง พักอยู่ที่ห้องเช่าบ้านพรลักษณ์ อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงเข้าตรวจค้นห้องพักเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา พบยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

    ต่อมาได้มีนายต้า ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อ้างว่าเป็นนักโทษในเรือนจำกลางชลบุรี โทรศัพท์เข้ามาหาให้ไปเอายาบ้าที่ลูกน้องของนายต้าไปวางไว้บริเวณริมถนนสาย 36 ม.7 ต.หนองข้างคอก อ.เมือง จ.ชลบุรี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปกับนายอิทธิพลยังจุดนัดพบ และพบยาบ้า 50 มัด จำนวน 100,000 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 3 กิโลกรัม บรรจุรวมกันอยู่ในกระเป๋าเดินทางวางไว้ที่บริเวณดังกล่าว รวมของกลางยาเสพติด และทรัพย์สินที่ยึดได้ทั้งหมดกว่า 17 ล้านบาท

  • จำคุก 38 ปี-มือยิงอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม



    เวลา 09.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ห้องพิจารณาคดี 803 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 44 ปี อดีตตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว จำเลยในความผิดฐานร่วมกันกระทำผิดฐานก่อการร้าย กระทำให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ร่วมกันมีปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร รวม 38 ปี

     คดีนี้พนักงานอัยการฝ่าย คดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 จำเลยกับพวกอีก 1 คน ร่วมกันใช้เครื่องยิงจรวด อาร์.พี.จี.2  เล็งและยิงลูกระเบิดไปยังอาคารกระทรวงกลาโหม เขตพระนคร ทำให้นายศักดิ์ หาญสงคราม ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ สายเคเบิลโทรศัพท์ของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เสียหายเป็นเงินจำนวน 39,421 บาท โดยจำเลยกับพวกมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญ บังคับ รัฐบาลไทยให้ยุบสภา ทั้งยังสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือการก่อการร้ายของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยมีเครื่องยิงจรวด อาร์.พี.จี.2  จำนวน 1 กระบอก ลูกระเบิดแบบสังหาร เอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก ปืนกลมือ (เอ็ม3) ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืน .45 จำนวน 48 นัด เหตุเกิดที่แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงพระนคร เขตรพระนคร แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เกี่ยวพันกัน 

     ศาล พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยาน 2 ปาก เบิกความยืนยันว่าพบจำเลยก่อนเกิดเหตุระเบิด โดยจำเลยเข้ามาสอบถามและพยานได้พูดคุยด้วย แม้ว่าในเวลานั้นเป็นช่วงเวลากลางคืน แต่มีแสงสว่างเพียงพอที่พยานจะสามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้ นอกจากนี้ยังมีพยานที่จดจำใบหน้าจำเลย หลังก่อเหตุเห็นจำเลยมีท่าทางรีบร้อนลงจากรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตศ 9818 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีพิรุธที่รถบุบ กระจกแตก และขับขี่น่าหวาดเสียว อีกทั้งผลการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าลายนิ้วมือแฝงที่พบบนประตูรถกระบะดังกล่าว ตรงกับลายมือนิ้วข้างขวาของจำเลย รวมทั้งเสื้อแจ็คเก็ทที่ตรวจยึดได้ภายในรถนั้นมีรูปแบบสารพันธุกรรมของจำเลย ติดอยู่  เชื่อว่าพยานทุกปากเบิกความไปตามจริง มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกับรถคันเกิดเหตุ เมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองรถกระบะดังกล่าว ย่อมเป็นผู้ใช้เอกสารป้ายทะเบียนรถปลอมด้วย

     จากการตรวจสอบกล้อง โทรทัศน์วงจรปิด พบรถกระบะของจำเลยขับผ่านเข้าไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุ จากนั้นมีภาพแสงเปลวเพลิงระเบิด ที่ถนนแพร่งภูธร เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรถจำเลย ประกอบกับรถกระบะของจำเลยที่จอดทิ้งไว้ในลักษณะมีกุญแจรถเสียบคาไว้ ตรวจพบเครื่องยิงระเบิด อาร์.พี.จี.2 กระจกด้านซ้ายแตก กระจกที่บริเวณที่นั่งตอนหลังแตก มีคราบเขม่าภายในรถแสดงถึงการยิงจากในรถ เชื่อว่าจำเลยร่วมกับพวกยิงระเบิดดังกล่าว มีเป้าหมายที่กระทรวงกลาโหม แต่ลูกระเบิดไปติดที่สายเคเบิลจึงเกิดระเบิดก่อนถึงเป้าหมาย ขณะเกิดเหตุอยู่ในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มีการก่อวินาศกรรมหลายแห่ง รัฐบาลขณะนั้นจึงประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการออกข้อกำหนด ให้ประชาชนปฏิบัติตาม แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปลอดภัย วันเกิดเหตุกลุ่ม นปช.ชุมนุม ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่จำเลยกลับไม่ใยดี ก่อเหตุดังกล่าวการกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ สร้างความปั่นป่วน จึงมีความผิดฐานก่อการร้าย

     พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม จำคุก 2 ปี สำหรับความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ฐานร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ฐานร่วมกันยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดในที่ชุมชน เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น อันเป็นบทลงโทษหนักสุด จำคุก 20 ปี ฐานร่วมกันมีเครื่องยิงจรวดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี และความผิดตาม พ.ร.บ.ปืนฯ พ.ศ.2490 ฐานพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไปในเมือง ทางสาธารณะ จำคุก 1ปี รวมจำคุกจำเลยไว้เป็นเวลาทั้งสิ้นรวม 38 ปี และให้ริบของกลาง
     

    วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

    เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย


    เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย
    มาตรา 1516
    (1) สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาหรือภริยามีชู้อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
    (2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
    (ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
    (ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
    (ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยา
    มาคำนึงประกอบอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
    (3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ถ้าเป็นการร้ายแรงอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
    (4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปีอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
    (4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอม
    หรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วยและการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะ เป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควรอีกฝ่ายหนึ่ง นั้นฟ้องหย่าได้
    (4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยา ได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปีหรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสาม ปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

    ฟ้องศาลใหม่หรือไม่ หลังไกล่เกลี่ยแล้วไม่จ่ายเงิน


    ต้องฟ้องศาลใหม่หรือไม่ หลังไกล่เกลี่ยแล้วไม่จ่ายเงิน
       1. กรณีไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันแล้วในศาล แต่ลูกหนี้ไม่ชำระเงินตามตกลง  เจ้าหนี้ต้องจ้างทนายความฟ้องร้องใหม่ เพื่อให้ศาลตัดสินหรือไม่  หรือฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ได้เลย
         2. กรณี ไม่ไกล่เกลี่ย ให้ศาลตัดสินคดีแล้ว หากลูกหนี้ไม่ยอมชำระเงิน  เจ้าหนี้ฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ได้เลยหรือไม่
    คำตอบ
             1. กรณีที่คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในชั้นศาล และศาลพิพากษาตามยอม แล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีต่อไป ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 138,271
             2. ส่วนกรณีที่ไม่มีการไกล่เกลี่ยกันหรือไกล่เกลี่ยกัน แต่ตกลงกันไม่ได้แล้วศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยชำระหนี้ แล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา กรณีนี้โจทก์ก็ต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแก่จำเลยเช่นเดียวกัน

    พบศพทารกเพศหญิงอายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน ถูกนำไปทิ้งภายในห้องน้ำห้้างดัง




    พนักงานสอบสวนตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี และแพทย์เวรสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกันตรวจสอบศพทารกอายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน ภายในห้องน้ำห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขารัตนาธิเบศร์ พบเป็นทารกเพศหญิง ทิ้งในถังขยะมีกระดาษชำระรองไว้ก้นถัง สายรกถูกตัดขาดด้วยของมีคม
    จากการสอบสวนพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำทราบว่า ขณะเข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำบริเวณชั้น 2 ของห้าง พบรอยเลือดจำนวนมาก เมื่อเปิดดูภายในถังขยะจึงพบศพทารก เบื้องต้นสันนิษฐานว่า หญิงสาวใจแตกตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ จึงไปซื้อยาขับเลือดตามที่โฆษณามาทานเอง เพื่อให้เด็กออก ก่อนนำไปทิ้งในถังขยะ ตำรวจจึงประสานขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งหมดภายในห้าง เพื่อตรวจสอบหาแม่ของเด็กมาดำเนินคดี

    พ่อแจ้งความ! ล่าหนุ่มรุ่นพ่อลักพาตัวลูกสาว


                                                     นายธนากร หริอ เด พุฒสาย อายุ 33 ปี

    (8 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามฯ ได้รับการแจ้งความร้องทุกข์จาก นายประชา กีระติสุนทร อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดชลบุรี ซึ่งเดินทางมาขอร้องให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายธนากร พุฒสาย หรือ เด อายุ 33 ปี หลังจากที่ลักพาตัว น้องเดียร์ (นามสมมติ) ลูกสาววัย 13 ปี หนีหายออกไปจากบ้านเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
    นายประชา ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา น้องเดียร์ ลูกสาวได้หายตัวไปจากบ้านตั้งแต่ช่วงเช้ามืด จึงออกตามหาตลอดทั้งวัน จึงทราบเบาะแสว่าลูกสาวอยู่ที่ห้องเช่าของ นายธนากร จึงตามไปหา แต่เมื่อถึงที่ห้องเช่า พบว่าประตูห้องถูกล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา จนกระทั่งตนได้ไปตามหา นายธนากร ที่ทำงานเป็นช่างเชื่อมที่อู่ซ่อมรถ เพื่อให้มาเปิดประตูห้องให้ดู เพราะสงสัยว่าได้กักขังลูกสาวเอาไว้ในห้องแต่ถูกปฏิเสธ ก่อนที่ นายธนากร จะขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ขี่ย้อนไปทางด้านหลังห้องเช่าและเปิดกระเบื้องหลังคา นำตัวลูกสาวหนีไปทางหลังคา ตนจึงได้เข้าแจ้งความไว้กับ สภ.เมืองชลบุรี แต่ยังไร้วี่แว่วและไม่ทราบชะตากรรมของลูกสาว
    จนกระทั่งล่าสุด เมื่อ วันพ่อแห่งชาติ (5 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ได้รับข้อความผ่านทางโทรศัพท์จาก น้องเดียร์ ว่า "รักพ่อ คิดถึงพ่อ อยากกลับไปกราบเท้าพ่อ" ตนจึงได้โทรศัพท์ติดต่อกลับไปแต่ถูกตัดสายทิ้งและปิดโทรศัพท์ ติดต่อไม่ได้อีกเลย ทำให้ในขณะนี้รู้สึกร้อนรนใจและเป็นห่วงลูกสาวมาก เกรงว่าจะได้รับอันตราย
    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามฯ ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นให้เร่งออกหมายจับผู้ต้องสงสัย รายดังกล่าวแล้ว อีกทั้งเมื่อตรวจสอบประวัติยังพบว่า นายธนากร ยังต้องคดีพรากผู้เยาว์ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ในพื้นที่ จ.เลย ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ต้องสงสัยอีกด้วย

    พัทยาดราก้อน


                      


     “พัทยาดราก้อน” ราชาธุรกิจอินเตอร์เม้นท์ ทุ่มงบกว่า30 ล้านบาท เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะ ชาบู ซูชิ ต้นตำรับความอร่อย หวังรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเมนูอาหารญี่ปุ่น

                     นางอนา วงษ์สิงห์ ประธานกรรมการบริหารธุรกิจในเครือพัทยาดราก้อน นายวิชา เบ้าพิมพา กรรมการบริหารธุรกิจในเครือพัทยาดราก้อน นางสาวกัลยกร ชัยจินดา กรรมการบริหารร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะ ร่วมเปิดตัวร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะ ชาบู ซูชิ ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์บุฟเฟต์ ภายใต้แนวคิดอร่อยดีและคุ้มจริง คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบที่สดใหม่เสมอพร้อมและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีแขกวีไอพีร่วมงาน
                   นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา นายสันตศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ ส.ส.จ.ชลบุรี แบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังชล นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ส.ส.จ.ชลบุรี แบบแบ่งเขต พรคคพลังชล และแขกผู้มีเกียรติร่วมงานคับคั่ง
                   นางสาวกัลยกร ชัยจินดา กล่าวว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะลงทุนกว่า 30 ล้านบาทเพื่อให้เป็นร้านอาหารสไตล์บุฟเฟต์ที่ดีที่สุดโดยเกิดขึ้นจากแนวคิด ในการสร้างร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีคุณภาพ เราเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพให้ลูกค้าได้รับการบริการ ทั้งอร่อยและคุ้มราคาด้วยความหลากหลายของเมนูให้รับประทานได้ไม่อั้นกับชาบู ในน้ำซุปเข้มข้นและซูซิสดใหม่ชนิดต้นตำรับอย่างแท้จริง ดารุมะ ชาบู ซูชิ จะทำให้คุณอิ่มอร่อยในอาหารระดับพรีเมี่ยมไม่ว่าจะเป็นซาซิมิชั้นดี ซูซิหลากหลายหน้า ทั้งแซลมอนกุ้ง ไข่หวาน ปูอัด ข้าวห่อสาหร่ายหน้าต่างๆ ที่ไหลเวียนมาตามสายพานไม่ขาดสาย
                  นอกจากนี้ภายในร้านยังตกแต่งสวยงามดั่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นพร้อมรองรับลูกค้า กว่า 100 คน อย่างไรก็ดีร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะ ชาบู ซูชิ ตั้งอยู่บนถนนพัทยาสายสอง หน้าโครงการพัทยาดราก้อน ศูนย์รวมสถานบันเทิงและอินเตอร์เทนเม้นต์ ราคาท่านละ 399 บาท สอบถามเพิ่มเติมโทร.038-412578 หรือเยี่ยมชมที่เวปไซต์ www.darumapattaya.com

    วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    จำคุก 20 ปี “คนถ่อย” ส่ง SMS หมิ่นเบื้องสูง


      วันนี้ (23 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.311/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอำพล ตั้งนพกุล อายุ 61 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (2), (3) ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
          
           คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 9, 11 และ 22 พ.ค.53 จำเลยใช้โทรศัพท์มือถือส่วนตัวพิมพ์ข้อความอันเป็นการจาบจ้วง ดูหมิ่นพระเกียรติยศ และหมิ่นประมาทใส่ความให้ร้ายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จากนั้นจำเลยส่งข้อความดังกล่าวไปยังโทรศัพท์มือถือของนายสมเกียรติ ครองวัฒนสุข ขณะดำรงตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 เหตุเกิดที่แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงและเขตดุสิต กทม. ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จ.สมุทรปราการ เกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาอ้างว่าขณะเกิดเหตุนำโทรศัพท์ไปซ่อมที่ร้าน ซ่อมโทรศัพท์แห่งหนึ่งที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล สาขาสำโรง นอกจากนี้ยังส่งข้อความสั้นผ่านทางโทรศัพท์มือถือไม่เป็น
          
           ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า จากการสอบสวนพบว่า โทรศัพท์และหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของจำเลย ที่จำเลยอ้างว่านำโทรศัพท์ไปซ่อมนั้น ต่อมาพนักงานสอบสวนนำตัวจำเลยไปยังห้างดังกล่าว ปรากฏว่าจำเลยอ้างว่าจำไม่ได้ว่าซ่อมที่ร้านไหน ทั้งที่จำเลยต้องไปที่ร้านซ่อมโทรศัพท์อย่างน้อย 2 ครั้ง ในวันที่ส่งซ่อมและในวันที่ไปรับโทรศัพท์คืน ส่วนที่จำเลยอ้างว่าส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือไม่เป็น และไม่ทราบว่าหมายเลขผู้รับข้อความเป็นของเลขานุการอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการง่ายที่จะกล่าวอ้าง พยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ เชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของโทรศัพท์ และซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ใช้ก่อเหตุ ข้อความมีลักษณะแสดงความอาฆาตมาดร้าย ใส่ความทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทั้งที่ข้อความดังกล่าวล้วนไม่เป็นความจริง การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง
          
           พิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันเป็นบทลงโทษสูงสุด ให้เรียงกระทงลงโทษ จำคุกจำเลยเป็นเวลา 5 ปี จำนวน 4 กระทง รวมจำคุกทั้งสิ้น 20 ปี

    วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    ทีมปล้นบ้านปลัดจ่อหอบ 9 ล้านขอมอบตัวอีก 1

     วันนี้ (21 พ.ย) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พ.ต.อ.อิทธิพล กิจสุวรรณ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เดินทางพบ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น.เพื่อประสานข้อมูลกับตำรวจในคดีคนร้ายบุกปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม โดยมี พล.ต.ต.อิทธิพล ภิริยะภิญโญ พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร รองผบช.น.เข้าร่วมหารือ โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
          
           พล.ต.ต.รณศิลป์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวล่าสุด คือ นายชยธัช หรือ เอก จันนะชัย อายุ 33 ปี โดย นายเอก ให้การยอมรับว่า เป็นคนบอกข้อมูลเกี่ยวกับบ้านของนายสุพจน์จริง แต่ไม่ได้เป็นคนสั่งการให้เข้าไปปล้น เพียงได้ยินแม่ตนเองที่เป็นอดีตเลขาฯ หน้าห้องของนายสุพจน์ เล่าให้ฟังถึงบ้านนายสุพจน์ จึงทำให้ทราบว่า บ้านสุพจน์มีเงินเป็นจำนวนมาก พอแม่ของตนถูกบีบให้พ้นจากตำแหน่งจนต้องออกจากงาน ตนจึงรู้สึกอัดอั้นตันใจกับเรื่องที่เกิดกับแม่ เลยไปพูดกับ นายบุญสืบ หรือ สืบ โจมกัน อายุ 43 ปี ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับบ้านของนายสุพจน์ ว่า มีเงินจำนวนมาก จนทำให้นายบุญสืบ และพรรคพวกวางแผนเข้าปล้นเงินภายในบ้านนายสุพจน์ จนเป็นข่าวใหญ่โต โดยตนไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย แต่ก็เป็นเพียงคำให้การของนายเอก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องทำการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป ส่วน นางชุติมา (มารดา) จากการสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นเชื่อว่าไม่น่าจะมีเจตนาทำให้เกิดเรื่องการปล้นบ้านของนายสุพจน์ ขึ้น เพียงแต่เล่าให้ลูกชายฟังเกี่ยวกับเรื่องบ้านของนายสุพจน์เท่านั้นเอง
          
           พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เมื่อวาน (20 พ.ย.) ยังได้รับการติดต่อจากนายประพันธ์ ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ว่าจะขอเข้ามอบตัว โดย นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนได้เงินไป จำนวน 9 ล้านบาท แต่ยังไม่ระบุแน่ชัดว่าจะเข้ามอบตัววันไหน ต้องรอให้นายประพันธ์ติดต่อกลับมาอีกครั้ง ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือขณะนี้ได้ส่งชุดติดตามไล่ล่าแล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันว่านายวีระศักดิ์ หรือ โก้ เชื้อลี หลบหนีข้ามไปที่ประเทศลาวจริง ในวันที่ 14 หรือ 15 พ.ย.ที่ผ่านมานี้
          
           ต่อมาเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.อิทธิพล กิจสุวรรณ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น.เพื่อประสานข้อมูลกับตำรวจในคดีดังกล่าว โดยมี พล.ต.ต.อิทธิพล ภิริยะภิญโญ พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร รองผบช.น.เข้าร่วมหารือโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จากนั้น พ.ต.อ.อิทธิพล กล่าวว่า เดินทางมาประสานข้อมูลกับทางตำรวจ หลังจากเมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) มีการแถลงจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงทางคดี รวมทั้งดูจำนวนเงินของกลางที่ตำรวจยึดคืนมาได้ว่าตรงกับที่สื่อมวลชนนำเสนอ หรือไม่ จากนั้นก็จะนำข้อมูลทั้งหมดไปเสนอผู้บังคับบัญชาต่อไป ทั้งนี้ หากมีการจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกก็จะมีการประสานขอข้อมูลเพิ่มเติมจาก ตำรวจอีกครั้ง แต่อาจไม่จำเป็นต้องเดินทางมาโดยใช้วิธีประสานงานกันทางโทรศัพท์แทนก็ได้
          
           ต่อมาเมื่อเวลา 14.15 น. พ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.วังทองหลาง เดินทางมาที่ บก.สส.บช.น.เพื่อประสานขออายัดเงินของกลางในคดีดังกล่าว เป็นเงินสดกว่า 16 ล้านบาท เพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ที่ สน.วังทองหลาง จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด
          
           ด้าน พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ กล่าวว่า วันนี้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้ประสานขอดูเงินสดของกลางในคดีนี้ รวมทั้งตรวจสอบสายรัดเงิน เพื่อตรวจสอบหาแหล่งที่มาของเงิน ส่วนคนร้ายที่เหลืออีก 4 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัว เชื่อว่า จะได้ตัวในเร็ววันนี้ ทั้งนี้ จากการสอบสวนนายชยธัช หรือ เอก จันนะชัย อายุ 34 ปี ผู้ต้องหารายล่าสุดที่เข้ามอบตัว เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ในเบื้องต้นให้การรับสารภาพ แต่พอในชั้นสอบสวนกลับให้การปฏิเสธ แต่ในแนวทางการสืบสวนของตำรวจ รวมถึงจากการสอบปากคำผู้ต้องหาซึ่งเป็นตัวละครสำคัญในคดีที่ถูกจับกุมตัวได้ ก่อนหน้านี้ก็ได้ให้การซัดทอดไปถึงนายชยธัช
          
           อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นายวีระศักดิ์ หรือ โก้ เชื้อลี อายุ 36 ปี หัวหน้าแก๊งได้ ก็เชื่อว่า ความจริงทุกอย่างจะกระจ่างชัดมากขึ้น โดยในขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามนายโก้ไปยังประเทศลาว และประสานงานกับตำรวจฝั่งลาวในการร่วมมือติดตามจับกุมตัวนายโก้ คาดว่า น่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้

    วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    เจ๊ติ๋มพาไอ้เอกมอบตัว-ปล้นปลัด

    สว.ร่วมจี้นายกฯแถลงย้ำไม่ออกพรฎ.เอื้อ‘แม้ว’




     นางพรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ ส.ว. สรรหา กล่าวว่า ขอฝากไปยังนายกฯ เนื่องจากทราบว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ออกมาแถลงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาพ.ร.ฎ.อภัยโทษ พ.ศ.2554 เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บุคคลที่ต้องคำพิพากษาแต่หลบหนีไม่ยอมรับโทษ ให้ได้รับการอภัยโทษร่วมกับนักโทษหมู่มากที่ต้องโทษอยู่แล้ว เป็นการนำการนิรโทษกรรมมาปะปนกับการอภัยโทษ โดยการใช้อำนาจบริหารไปล้มคำสั่งของศาล นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประชา ยืนยันว่าจะคงไว้ซึ่งฐานความผิดที่ไม่ควรให้อภัยโทษ คือความผิดคดียาเสพติดและความผิดฐานทุจริต ถ้าลบล้างออกไปเท่ากับรัฐบาลหลอกลวงประชาชนมาตั้งแต่ต้น เพราะเคยระบุไว้ในการแถลงนโยบายว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการของ รัฐบาลนี้

     “ถ้ามีการถวายพ.ร.ฎ.ที่ด่างพร้อยเช่นนี้ โดยให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงลงพระปรมาภิไธย โดยมีนักโทษจำนวน 26,000 คนเป็นตัวประกัน เท่ากับเป็นการกดดันพระองค์ท่านอย่างชัดเจน และคนไทยที่จงรักภักดียังมีมากกว่า 50 ล้านคนคงจะไม่ยอม ทางที่ดีที่สุดขอให้นายกฯ แถลงย้ำให้ประชาชนมั่นใจและสบายใจมากกว่านี้” นางพรพันธุ์ กล่าว

     การเรียกร้องนายกฯ ให้ออกมาแถลงเพื่อความชัดเจนในเรื่องนี้ ยังมี นายสมชาย แสวงการ และนางนรีวรรณ จินตกานนท์ ส.ว.สรรหา

    นครบาลจับกุมผู้ต้องหาค้ายาบ้า-ยาไอซ์ พร้อมของกลางกว่า 70 ล้านบาท


    วันนี้ (21 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น. และพล.ต.ต.สมชาย พัชรอินโต ผบก.น.5 แถลงการจับกุม นายสายันต์ หรือกิ๊ก ห้วยหงษ์ทอง อายุ 25 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 228,000 เม็ด มูลค่าประมาณ 68.4 ล้านบาท ยาไอซ์ มูลค่า 11.5 ล้านบาท รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวิช สีดำ 1 คัน เครื่องชั่งดิจิตอล 1 เครื่อง และซองพลาสติกใส 17 ซอง สามารถจับได้ที่ถนนทางเข้าห้องพักเลขที่ 515/286 ชั้น 19 อาคารศุภาลัย โอเรียนทัลเพลส กลางซอยสวนพลู 8 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.
          
           พล.ต.ต.วินัยเปิดเผยว่า จากการสอบสวนขยายผลการจับกุมผู้เสพและผู้ค้ารายย่อย ซึ่งถูกจับกุมในท้องที่ สน.พระโขนง ทราบว่ามีผู้จำหน่ายยาเสพติดรายสำคัญ และจะนำยาเสพติดมาส่งย่านพระโขนง โดยมีผู้จำหน่ายชื่อนายเอ็ม (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวิช สีดำ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สืบสวนข้อมูลจากสายลับ ทราบว่านายเอ็มได้พักอาศัยอยู่ที่บริเวณภายในซอยสวนพลู 8 จึงได้เฝ้าดูมาโดยตลอด และได้พบรถคันดังกล่าววิ่งเข้าออกซอยเป็นประจำ ซึ่งตรงตามลักษณะที่ได้ข้อมูลมา จึงแสดงตัวและเข้าทำการตรวจค้น พบว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ขับขี่ และพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ 2 หมื่นเม็ด และซุกซ่อนอยู่ในบ้านพักอีก 2 แสนกว่าเม็ด มูลค่ากว่า 68 ล้านบาท
            จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ทำมาแล้ว 3 ครั้งในระยะเวลา 4-5 เดือน ได้ค่าจ้างในการส่งครั้งละ 2 แสนบาท ไม่มีอาชีพอะไรนอกจากส่งยาเสพติด และยังเคยถูกจับในคดีรับซื้อของโจรมาแล้ว
            อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับทาง ป.ป.ส.ประสานข้อมูลเพื่อทำการขยายผล พร้อมทั้งแจ้งในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    วู้ดดี้เกิดมาคุย 1-5 เก่ง การุณ คืนวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. 54


    วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    จดหมายทักษิณยุติเรื่องรัฐบาลจะออกกฎหมาย พรฏ.อภัยโทษ.

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ พรรคเพื่อไทย ได้มีการเผยแพร่จดหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนตัว โดยจดหมายดังกล่าวเขียนขึ้นด้วยลายมือ โดยมีข้อความว่า " ที่ดูไบ สหรัฐ อาหรับอิไมเรตส์ พฤศจิกายน 2554 พี่น้องไทยที่เคารพรัก เนื่องด้วยขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤตจากปัญหาน้ำท่วม ผมเป็นห่วงและต้องการให้ประเทศและพี่น้องประชาชนผ่านพ้นวิกฤตโดยเร็ว ซึ่งต้องการความสามัคคีปรองดองในชาติ จึงจะร่วมกันฝ่าฟันภัยธรรมชาติในครั้งนี้ได้ ผมขอสนับสนุนทุกมาตรการที่จะนำไปสู่ความปรองดองในชาติ และไม่อยากเห็นความพยายามใดที่จะทำให้บรรยากาศนี้เสียหาย และผมพร้อมที่จะเสียสละความสุขส่วนตัวทั้งๆที่ผมไม่ได้รับความเป็นธรรมมากว่า 5 ปีแล้ว เพื่อพี่น้องประชาชนผมจะอดทน"
    "จากการเสนอพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษประจำปีซึ่งปีนี้เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ คบ 84 ปี จึงมีข่าวว่าอาจจะมีผมรวมอยู่ด้วย ผมมั่นใจในหลักการที่ว่ารัฐบาลจะไม่ทำการใดๆที่ให้ประโยชน์แก่ผมหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะ ยิ่งกว่านั้นการกระทำใดๆในช่วงนี้ต้องเป็นไปเพื่อนำประเทศสู่ความปรองดองและฟันฝ่าวิกฤตจากภัยธรรมชาติ น้ำท่วมใหญ่เท่านั้น"

    "อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงพระประชวรอยู่ เราต้องไม่ทำให้พระองค์ทรงหนักพระราชหฤทัย เป็นอันขาดและผมก็มั่นใจว่าท่านนายกฯของเรามีแนวคิดและความตั้งใจเช่นเดียวกับผม"
    "สำหรับพี่น้องที่สนับสนุนผม ห่วงใยผมก็ขออย่าได้ผิดหวัง เพราะเมื่อแสงแห่งธรรมปรากฏทุกอย่างจะจบเอง เพราะบ้านเมืองจะอยู่ในภาวะขัดแย้งอย่างนี้ตลอดไปไม่ได้"
    "ท้ายนี้ ผมขอเรียกร้องทุกฝ่ายที่รักชาติบ้านเมืองจริง ต้องรู้จักคำว่า "Forgive and Forget" คือรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน ลืมเรื่องเก่าๆเข้าสู่มิติใหม่ของวันพรุ่งนี้ เพื่อบ้านเมืองและลูกหลานเราครับ ด้วยความรักและคิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" 
    นอกจากมีการเผยแพร่จดหมายฉบับภาษาไทยซึ่งเขียนด้วยลายมือแล้ว ยังมีการแผยแพี่จดหมายฉบับภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นตัวพิมพ์ด้วย

    วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    แก๊ง ปล้นบ้านปลัดคมนาคมสารภาพกลางวงแถลงข่าวได้เงินสดไปกว่า 200 ล้านบาท

        แก๊ง ปล้นบ้านปลัดคมนาคมสารภาพกลางวงแถลงข่าวได้เงินสดไปกว่า 200 ล้านบาทหลังชุดสืบสวนนำโดย "ภาณุพงศ์" รองผบ.ตร. รวบได้ 2 คนจากทั้งหมด 6 คน ยึดของกลางเงินสดเกือบ 3 ล้านบาท "ไอ้ไก่" ที่โดนล็อกคนแรกสารภาพสิ้น แฉขั้นตอนปล้นส่งคนไปเช่าห้องในคอนโดฯ ใกล้บ้านเกิดเหตุจับตานานนับเดือน ก่อนลงมือใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ จากนั้นบุกเข้าไปจับแม่บ้านมัด เผยตอนเข้าไปในห้องพบเงินสดในกระเป๋าวางเรียงอยู่เพียบ แต่มีปัญญาขนออกมาได้แค่ 200 ล้าน อ้างยังเหลืออีก 700-1,000 ล้านบาท หลังลงมือสำเร็จไอ้โก้ให้เงินในกระเป๋าใบเล็กจำนวน 15 ล้านมาแบ่งกัน ที่เหลือบอกจะเอาไปให้ลูกพี่ซึ่งอ้างเป็นขรก. จำนวน 50% ไอ้โก้ได้ 30% และอีก 20% จะเอามาให้ทีมปล้น เร่งล่าเพิ่มไอ้โก้และพรรคพวกที่ยังหลบหนีอยู่ ตร.รู้แหล่งกบดานหมดแล้ว

    ความคืบหน้าคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดคมนาคม ซึ่งตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายได้จำนวนหนึ่งให้การซัดทอดว่าร่วมลงมือทั้งหมด 6 คน มี "ไอ้โก้" ลูกน้องของเสธ.สนามม้า เป็นหัวโจก ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 17 พ.ย. พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.วินัย ทองสอง ว่าที่ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส. บช.น. พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชื่นชม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135/46 ตรอกอาคาร 7 แขวง/เขตคลองเตย กทม. และนายเสาร์แก้ว หรือแก้ว นามวงค์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 238 หมู่ 7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ. เชียงราย ผู้ต้องหาปล้นบ้านนายสุพจน์ พร้อมของกลาง เงินสดประมาณ 3 ล้านบาท เครื่องชอร์ตไฟฟ้า เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ ไขควง คีม ประแจ สร้อยคอทองคำ 5 บาท 2 เส้น นาฬิกา 1 เรือน

    พล.ต.อ.ภาณุพงศ์แถลงว่า เนื่องมาจากเมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายบุกเข้าไปปล้นบ้านของนายสุพจน์ เลขที่ 77 ซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม. โดยกลุ่มคนร้ายอาศัยช่วงที่เจ้าของบ้านและคนในบ้านไม่อยู่ บุกเข้า ไปใช้เทปพันสายไฟมัดมือแม่บ้าน ก่อนพาขึ้นไปบนห้องนอนของนายสุพจน์ และรื้อค้นทรัพย์สิน หลบหนีไป

    "จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุและตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายใช้รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว 4 ประตู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ออกจากที่เกิดเหตุมุ่งหน้าถนนเลียบด่วนรามอินทรา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว กระทั่งทราบเบาะแสว่า มีบุคคลต้องสงสัยซึ่งมีพฤติกรรมใช้เงินร่ำรวยผิดปกติ จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบพบนายสิงห์ทอง หรือไก่ จึงได้เชิญตัวมาสอบปากคำ ก็พบพิรุธหลายอย่างและไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ สุดท้ายจึงรับสารภาพว่าร่วมมือกับพวกรวม 6 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ดังกล่าวจริง" รองผบ.ตร.กล่าว

    โดยนายสิงห์ทอง ถูกจับและตำรวจพาไปตรวจค้นห้องพักย่านคลองตัน พบเงินสด 5 แสนบาท สร้อยคอทองคำ หนัก 5 บาท 2 เส้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าจับกุมนายเสาร์แก้ว ได้ที่บ้านพัก จ.เชียงราย พร้อมของกลางเงินสด 1,050,000 บาท และนำตัวไปขยายผลได้เงินเพิ่มอีก 1,272,000 บาท รวมเป็นเงิน 2,322,000 บาท

    ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนซัดทอดเพื่อนร่วมแก๊งอีก 4 คน คือนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 260 หมู่ 2 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา หัวหน้าแก๊ง, นายพงษ์ศักดิ์ นามวงค์ อายุ 35 ปี ลูกชายของนายเสาร์แก้ว, นายสมบูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 5 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย และนายคำนวณ เมฆน้อย อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 449 หมู่ 9 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์

    นายสิงห์ทองให้การว่า วางแผนมานานหลายเดือน ให้นายคำนวณไปเช่าอพาร์ตเมนต์รายวันชั้นสูงสุดที่ใกล้เคียงบ้านที่เกิดเหตุ คอยดูความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน ขับรถวนเข้ามาดูบ้านที่เกิดเหตุหลายครั้ง แต่ยังไม่กล้าลงมือ กระทั่งนายวีระศักดิ์ นำเครื่องมือ เช่น เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ เครื่องชอร์ตไฟฟ้า ชะแลง วิทยุสื่อสาร หมวกไหมพรม หน้ากาก ถุงมือ และคีมตัดลวด จึงวางแผน กระทั่งวันเกิดเหตุนายวีระศักดิ์ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ 1166 กาญจนบุรี พาพวกรวม 5 คนไปลงมือ ส่วนนายคำนวณ ดูต้นทางอยู่ด้านนอก

    "นายวีระศักดิ์เปิดเครื่องตัดสัญญาณโทร ศัพท์ และให้ผมลงไปเปิดประตูรั้ว จากนั้นจึงเข้าไปจับแม่บ้านมัดมือแล้วบังคับพาขึ้นไปยังห้องนอนของนายสุพจน์ รื้อค้นทรัพย์สินพบกระเป๋าใส่เงินจำนวนมาก ได้เงินมาทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งที่แบ่งกันเบื้องต้นเป็นเงินสดที่อยู่ในกระเป๋าเล็กประมาณ 15 ล้านบาท นายวีระศักดิ์บอกให้แบ่งกันใช้ไปก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือนายวีระศักดิ์เป็นคนเก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง" นายสิงห์ทองให้การและอ้างอีกว่าตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50 เปอร์ เซ็นต์ แบ่งให้ลูกพี่ของนายวีระศักดิ์ ที่เป็นข้าราชการ ส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นของนายวีระศักดิ์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือให้ทีมที่ลง มือแบ่งกัน ซึ่งตอนที่เข้าไปในห้องพบกระเป๋าใส่เงินสดวางเรียงอยู่เต็ม สามารถขนออกมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ยังมีเงินเหลือในห้องอีกประมาณ 700-1,000 ล้านบาท

    วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

    ระบุรื้อบิ๊กแบ็ก-เสี่ยงน้ำลามเข้า "ห้วยขวาง-ดินแดง"



    เมื่อ วันที่ 13 พ.ย. ชาวบ้านในเขตดอนเมืองกว่า 100 คน เข้ารื้อแนวคันกั้นกระสอบทรายบิ๊กแบ็ค บนถนนวิภาวดี-รังสิต ขนาดความยาวประมาณ 20 เมตร  ขณะที่พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ยืนยันว่า ไม่มีคำสั่งการให้มีการรื้อแนวบิ๊กแบ็กระยะทาง 30 เมตรที่สนามบินดอนเมือง



     ด้าน ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัย กรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กทม.ในช่วงค่ำ หลังชาวบ้านรื้อแนวบิ๊กแบ๊ก ว่า กทม.ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด เพราะหวั่นว่าจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชั้นใน ขณะที่คลองบางซื่อ ระดับน้ำทรงตัว ส่วนสถานการณ์น้ำฝั่งพระนคร ด้านดอนเมือง จตุจักร นั้น ปริมาณน้ำล้นตลิ่ง  เช่นเดียวกับเขตสายไหม คลองลาดพร้าว ระดับน้ำยังคงล้นตลิ่ง

     นายชวลิต จันทรรัตน์ วิศวกรแหล่งน้ำและกรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจแหล่งน้ำ บริษัททีมกรุ๊ป ระบุถึงกรณีการรื้อแนวบิ๊กแบ๊ก ว่า กรณีดังกล่าวจะส่งกระทบให้น้ำเดินเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น และจะทำให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากคลองบางซื่อจะระบายน้ำไม่ทัน

     ส่วนจุด ที่ต้องเฝ้าระวังคือ สุทธิสาร ซอยภาวนาเลขคู่ ก่อนจะมาถึงห้วยขวาง และดินแดง ทั้งนี้ จะทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 5 เท่าทันที โดยภายหลังการวางบิ๊กแบ็คถือเป็นการแบ่งน้ำไปในส่วนต่างๆ เฉลี่ยกันพอสมควร ต่างกันแค่ 1 ศอกเท่านั้น 

     



    จับมือยิงเรือจ้าง อ้างฉุนโดนรุมตื้บขวางทางหากิน!


       วันนี้ (14 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รองจเรตำรวจ (สบ 7) ปฏิบัติราชการ บช.ภ.1 แถลงการจับกุม นายสมาน หรือดำ จั่นเพชร อายุ 45 ปี อาชีพขับเรือรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 115/357 ม.10 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงคนขับเรือรับจ้างเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย บริเวณทางเข้าหมู่บ้านบัวทอง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยหลังก่อคดีได้หลบหนีไปซ่อนตัวใน จ.จันทบุรี
          
           พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่าคดีนี้เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างนายสมาน กับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่นำเรือมาวิ่งรับจ้างในพื้นที่น้ำท่วม โดยนายสมานถูกกลุ่มเจ้าถิ่นรังแกกีดกันไม่ให้วิ่งเรือในพื้นที่ ซึ่งก่อนเกิดเหตุกลุ่มเจ้าถิ่นได้พยายามพาพวกมารุมทำร้าย โดยนายสมานจึงใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในกลุ่มจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดัง กล่าว ซึ่งเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และพกอาวุธในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อดำเนินคดี ส่วนกลุ่มผู้มีอิทธิพลรายนี้ ทาง บช.ภ.1 พบว่ามีประวัติทั้งเรื่องการจัดวินจักรยานยนต์ และคิวรถตู้ในพื้นที่ด้วย
          
           “อย่างไรก็ตาม เรื่องการขัดแย้งผลประโยชน์ในการวิ่งเรือรับจ้าง และการคิดค่าบริการแพงเกินจริงนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำให้ดำเนินการจึงได้มีการประชุมเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้ โดยตำรวจภูธรภาค 1 จะเข้าไปจัดระเบียบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา รวมทั้งร่วมกันกำหนดราคาค่าบริการที่ไม่เอาเปรียบซ้ำเติมผู้ประสบภัย โดยกลุ่มที่ขับเรือรับจ้างต่างๆ ต้องมีการขึ้นป้ายราคา พร้อมให้ตำรวจไปดูแลเพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบและความขัดแย้ง หากพบว่ากลุ่มใดที่ไม่ทำตามก็จะดำเนินการตามกฎหมาย” พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าว
          
           ด้าน นายสมานกล่าวว่า ตนมีปัญหาส่วนตัวกับนายพิทักษ์ อยู่สุข กำนัน ต.บางรักพัฒนา จึงถูกข่มขู่ห้ามวิ่งเรือรับจ้างทั้งที่เป็นคนในพื้นที่ ก่อนเกิดเหตุกลุ่มเรือรับจ้างที่เป็นคนของกำนันจำนวนประมาณ 10 คนได้ขับเรือมาล้อมและเข้ามาต่อย จึงนำปืนที่เก็บไว้ท้ายเรือออกมายิง โดยกำนันคนนี้เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มีความสนิทสนมนักการเมืองท้องถิ่น และคุมวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง พร้อมยืนยันว่าไม่ได้วิ่งเรือเร็วตามที่เป็นข่าว และเก็บค่าโดยสารเพียง 50 บาทต่อคนตลอดสาย
          
           นอกจากนี้ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี ยังสามารถจับกุมแก๊งแมวน้ำที่ลักลอบเข้าไปงัดแงะขโมยของซ้ำเติมผู้ประสบภัย น้ำท่วมได้อีก 2 คน ประกอบด้วย นายนเรศ หรือโจ ศิลปะวุฒิ อายุ 43 ปี และ น.ส.บุญยัง หรือเจน สว่างศรี อายุ 34 ปี พร้อมของกลางหลายรายการ เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ พระเครื่อง กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์งัดแงะ
          
           พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าคนร้ายทั้ง 2 คนเข้าไปก่อเหตุในร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ในตลาดสุชาติ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จึงเข้าไปตรวจสอบพบกำลังก่อเหตุจึงควบคุมตัวดำเนินคดี ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่าเคยเข้าไปก่อเหตุในร้านดังกล่าวมาแล้ว 2 ครั้ง พร้อมกับนายแขก และนายตุ้มที่อาศัยในชุมชนริมทางรถไฟ และจะนำของที่ขโมยมาได้ไปขายให้นายแกในชุมชนหลักหก ซึ่งผู้ร่วมแก๊งที่เหลือไหวตัวทันหลบหนีไปได้ แต่ทางตำรวจได้ออกหมายจับทั้งหมดไว้แล้ว โดยจะสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

    จับได้แล้วทีมฆ่า สห เมืองกรุง



    มื่อเวลา10.00น. วันนี้ ( 14 พ.ย.)  พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รรท.ผบช.ภ.2  แถลงผลการจับกุมนายศิริชัย  หรือเม สวนด้วง  อายุ 20 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 61/1  ต.บางตลาด  อ.ปากเกร็ด  จ.นนทบุรี  เป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนขนาด .38  ยิง  จ.ส.อ.ณัฐพัฒน์  ศรีเกตุ    สังกัดกรมสารวัตรทหารบก 2.  นายเอิร์ธ (นามสมมุติ) อายุ 17 คนขี่จยย.พามือปืนหนี นางสุวพรบุญ  หรือสุ   สิริณัฎฐ์สกุล  อายุ 36 ปี  ภรรยาผู้ตาย อยู่บ้านเลขที่ 291/49  ซอยแยกรัชฎกัณฑ์  แขวงมักกะสัน  เขตราชเทวี  กทม.  ผู้จ้างวานในราคา 64,000 บาท

    การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 18.00น. วันที่ 6 พ.ย. ได้มีเหตุคนร้าย 2 คน ใช้อาวุธปืนขนาด .38  จี้ชิงรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฟีโน่  สีดำขาว  ทะเบียน จทค-175  ชลบุรีของ น.ส.กันทิมา  โสภณ  เหตุเกิดกลางซอย 12  ถนนบางแสนสายล่าง  แล้วคนร้ายได้ใช้รถจักรยานยนต์ดังกล่าวไปยิงจ.ส.อ.ณัฐพัฒน์ซึ่งนั่งอยู่ที่ โต๊ะอาหารภายในร้านฮาเล็มห่างจากจุดชิงรถประมาณ 120 เมตร  ถึงแก่ความตาย  ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องจึงขออนุมัติออกหมายจับ ส่วนสาเหตุเชื่อว่า มาจากปัญหาในครอบครัวที่ทะเลาะกันบ่อยครั้ง และฝ่ายหญิงอยากจะเลิกเพราะมีที่หมายปองคนใหม่แต่ฝ่ายชายไม่ยอมเลิก.

    วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    ตำรวจตรังบุกรวบตัว มือยิงเถ้าแก่นักธุรกิจน้ำดื่มชื่อดังพุ่งเป้าปมชู้สาว แต่ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ




     เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ต.ค. พ.ต.อ.ธรรมนูญ  ไตรทิพยพงศ์  รองผบก.ภ.จว.ตรัง พร้อมด้วยพ.ต.ท.รัฐกร  ภักดีวานิช  สว.สส.ภ.จว.ตรัง และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำตัวนายวิโรจน์  กัญจนกาญจน์  อายุ 55 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 1 ต.บ้านชะอวด อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช มาสอบสวน หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ตามหมายศาลจังหวัดตรังที่  จ.343/2554  ลงวันที่ 27 ต.ค. 54       
      พ.ต.อ.ธรรมนูญ เปิดเผยว่า  สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า  นายวิโรจน์ผู้ต้องหา ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงนายสุวิน  ชอบชูผล เถ้าแก่ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายน้ำดื่มเตยหอมในพื้นที่ตำบลเขาวิเศษ  ซึ่งเป็นน้ำดื่มชื่อดังของจังหวัดตรัง เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา จากการสอบสวนนายวิโรจน์ผู้ต้องหา  ยังคงยืนกรานให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา  โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น  และไม่รู้จักนายสุวินฯผู้ตายแต่อย่างใด
      รองผบก.ภ.จว.ตรัง  กล่าวต่อไปว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อมั่นในหลักฐานที่ยืนยันว่ามีข้อมูล เชื่อมโยงทางเทคโนโลยี ที่นำไปสู่กระบวนการจับกุมดำเนินคดี โดยผู้ต้องหาเป็นเพียงมือปืนที่ถูกรับจ้างหรือไหว้วานให้มาทำงาน ส่วนประเด็นในการสังหารนั้น  ทางตำรวจเชื่อว่า  น่าจะมาจากเรื่องชู้สาว เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ตายมีภรรยาหลายคน.

    วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    ขอมอบเพลงนี้แทนใจ...สำหรับวันนี้...ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดของทุกท่านบนเฟสบุกค์.

    ขณะนี้...ปัญหาน้ำดื่มในกทม.ประสพภาวะขาดแคลนหนัก...


    ขณะนี้...ปัญหาน้ำดื่มในกทม.ประสพภาวะขาดแคลนหนัก...

    วอนจังหวัดใกล้เคียงร่วมกันผลิตน้ำดื่ม...
    ผู้ว่ากทม. ต้องสั่งนำน้ำดื่มเข้าจากต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาคนกทม.ขาดแตลนน้ำดื่มเป็นการเร่งด่วน...

    วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    กรุงเทพฯ วิกฤติ-หยุดยาว-สั่งอพยพ!!

      ล่าสุด การประชุมคณะรัฐมนตรีที่ ศปภ.วานนี้ (25 ตุลาคม) ก็ได้เห็นชอบวันหยุดราชการเป็นวันหยุดยาวรวม 5 วัน นั่นคือ วันที่ 27-28 ตุลาคมและวันที่ 31 ตุลาคม ครอบคลุม 21 จังหวัดทั้งกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล รวมไปถึงจังหวัดอื่นๆในพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด ขณะเดียวกันก็ได้สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่บริเวณที่น้ำเริ่มทะลักเข้ามา อย่างเร่งด่วน
          
           มีการคาดหมายกันว่า เวลานี้น้ำได้ได้เริ่มไหลเข้ามาถึงกรุงเทพมหานครในเขตชั้นใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเข้ามาถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า มันก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นภาวะวิกฤติซ้ำเติมเข้ามาอีก ซึ่งเป็นลักษณะของภาวการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีทางเลือกอยู่ไม่กี่ทางเท่านั้น นั่นคือ ยอมรับชะตากรรมและหาทางบรรเทาความเสียหายให้น้อยที่สุดเท่านั้น แต่ทางเลือกดังกล่าวถือว่าทำใจยากเหลือเกิน
          
           หากพิจารณาจากการประกาศของรัฐบาล และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเรื่องวันหยุดยาว 5 วัน และสั่งอพยพในพื้นที่เสี่ยงอย่างเร่งด่วน ถือว่านี่คือการส่งสัญญาณชัดที่สุดแล้วว่า รัฐบาลหมดทางรับมือกับน้ำที่กำลังไหลบ่าเข้ามาได้ ความหมายเวลานี้ก็คือสั่งให้ชาวบ้านอพยพหนีออกไปโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อไปหาสถานที่ปลอดภัยพักพิง หากเปรียบเป็นสมัยโบราณก็ต้องบอกว่าให้รีบหนีออกจากพระนคร หรือให้หาที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด เพราะข้าศึกรุกเข้ามาประชิดทุกทิศทางแล้ว
          
           ขณะเดียวกัน เมื่อหันไปพิจารณาจากความเข้มแข็งของรัฐบาล ผู้นำรวมไปถึงบรรดาขุนพล ขุนศึกต่างๆมันช่างไร้ความหวังสิ้นดี ไม่สามารถฝากความหวังเอาไว้ได้เลย ตรงกันข้ามหากยังให้ความเชื่อมั่นกลับยิ่งจะทำให้ตัวเองไม่ปลอดภัยมากขึ้น เพราะเมื่อพิสูจน์จากผลงานก่อนหน้านี้ก็พ่ายแพ้มาตลอดรายทาง สร้างความพินาศย่อยยับให้เห็นอยู่ทุกวัน จนล่าสุดต้องถอยร่นลงมาในเมืองหลวงเป็นที่มั่นสุดท้าย และว่าไปทำไมมีแม้กระทั่งศูนย์บัญชาการใหญ่คือศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ ประสบอุทกภัยเวลานี้ก็กลายเป็นจุดเสี่ยงอาจต้องมีการอพยพหลบหนีไปหาสถานที่ อื่นต่อไป
          
           สิ่งที่นักวิชาการที่เชี่ยวชาญทางด้านน้ำเริ่มมองเห็นแล้วว่าปริมาณ น้ำจะไหลบ่าเข้ามาทางถนนวิภาวดีรังสิต ผ่าเข้ามาจนถึงใจกลางเมือง มาเรื่อยๆ จนถึงห้าแยกลาดพร้าว จนถึงดินแดงก่อนที่จะพยายามไหลลงสู่อุโมงค์ยักษ์ระบายลงสู่ทะเลให้เร็วที่ สุด แต่สิ่งสำคัญก็คือเมื่อน้ำไหลบ่าเข้ามาแบบนั้นมันจะแผ่ขยายวงกว้างออกไปทั้ง ซ้ายและขวา จนไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ ทำให้เกิดภาวะท่วมขัง ซึ่งกว่าจะสูบให้ระดับน้ำลดลงต้องใช้เวลานานนับเดือน
           ภาวะที่เกิดขึ้นดังกล่าวย่อมสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวกรุงเทพมหา นคร ที่มีวิถีชีวิตแตกต่างจากพี่น้องในต่างจังหวัด เนื่องจากไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะที่ผ่านมาทุกอย่างมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับเอาไว้ตลอดเวลาแต่เมื่อ บรรยากาศพลิกผันเป็นตรงกันข้ามมันก็ยิ่งทำให้ปั่นป่วนรวนเร
           สิ่งที่เห็นก็คือ เวลานี้เริ่มมีศูนย์อพยพหรือแหล่งพักพิงชั่วคราวขยายออกไปตามต่างจังหวัดที่ น้ำไม่ท่วมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี เพชรบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี เป็นต้น เนื่องจากในกรุงเทพมหานครไม่ปลอดภัย
           ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เวลานี้กรุงเทพมหานครกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มากขึ้นทุกวัน เนื่องจากภาวะขาดแคลนอาหารและเครื่องดื่มรวมไปถึงเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆ เนื่องจากการคมนาคมถูกตัดขาด การขนส่งสินค้าไม่อาจทำได้
           นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่จากความขาดแคลนดังกล่าว หากยังไม่มีการควบคุมและการบริหารจัดการที่ดีพอ โอกาสที่จะเกิดภาวะกลียุคก็เป็นไปได้ไม่น้อย เพราะในเมื่อมีภาวะขาดแคลน ตกงาน ขาดรายได้มันก็ยิ่งเกิดความปั่นได้ตลอดเวลา
           ดังนั้น นาทีนี้ถึงเวลาต้องพูดความจริงและย้ำกันอีกครั้งว่ากรุงเทพมหานครกำลังเข้า สู่ภาวะวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทางเลี่ยง และต้องขนข้าวของไปไว้ในที่ปลอดภัย และขณะเดียวกันเตรียมหาทางอพยพเอาไว้ล่วงหน้าให้รอบคอบสำหรับพื้นที่ที่น้ำ ยังมาไม่ถึง แต่พื้นที่เสี่ยงก่อนหน้านี้ก็ได้เวลาเผ่นแล้ว เพราะถ้ารอให้น้ำไหลมาถึงหน้าบ้านรับรองว่า “เอาไม่อยู่” แน่นอน เตรียมตัวแล้วออกไปทันที!!

    ล็อกสาวแสบแชตบีบีตุ๋นพริตตี้

    เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 24 ต.ค. พ.ต.ต.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว สว.สส.สน.บุฝผาราม นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.อัยดา หรือจ๋า อักษรสม อายุ 26 ปี พร้อมของกลางเงินสด 1,500 บาท และใบรับสมัครงานที่กรอกแล้วอีก 18 ชุด สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวหน้าตาดีเกือบ 20 คน ว่าถูก น.ส.อัยดา ส่งข้อความผ่านทางโทรศัพท์มือถือหรือบีบี มาชักชวนให้ไปทำงานเป็นพริตตี้เปิดตัวสินค้าตามห้างดังต่าง ๆ ได้ค่าแรงวันละ 800 บาท มีพันธสัญญาผูกขาดงานยาวถึง 3 เดือน แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการสมัครคนละ 500 บาท ทำให้มีผู้สนใจเดินทางไปสมัครจำนวนมาก
       
    แต่สุดท้ายกลับไม่มีงานตามที่กล่าวอ้าง อีกทั้งเมื่อทวงถามขอค่าสมัครคืนกลับถูกบ่ายเบี่ยงอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความ หลังเจ้าหน้าที่ทราบชุดสืบสวนจึงวางแผนให้สายลับโทรศัพท์ติดต่อขอสมัครงาน โดยนัดพบ น.ส.อัยดา ที่ห้างค้าปลีกรายใหญ่ สาขาอิสรภาพ เขตธนบุรี โดยเมื่อ น.ส.อัยดา หลงกล จึงแสดงตัวเข้าจับกุม สอบสวน น.ส.อัยดา ไม่ยอมให้การใด ๆ แต่ผู้เสียหายชี้ยืนยันให้จับกุม เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน คุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

    รับสารภาพดื่มสุรากันเมา หยิบปืนมาเล่น...


    จากกรณีนายเอ (นามสมมุติ) อายุ  17 ปี  ลูกชาย ด.ต.วัชระ ผบ.หมู่ จร.สน.ห้วยขวางถูกยิงเสียชีวิตบริเวณใต้แฟลตการเคหะอาคาร 1 แขวงและเขตดินแดง  เมื่อเช้ามืดวันที่ 24 ต.ค. ตำรวจคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตเพราะเล่นรัสเซียนรูเล็ตนั้น
    ล่าสุด เมื่อเวลา 23.00 น.วันเดียวกัน  พ.ต.ท.จารุภัชร ทองโกมล รองผกก.สส.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่สอบสวนเยาวชนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วคือนายนวพันธ์ ม่วงบุญศรี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2031/42 ชุมชนแฟลการเคหะ อาคาร 31 แขวงและเขตดินแดง  จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าติดตามกดดันจนผู้ก่อเหตุขอเข้ามอบตัวทันที 
    สอบ สวนผู้ก่อเหตุให้การว่า เป็นเพื่อนกับผู้ตาย  นั่งดื่มสุรากันใต้แฟลตที่เกิดเหตุกับพวกรวม 8 คน หลังดื่มสุราจนเมาได้หยิบปืนลูกโม่ ขนาด .38 ออกมา พร้อมนำลูกกระสุนออกจากรังเพลิงจนหมด แล้วเหนี่ยวไก 4 ครั้ง ก่อนเหนี่ยวครั้งที่ 5 ลูกกระสุนที่หลงเหลืออยู่ในรังเพลิงพุ่งตรงเข้าศีรษะนายเอ  ที่นั่งอยู่ในแนวกระสุนพอดีจนเสียชีวิตคาที่ ตนเสียใจและตกใจมากที่เกิดเหตุไม่คาดฝันจึงขับรถจยย.นำปืนไปทิ้งที่สะพานพระ ราม 8 ก่อนกลับบ้านพักและเข้ามอบตัวดังกล่าว  เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต ก่อนนำตัวฝากขังโดยยังไม่ได้ให้ประกันตัว

    วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    โจ๋วัย 17 ปี ลูกชาย ด.ต.ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน .38 ประกบยิงเสียชีวิต



    โจ๋วัย 17 ปี ลูกชาย ด.ต.ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน .38 ประกบยิงเสียชีวิตขณะตั้งวงดื่มสุรากับเพื่อนบริเวณใต้ถุนแฟลตการเคหะย่านดินแดง ตร.คาดปมทะเลาะวิวาทกับคู่อริหรือเพื่อนร่วมวงเหล้า เตรียมสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัด
    วันนี้ (24 ต.ค.) เมื่อเวลา 05.00 น. ร.ต.อ.นิรภัย ธะกอง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต บริเวณใต้แฟลตการเคหะอาคาร 1 แขวงและเขตดินแดง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี เจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง
    ที่เกิดเหตุบริเวณม้านั่งหินอ่อนได้ถุนแฟลตดังกล่าว พบศพนายวราห์ นนท์ภายวัน อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2031/73 ถ.ประชาสงค์เคราะห์ แขวงและเขตดินแดง กทม. สภาพศพนอนตะแคงซ้าย สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าบริเวณขมับขวาทะลุท้ายทอย 1 นัด หัวกระสุนตกอยู่ห่างจากศพประมาณ 3 เมตร เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ใกล้กันบนโต๊ะหินอ่อนพบร่องรอยการตั้งวงดื่มสุรา ข้าวของหล่นกระจัดกระจาย
    พ.ต.อ.บุญส่งกล่าวว่า ผู้ตายเป็นลูกชายของ ด.ต.วัชระ นนท์ภายวัน ผบ.หมู่งานจราจร สน.ห้วยขวาง ก่อนเกิดเหตุเวลา 21.00 น.วันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายได้มาตั้งวงดื่มสุรากับเพื่อน กระทั่งเวลา 05.00 น.ได้เกิดเหตุยิงกัน และพบศพผู้ตายในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้นำตัวเพื่อนที่ร่วมวงดื่มสุรากับผู้ตายไปสอบปากคำที่ สน.ห้วยขวาง ส่วนปมสังหารคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องการทะเลาะวิวาทของกลุ่มคู่อริ หรืออาจเป็นการทะเลาวิวาทกันเองของกลุ่มเพื่อนที่ร่วมวงดื่มสุรา อย่างไรก็ตาม ต้องรอสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการร์อย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

    แถลงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กทม.


    วันที่ 24 ต.ค. ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการ กทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แถลงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กทม. ภายหลังออกประกาศกรุงเทพมหานคร ฉบับที่ 4 ให้พื้นที่ดอนเมือง หลักสี่ บางเขน จตุจักร บางสื่อ และสายไหม เป็นพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมแจ้งเตือนให้ประชาชนขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง เนื่องจากเกรงว่าน้ำเหนือบริเวณรังสิต ปทุมธานี จะไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่
    สำหรับระดับน้ำในคลองต่างๆ นั้นยังอยู่ในระดับปกติ ในส่วนของคลองหกวาสายล่าง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 10 เซนติเมตร คลองเปรมประชากรระดับน้ำสูงล้นตลิ่ง คลองทวีวัฒนาฝั่งธนบุรี เพิ่มขึ้น 7 ซม. นอกจากนี้ยังท่วมขัง ถ.สิรินธร ถ.พหลโยธิน ถ.วิภาวดี-รังสิต ถ.สายไหม ตั้งแต่วัดหนองใหญ่ถึงซอยเพิ่มสิน และ ถ.แจ้งวัฒนะเป็นช่วงๆ จากคลองประปาถึงคลองเปรมประชากร
    ส่วนสถานการณ์พื้นที่ด้านเหนือ กทม. คาดว่าบางพื้นที่อาจมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้คลองเปรมประชากรหน้าสน.ดอนเมือง ระดับน้ำสูงใกล้ถึงขอบตลิ่ง เนื่องจาก กทม. เปิดประตูระบายน้ำเพิ่ม เพื่อเร่งระบายน้ำที่เข้ามาในพื้นที่คันกั้นน้ำ ทำให้น้ำในคลองมีระดับที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสำนักการระบายน้ำ กทม. เร่งสูบน้ำไปลงแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อควบคุมน้ำในคลองให้อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากนัก และดำเนินการเรียงกระสอบทรายบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติด้าน ถ.วิภาวดี-รังสิต และ ถ.พหลโยธิน เพื่อป้องกันน้ำทะลักท่วมพื้นที่ใกล้เคียง
    สำหรับพื้นที่ด้านตะวันออกของ กทม. มีน้ำท่วมขัง 88 จุด เนื่องจากมีฝนตกลงในพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังโดยเฉพาะตามถนนและชุมชนที่ตั้งอยู่ริมคลองซึ่งมีระดับต่ำ อีกทั้งน้ำในคลองท่วมสูงจากน้ำเหนือและล้นแนวคันกั้นน้ำ ทำให้มีน้ำท่วมถนนและหมู่บ้านต่างๆ ประมาณ 15-35 ซม. โดยจุดที่น้ำท่วมขังมากที่สุด คือ เขตหนองจอก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชุมชนตั้งอยู่ริมคลอง เช่น แนวริมคลองสามวา ชุมชนวัดตาหนวด ถ.ประชาร่วมใจ โดย กทม. ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและวางแนวกระสอบทรายแล้วทุกจุด
    ขณะที่ด้านตะวันตกของ กทม. มีน้ำท่วมขัง 8 จุด โดยเฉพาะถนนและชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ คลองบางกอกน้อย คอลงภาษีเจริญ คลองทวีวัฒนา อีกทั้งมีการเร่งระบายน้ำจาก จ.นนทบุรี ออกสู่ทะเลทำให้ระดับน้ำในคลองวันนี้สูงเอ่อล้นตลิ่ง
    ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สูงขึ้นนั้น เกิดจากน้ำรั่วซึมแนวกระสอบทรายซึ่งเป็นแนวป้องกันชั่วคราวในบริเวณต่างๆ อาทิ สะพานพระราม 7 หน้า ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ซึ่งเกิดจากแนวป้องกันของ บ. CPAC พัง 50-60 ซม. ทั้งนี้สำนักการระบายน้ำ กทม. ได้ดำเนินการแก้ไขเสร็จเรียบร้อยแล้ว
    นอกจากนี้ ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ กทม. เร่งดำเนินการดูแลเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่อาจไหลเข้าท่วมพื้นที่สำคัญ 3 เรื่อง คือ 1.เขตพระราชฐานในพื้นที่ต่อเนื่องจาก 6 เขตข้างต้น ซึ่งอาจกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับมือเป็นพิเศษ 2.ให้สำรวจพื้นที่บริเวณสนามบินดอนเมือง เพื่อเตรียมแผนหาทางเข้าออกของให้พร้อม
    หากเกิดกรณีน้ำท่วมถนนวิภาวดีรังสิต จะต้องเปิดทางเข้าออกสนามบินดอนเมืองทางด้านอื่น เพื่อให้ ศปภ. ยังทำงานต่อไปได้ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ ศปภ. เป็นศูนย์กลางในการแก้ปัญหาน้ำท่วมของทั่วประเทศจะให้อะไรเกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งกทม.เป็นเจ้าบ้านจึงต้องดูแล ศปภ.ให้ดีที่สุด และ 3.ประสานไปยังนิคมอุตสาหกรรม ลาดกระบังและบางชัน ที่อยู่ในพื้นที่ที่ทางน้ำจะผ่าน ให้เตรียมพร้อมป้องกันเต็มที่ ให้เสริมคันกั้นน้ำให้แข็งแรง เพราะมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ พร้อมให้พิจารณาเรื่องการป้องกันสารเคมี สารพิษ ที่อาจปนเปื้อน หากเกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้น

    วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    ปลิงควายยาว 6 นิ้ว โผล่ปาก ซ.บ้านกล้วย-ไทรน้อย บางบัวทอง


     วันนี้ (14 ต.ค.) ที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านพบปลิงควายขนาดลำตัวยาว 6 นิ้ว ลอยขึ้นมาจากในท่อระบายน้ำหน้าร้านสุนทรเอ็มไพร์ราดหน้า ปากซอยบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยนายสาย คล้ายเครือ อายุ 28 ปี พนักงานร้านสุนทรเอ็มไพร์ราดหน้า เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (14 ต.ค.) ขณะที่ตนกำลังเก็บร้านพร้อมเพื่อนพบสัตว์ลักษณะคล้ายปลิงควายลอยอยู่บริเวณ หน้าร้านจำนวน 2 ตัว ตนและพนักงานร้านจึงช่วยจับปลิงทั้ง 2 ตัวแต่ปรากฏว่าสามารถจับได้เ
    พียงแค่ตัวเดียว ส่วนอีกหนึ่งตัวหลุดลอดไปได้ โดยคาดว่าคงหลบซ่อนตัวอยู่ตามซอกหินบริเวณทางเดินเท้า
          
           ขณะที่ นางวรัญญา ฤทธิปัญญา เจ้าหน้าที่ อสม.ประจำ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กล่าวว่า หากผู้ใดถูกปลิงเกาะบริเวณร่างกาย ให้ใช้เหล้าขาวและยาเส้นผสมกันแล้วบีบใส่ตัวปลิง ปลิงก็จะหลุดออกจากร่างกายได้ แต่กระนั้นก็ขอให้ผู้สัญจรในพื้นที่ควรระมัดระวังการเดินเท้า โดนควรใส่รองเท้าให้มิดชิด หรือสวมใส่รองเท้าบูตแทน
          
           ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่นั้น ล่าสุดบริเวณปากซอยบ้านกล้วย-ไทรน้อย ถ.ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี น้ำจากคลองพระพิมลได้เอ่อล้นมาตามท่อระบายน้ำเป็นระยะทางยาวกว่า 500 เมตร โดยระดับน้ำได้ลึกเฉลี่ยกว่า 30 ซม. รถยนต์ขนาดเล็กสัญจรได้ลำบาก ทำให้การจราจรในพื้นที่ติดขัดอย่างมาก

    วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    หนูเริ่มเป็นสาว...แนะนำร้านอาหาร.


    ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตามรวบสาวใหญ่แดนกิมจิ หลอกเพื่อนร่วมชาติให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจส่งออกเมล็ดกาแฟ จนมีผู้หลงเชื่อในประเทศกว่า 10 ราย แล้วเชิดเงิน 425 ล้านวอน หรือประมาณ 13 ล้านบาท หลบหนีเข้ามากบดานในไทย จนมาถูก จนท.จับตัวได้


        วันนี้ (13 ต.ค.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก ผบก.สส.สตม. เปิดเผยว่า พ.ต.อ.เฉลิมพล จินตรัตน์ ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.ท.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์และ พ.ต.ท.ทิฆัมพร ศรีสังข์ รองผกก.2 บก.สส.สตม.ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.พัฒนพงษ์ โรจนวานิชกิจ นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นางเคียง อิน คิม อายุ 53 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ผู้ต้องหาในความผิดฐานฉ้อโกง ตามหมายจับของศาลแดจอน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ โดยสามารถจับกุมได้บริเวณริมถนนเทียม ร่วมมิตร แขวงรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กทม.
          
           จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหารายนี้เดินทางหลบหนีเข้าประเทศไทยตั้งแต่ 2544 โดยมีพฤติกรรมหลอกลวงคนเกาหลีใต้ ให้เข้าร่วมลงทุนในจังหวัดภูเก็ตทำธุรกิจส่งออกเมล็ดกาแฟ ที่ผ่านมามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีในประเทศเกาหลีใต้รวม 10 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 425 ล้านวอน (13 ล้านบาท) ตรวจสอบเบื้องต้นผู้ต้องหาไม่สามารถนำหนังสือเดินทางมาแสดงได้
          
           เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมส่งตัวไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

    ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก “โอปอ” สาวประเภทสองที่ทำตัวเป็นมาม่าซังโหด ตบสาวอาชีวะบังคับเปิดซิง


        วันนี้ (13 ต.ค.) ศาลจังหวัดพิจิตรเปิดเผยผลการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค6 คดีหมายเลขดำที่ 563/2554 คดีหมายเลขแดงที่ 2808/2554 ให้จำคุกนายจณิสตา จันทร์ประเทศ หรือโอปอ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 5 ต.สามง่าม อ.สามง่าม จ.พิจิตร ซึ่งเป็นสาวประเภทสองและทำตัวเป็นมาม่าซัง จัดหาหญิงสาวและนักศึกษา เพื่อค้าประเวณี
          
           คดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ 21 ก.พ.53 โดยศาลได้พิพากษาจำคุกในความผิดเกี่ยวกับเพศ ซึ่งเป็นความผิดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ตาม ม.282 ม.79 โดยพฤติกรรมของนายจณิสตา แม่เล้าสาวประเภทสองผู้นี้ก่อนจะถูกจับด้วยการล่อซื้อนักศึกษาสาวขายบริการ นายจณิสตาได้ก่อพฤติกรรมโหดด้วยการบุกเข้าไปทำร้ายด้วยการตบนักศึกษาสาว วิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งถึงในหอพัก เพื่อบังคับให้เปิดบริสุทธิ์ค้าประเวณี โดยลงมือตบจนนักศึกษาสาวยกมือไหว้ก็ยังไม่หยุดการกระทำ พร้อมทั้งได้มีการถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้เพื่อข่มขู่หญิงสาวคนอื่นๆ และมีการนำมาเผยแพร่จนเป็นข่าวฉาว
          
           แต่การกระทำในครั้งนั้น โอปอปฏิเสธว่าเป็นการก่อการวิวาท เนื่องจากแย่งชายหนุ่มกันซึ่งฝ่ายนักศึกษาสาวได้แจ้งความและเอาผิดเพียงแค่ เรื่องทำร้ายร่างกาย
          
           จากนั้น พ.ต.ท.ถนอม จินาวา รอง ผกก.สภ.เมืองพิจิตร จึงได้ทำการวางแผนเข้าล่อซื้อบริการทางเพศ โดยโอปอได้จัดส่งหญิงสาวจำนวน 2 คนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีให้มาขายบริการทางเพศกับตำรวจ และสายลับที่เข้าล่อซื้อถึงโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง เมื่อได้หลักฐานเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและเข้าจับกุมดำเนินคดี
          
           โดยในชั้นพนักงานสอบสวน โอปอให้การปฏิเสธแต่ก่อนสืบพยานในศาลชั้นต้น โดยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพต่อศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นจำคุก 6 ปี จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษจำคุกให้กึ่งหนึ่งโดยให้จำคุก 3 ปี และโอปอได้ยื่นอุทธรณ์ขอเมตตาว่าเพิ่งทำผิดเป็นครั้งแรกและจะหาเงินไปผ่าตัด แปลงเพศ
          
           ซึ่งศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วว่า การกระทำของจำเลยนอกจากจะ เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายแล้วยังขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน และเป็นบ่อเกิดของโรคติดต่อร้ายแรงที่มีสาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์ จึงมิใช่การกระทำผิดในเรื่องเล็กน้อย อีกทั้งข้ออ้างว่าทำไปเพื่อหาเงินมาแปลงเพศก็เป็นความจำเป็นส่วนตัว ดังนั้นที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจึงไม่มีเหตุอันควรรอลงอาญา
          
           ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ซึ่งมีเมตตาให้พิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงให้จำคุก 2 ปี 6 เดือน ซึ่งขณะนี้ได้ส่งตัวโอปอ มาม่าซังสาวประเภทสองรายนี้ที่มิได้สู้คดี หรือขอยื่นฎีกา เข้ารับโทษในเรือนจำจังหวัดพิจิตรแล้ว จึงนับเป็นการจบคดีฉาวของการค้าประเวณีในหมู่นักศึกษาและเยาวชนของ จ.พิจิตรดังกล่าว

    วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    สถานประกอบการ 45 แห่ง อ้าแขนรับแรงงานกรุงเก่า 9 พันคน


         วันนี้ (11 ต.ค. ) นายสุเมธ มโหสถ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน ที่จะมีมาตรการให้สถานประกอบการที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมสามารถยืมแรง งานจากสถานประกอบการที่ประสบปัญหาน้ำท่วมได้ เพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบให้มีรายได้ โดยได้มีการประชุมร่วมกับสถานประกอบการทั้ง 60 แห่ง ที่ จ.ชลบุรี ซึ่งมีสถานประกอบการกว่า 45 แห่ง ใน 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ปราจีน ฉะเชิงเทรา พร้อมเข้าร่วมโครงการ โดยมีความต้องการแรงงานกว่า 8,824 อัตรา
           โดยทางกรมการจัดหางานจะ ประสานฝ่ายบุคคลของสถานประกอบการที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ที่ จ.อยุธยา เพื่อเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเป็นระบบ โดยประเภทกิจการและตำแหน่งงานว่างดังนี้ 1.ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ 2,567 อัตรา 2. แปรรูปสเตนเลสเหล็ก 57 อัตรา 3.ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ 20 อัตรา 4.อาหาร/บะหมี่ 370 อัตรา 5.คลังสินค้า/Logistic 365 อัตรา 6.ผลิตภัณฑ์กล่องกระดาษ/สเปรย์ 40 อัตรา 7.รับเหมาแรงงาน 3,150 อัตรา 8.ผลิตภัณฑ์พลาสติก 464 อัตรา 9.เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเลกทรอนิกส์ 1,050 อัตรา 10.เคมีภัณฑ์ 13 อัตรา 11.วัสดุก่อสร้าง 16 อัตรา 12.เครื่องฉีดพลาสติก 311 อัตรา 13.ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป 100 อัตรา 14.ค้าปลีก 75 อัตรา 15.ดูแลอสังหาริมทรัพย์ 155 อัตรา
       
           ทั้งนี้ หากแรงงานต้องการหาตำแหน่งงานเอง ทางข้อมูลจากกองวิจัยแรงงาน กรมการจัดหางาน ระบุข้อมูลตำแหน่งงานว่าง ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2554 ว่า ทั่วประเทศมีจำนวนตำแหน่งงานว่างทั้งหมด 55,130 อัตรา โดยไม่รวม 6 จังหวัด ที่ประสบภัย ได้แก่ ชัยนาท อ่างทอง อยุธยา ลพบุรี สิงหบุรี นครสวรรค์ สามารถติดต่อได้ที่กองพัฒนาระบบบริการจัดหางาน 0-2245 -1693 และสามารถติดต่อจัดหางานใน 4 จังหวัดได้แก่ ชลบุรี 038-398054 ระยอง 038-694022-8 ปราจีน 037-454021-3 ฉะเชิงเทรา 038-515-034
       
           วันเดียวกัน วันนี้ (11 ต.ค.) นายอาทิตย์ อิสโม อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า ขณะนี้มี 4 บริษัทในจังหวัดปทุมธานี คือ บริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ทอสเท็มไทย จำกัด บริษัท โตมิ จำกัด และบริษัทในเครือเซนทาโก แจ้งว่า พร้อมเข้าร่วมโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน ในการเคลื่อนย้ายแรงงานจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปทำงานชั่วคราว ระหว่างรอโรงงานเปิดกิจการ โดยไม่จำกัดจำนวน ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้หลังน้ำลด
       
           ทั้งนี้ สาเหตุที่ไม่สามารถทำได้ทันทีนั้น เนื่องจากระดับน้ำยังสูง จึงยากต่อการทำข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง รวมไปถึงปัญหาในการเดินทางไปทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับนายจ้างในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในเรื่องของค่าจ้าง ซึ่งได้รับการยืนยันว่า ช่วง 1-2 เดือนนี้ นายจ้างยังช่วยจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างอยู่ ส่วนในการโอนย้ายคนงานตามโครงการนี้นายจ้างส่วนใหญ่เห็นด้วย
       
           สายด่วน สปส.ขอความช่วยเหลือพุ่ง
       
           นายจีระศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 7-10 ตุลาคม ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคมได้เพิ่มบริการในการสอบถามข้อมูลและประสานความช่วยเหลือ ให้กับผู้ใช้แรงงาน และสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย ผ่านสายด่วน 1506 ล่าสุด มีผู้ใช้แรงงานและสถานประกอบการโทรมาขอความช่วยเหลือ จำนวน 84 สาย
       
           ทั้งนี้ ส่วนใหญ่จะสอบถามเรื่องสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานของสำนักงานประกันสังคมสำหรับโรงงานที่ถูกน้ำ ท่วม รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับหากถูกเลิกจ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้รับเรื่อง เพื่อส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ
       
           อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่สถานการณ์อุทกภัยรุนแรงขึ้น มีผู้ประกันตน เจ้าของสถานประกอบการและประชาชน โทร.เข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 ซึ่งส่วนใหญ่จะโทร.เข้ามาในช่วงเวลา 12.00-24.00 น.ขณะที่มาตรการช่วยเหลือ ณ ขณะนี้ สำนักงานประกันสังคม ได้เสนอมาตรการลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป
       
           เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวอีกว่า สำหรับ ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยในพื้นที่ประสบอุทกภัย สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลคู่สัญญาทุกแห่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ หากผู้ประกันตนประสบปัญหาขอให้ติดต่อขอรับการช่วยเหลือผ่านสายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

    หนุ่มมือด้วนยิงขาใหญ่นครปฐมเจ็บสาหัส


     เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวข่าวสดรายงานว่า ร.ต.ท.ตรงศักดิ์ ค้าข้าว ร้อยเวร สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งมีผู้ถูกยิงบาดเจ็บและเข้ามารักษาตัวที่ ร.พ.นครปฐม จึงรุดตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.วัฒนา พิมพ์อัฐ ผกก. พ.ต.ท.ตรัยฤกษ์ ปัญญาไตรรัตน์ รองผกก.ป. และพบผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ นายธงชาติ แสงโสม อายุ 28 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าด้านหลัง 2 แผล หน้าท้อง 1 แผล และรักแร้ซ้าย 2 แผล อาการสาหัส แพทย์ต้องนำเข้าห้องผ่าตัดช่วยชีวิต

     สอบสวนเพื่อนผู้บาดเจ็บทราบว่า ถูกยิงมาจากหน้าร้านเกมส์อินเตอร์เน็ต โมจิ ถนน 25 มกรา ข้างสวนหย่อมหน้ามูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม ส่วนมือปืนผู้ก่อเหตุคือ นายธงชาติ หรือฉายา‘วัฒน์ด้วน’ เพราะมือขวาด้วนไม่มีนิ้วมือตั้งแต่ข้อมือ เป็นลูกชายร้านขายราดหน้าในตลาดองค์พระปฐมเจดีย์ หลังก่อเหตุได้ซ้อนท้ายจักรยานยนต์หลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ 3 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

     จากนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้านเกมส์อินเตอร์เน็ตพบ ภาพกลุ่มของนายธงชาติ พร้อมพวกทั้งวัยรุ่นชายหญิง ทอมและกระเทย รวม 12 คน ขี่รถจักยานยนต์มาที่หน้าร้านเกมส์ ขณะนั้นมีนายวัฒน์ด้วน และเพื่อน 4-5 คน ยืนคุยกันอยู่หน้าร้านเกมส์ จากนั้นกลุ่มของนายธงชาติขี่รถวนมาหน้าร้านเกมส์และลงมาใช้มีดไล่ฟันและรุม ทำร้ายกลุ่มนายวัฒน์ด้วน ขณะกำลังชุลมุนตะลุมบอลกันอยู่นั้น นายวัฒน์ด้วนจึงชักอาวุธปืนที่พกอยู่ยิงใส่นายธงชาติไป 3 นัด จนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่นายวัฒน์ด้วนจะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

    หนุ่มดวงซวง ผึ้งกว่า100 ตัว รุมต่อยตาย



    วันที่ 10 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งคนถูกผึ้งต่อยตายไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลมหาราช สอบถามนายฉลวย นนกระโทก อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/1 หมู่ที่ 8 ต.ละลมใหม่พัฒนา อ.โชคชัย จ. นครราชสีมา พ่อตาของนายสุเมธ ปล่องกระโทก อายุ 27  ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 8 ต.ละลมใหม่พัฒนา ผู้ตาย เล่าว่า เกิดเหตุเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ต.ค. ตนพร้อมเพื่อนบ้านจะไปตีผึ่งใหญ่ ที่ไร่มันสำปะหลังห่างจากหมู่บ้านไป 300 เมตร เพื่อเอาน้ำหวานมาเป็นส่วนผสมในการกวนข้าวทิพย์ให้พระมหาไถ ถามวโร เจ้าอาวาสวัดกุดจอกใหญ่ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 ต.ค.นี้ จึงเอ่ยชวนผู้ตาย ขณะที่ตนขึ้นไปบนตนไม้ นายสุเมธ อยู่ข้างล้าง รังผึ้งได้ตกลงมาผึ้งรุ่มต่อยนายสุเมธกว่า 100 ตัว โดยไม่ยอมต่อยคนอื่นๆ กระทั้งนายสุเมธ หลบเข้าไปในหน้ารถกระบะ และบอกกับเพื่อนๆ ว่าไม่ไหวให้นำส่งร.พ. และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

    วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    ตำรวจนนท์โชว์จับแก๊งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ลักลอบค้ายาบ้า ยึดของกลางกว่า 5 พันเม็ด ยาไอซ์อีกเพียบ



        วันนี้ (8 ต.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่สภ.บางบัวทอง พ.ต.อ.อภิชาต เรือนทิพย์ รักษาการ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.พงษ์สิทธิ์ แสงเพชร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.โสภณ พึงไชย ผกก.สภ.บางบัวทอง พ.ต.ท.ไพบูลย์ พรหมแก้ว สวป.สภ.บางบัวทอง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.บางบัวทอง จับกุมผู้ต้องหาลักลอบค้ายาเสพติดได้จำนวน 4 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 5,040 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 98.19 กรัม
          
           ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 54 เวลาประมาณ 20.00 น. พ.ต.ท.ไพบูลย์ พรหมแก้ว สวป.สภ.บางบัวทอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.บางบัวทอง ได้จับกุมนายสราวุธ ผลสวัสดิ์ อายุ 43 ปี ได้ของกลางเป็นยาไอซ์ 0.79 กรัม ผู้ต้องหาที่ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอบางบัวทองกับ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี แล้วขยายผลต่อจนได้ผู้ต้องหาเพิ่มอีก 3 ราย ผู้ต้องหารายที่ 1 คือ นายก้อย หรือต้อม เรืองพิกุล อายุ 33 ปี ได้ของกลางยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 8.15 กรัม ผู้ต้องหารายที่ 2 นายวิวรรธน์ หรือจ้ำ เนื่องชัยยศ อายุ 30 ปี ได้ของกลางยาบ้าจำนวน 2,030 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 69.00 กรัม และหนึ่งในนั้นมีผู้ต้องหารายสำคัญมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี คือนายสุรเชน หรืออุ้ย ถมทรัพย์ อายุ 29 ปี ได้ของกลางยาบ้า จำนวน 1,010 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 20.25 กรัม
          
           เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และยาไอซ์ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    ชาวบ้านสุโขทัยบางหมู่บ้านสุดลำเค็ญ

     

      สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจฝั่งตะวันตกของ อ.เมือง จ.สุโขทัย จนถึงวันนี้ (9 ต.ค.) ทั้งชาวบ้านและผู้ประกอบกิจการต่างๆ ยังคงได้รับความเดือดร้อนหนัก ส่วนถนนจรดวิถีถ่อง ตั้งแต่สี่แยกคลองโพธิ์ ไปจนถึงหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี รวมระยะทาง 6 กิโลเมตร ถูกน้ำท่วมสูง 80 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้
          
           ขณะที่ผู้ป่วยและประชาชนผู้ใช้บริการ รวมทั้งแพทย์และพยาบาล ที่ต้องเดินทางเข้าออกโรงพยาบาลสุโขทัย ต่างก็ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะการสัญจรไม่สะดวก และใช้เวลานานกว่าจะเดินทางถึง
          
           สำหรับชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 12 บ้านโพธิ์ทองพัฒนา 1 ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย ซึ่งถูกน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร จนเกือบมิดหลังคาบ้านนั้น กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม ทำให้ชาวบ้านหลายครอบครัวต้องพายเรือออกเก็บผักบุ้ง และผักกระเฉดมาต้มกินแทน
          
           น.ส.เมทินี วีระชาติ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 กล่าวว่า หมู่บ้านนี้มี 34 หลังคาเรือน ถูกน้ำท่วมขังมานาน 5 เดือนแล้ว ตอนนี้ชาวบ้านต้องการข้าวสารและน้ำดื่มอย่างมาก เพราะที่ได้รับแจกก่อนหน้านี้รวม 3 ครั้ง หมดไปแล้ว
          
           “หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลบ้านกล้วยใกล้ตัวเมือง สุโขทัย แต่ไม่มีน้ำประปาใช้ ชาวบ้านต้องอาศัยน้ำคลองแกว่งสารส้มไว้กิน แถมยังตกสำรวจเงินช่วยเหลือน้ำท่วม รายละ 5,000 บาท โดยชาวบ้านเพิ่งจะมีรายชื่อได้รับเงินในรอบที่ 3 นี่เอง”
          
           น.ส.เมทินีบอกว่า มีชาวบ้านหลายครอบครัวต้องย้ายไปนอนที่สถานีขนส่งสุโขทัย ส่วนคนที่ไม่ยอมย้ายออกไป ก็ต้องเสี่ยงกับตะขาบยักษ์ และงูพิษต่างๆ จำนวนมาก ที่หนีน้ำมาซุกซ่อนอยู่ในบ้าน และตนเองก็เพิ่งจะโดนตะขาบยักษ์กัดจนเกือบตาย ขณะที่กำลังช่วยชาวบ้านย้ายของหนีน้ำ
          
           ด้าน น.ส.จิตติมา สุขผลิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุโขทัย กล่าวถึงผลกระทบจากน้ำท่วมว่า มีนักท่องเที่ยวชาวไทยลดลง 40 เปอร์เซ็นต์ หรือราว 20,000 กว่าคน ทำให้ต้องสูญรายได้ไปประมาณ 20 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นเพราะข่าวน้ำท่วมสุโขทัยที่ถูกเผยแพร่ออกไปตามสื่อต่างๆ ทำให้นักท่องเที่ยวหยุดเดินทางมา
          
           สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับผลกระทบน้อยมาก และยังถือว่าโชคดี แม้เส้นทางหลักถูกน้ำท่วม แต่ก็ยังมีเส้นทางเลี่ยงที่ใช้เดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญได้

    กทม.สั่งทุกเขตเตรียมแผนอพยพรับสถานการณ์น้ำท่วมฉุกเฉิน โดยเฉพาะพื้นที่เสียงฝั่งตะวันออก หลังน้ำเหนือจ่อเข้ากรุง 16-18 ต.ค.นี้



    8 ต.ค. ภายหลังจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เรียกประชุมผู้บริหาร และผู้อำนวยการเขตต่างๆ  ในการเตรียมแผนรับมือน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร และเตรียมแผนอพยพประชาชน เนื่องจากในช่วงวันที่ 16-18 ต.ค. ตามการคาดหมายจะมีน้ำทะเลสูง บวกกับมีน้ำปริมาณมากลงมาจากทางเหนือ รวมถึงการเตรียมเยียวยาฟื้นฟูผู้ประสพภัยหลังปัญหาน้ำท่วม

    ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจ และแก้ไขเพิ่มเติมในแผนอพยพ โดยในช่วงการอพยพจะมีการดูแลเรื่องอาหารที่นอน สัตว์เลี้ยง รวมถึงเครื่องนุ่งห่มให้ประชาชน รวมถึงจะมีการเยียวยาฟื้นฟูหลังปัญหาน้ำท่วมได้สิ้นสุดลง ซึ่งก็หวังว่าแผนอพยพที่ได้เตรียมไว้จะไม่ถูกนำมาใช้ แต่แผนอพยพต้องมีอยู่ในมือเช่นเดียวกับเวลาออกจากบ้าน ถ้ามีร่มอยู่ในมือหากมีฝนตกก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้มีร่มอยู่ในมือไว้ก่อน 
    ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนข่าวลือที่ออกมาต่างๆ ว่าน้ำจะท่วมกทม. ก็เกรงว่าประชาชนจะแตกตื่น เพราะยังมีการแจ้งเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมผ่านทางทวิตเตอร์ ซึ่งคลาดเคลื่อนออกไป จึงขอให้ทุกฝ่ายตรวจสอบสถานการณ์ให้รอบด้านที่สุด โดยยืนยันว่าขณะนี้กทม.ยังถือว่า อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ และจะมีการแถลงข่าวสรุปสถานการณ์น้ำทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ขณะเดียวกันจะมีสายด่วน 1555 และ 02-245-5115 สำหรับให้ประชาชนโทรมาแจ้งเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์ของกทม.ได้ทันที
    สำหรับหลักเกณฑ์การอพยพ อาจจะต้องพิจารณาจาก 1.หากสถานการณ์เสี่ยงต่อชีวิตจะต้องมีการอพยพคนออกมาทันที  2.ถ้าสถานการณ์ทำให้ประชาชน ไม่สามารถดำรงชีวิตตามปกติได้ หรือน้ำท่วมในระดับที่สูงก็ต้องมีการอพยพในทันทีเช่นกัน ทั้งนี้การอพยพประชาชนจะเน้นในพื้นที่เสี่ยงภัย ทางกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก อาทิ เขตมีนบุรี หนองจอก คลองสามวา ลาดกระบัง เป็นต้น จากนั้นจะมีการขยายวงในการดูแลพื้่นที่อื่นให้ครอบคลุม 

    วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    เปิด 15 จุดเสี่ยงน้ำท่วม พื้นที่ กทม.ชั้นใน

    ผอ.สำนักการระบายน้ำ กทม. เผยจุดเสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก 15 แห่ง ถ้า น้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุน ก็เสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมได้ 

    เมื่อวันที่ 8 ต.ค.นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพ มหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่ชั้นใน กทม.จากการสำรวจพบว่า มี 15 พื้นที่เป็นจุดอ่อนและเสี่ยงต่อน้ำท่วม ถ้า 3 น้ำมาพร้อมกัน ทั้งน้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุน ก็เสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมได้ เพราะกรุงเทพฯเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ง่ายต่อน้ำท่วมขัง ได้แก่ 1)เขตสาทร ย่านถนนจันทร์ เซนต์หลุยส์ สาธุประดิษฐ์ 2)เขตพญาไท ถนนพหลโยธิน ช่วงคลองสามเสน-คลองบางซื่อ 3)เขตพระโขนง ถนนสุขุมวิท จากคลองพระโขนง-ซอยลาซาล 4)เขตวัฒนา ซอยสุขุมวิท 39 และ 49 5)เขตวังทองหลาง ถนนลาดพร้าว จากคลองลาดพร้าว-ห้างเดอะมอลล์ 6)เขตบึงกุ่ม ถนนนวมินทร์ จากคลองดอนอีกา-แยกถนนประเสริฐมนูกิจทั้งสองฝั่ง
    7)เขตดินแดง ถนนรัชดาภิเษก หน้าห้างโรบินสัน 8)เขตจตุจักร ถนนรัชดาภิเษก แยกลาดพร้าว 9)เขตราชเทวี ถนนเพชรบุรี จากถนนบรรทัดทอง-แยกราชเทวี 10)เขตราชเทวี ถนนนิคมมักกะสัน 11)เขตราชเทวี ถนนพระรามที่ 6 หน้าตลาดประแจจีน 12)เขตบางแค ถนนเพชรเกษม ซอย 63 (ซอยวัดม่วง) 13)เขตยานนาวา ถนนเย็นอากาศ จากถนนนางลิ้นจี่- ซอยศรีบำเพ็ญ 14)เขตประเวศ ถนน ศรีนครินทร์ ช่วงคลองตาสาด-คลองตาช้าง และ 15)เขตพระนคร ถนนสนามไชยและถนนมหาราช 
    นายสัญญา กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน กทม.เตรียมรับมือเต็มที่ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ช.ม. ล่าสุดซื้อกระสอบทรายเพิ่มอีก 1.5 ล้านถุง เพราะทุกเขตขอเข้ามา นอกจากนี้ยังได้ขุดลอกคลองให้ระบายน้ำได้เร็วขึ้น ดูแลประตูระบายน้ำ เครื่องสูบน้ำ สถานีสูบน้ำ รวมถึงประสานงานกับกรมชลประทานช่วยบริหารจัดการน้ำผ่านคลองและอุโมงค์ลงสู่ทะเล 
    "ถ้าน้ำมามากเกิน คนกรุงต้องยอมรับสภาพ ซึ่งปริมาณน้ำฝน กทม.รับมือได้เต็มที่ 1,500-1,600 ลบ.เมตรต่อวินาที ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยารับได้ 3,000-3,500 ลบ.เมตรต่อวินาที" นายสัญญา กล่าว