วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การซื้อขายปืน...ข้อควรระวัง...ขบวนการขายปืนสวัสดิการ...มีหลายวิธี... 1. จนท.ฝ่ายปกครองหรือข้าราชการตำรวจ,ข้าราชการทหาร เป็นผู้ซื้อปืนจะแจ้งปืนหายแล้วขายต่อ... 2. นำใบป.1 มาเวียน แก้ไขการขออาวุธปืนเป็นกระบอกที่ 2 ที่ 3 ไปเรื่อยๆ โดยเจ้าตัวไม่รู้เรื่อง เพื่อนำมาขอใบป.3 และนำใบป.3ไปขอซื้อปืนที่ร้านจำหน่ายปืนที่เข้าโครงการปืนสวัสดิการในกรุงเทพฯ 3. นำใบป.1 มาเวียน แต่ปลอมใบป.3 สรุป...ผู้ซื้อปืนต่อมาภายหลัง...อาจถูกเพิกถอนทะเบียนปืน...และมีความผิดตามกฎหมาย... จุดที่น่าสังเกตุ ส่วนใหญ๋ผู้ค้ายาเสพติด ที่ถูกจับได้พร้อมอาวุธปืนจะมาจากโครงการขายปืนสวัสดิการ เพราะ ผู้ซื้อปืนถูกราคากระบอกละไม่เกิน 3 หมื่น แต่ขายปืนต่อได้ราคากระบอกละเกือบแสน ผู้ค้ายาเสพติดทั้วประเทศจึงหาซื้ออาวุธปืนง่ายและก็นำเอาอาวุธปืนไปก่อเหตุ ฆ่าตำรวจ ปล้น จี้ และฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์หรือว่าไม่จริง... กรุณาชมคลิปให้จบจะได้ข้อมูลรอบด้าน...

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555

الأخبار - قتلى بميانمار وضغوط دولية لوقف العنف دولي

إعلان الطوارئ بولاية راخين في ميانمار


أعلن رئيس ميانمار ثين سين حالة الطوارئ في ولاية راخين غربي البلاد، بعد أعمال عنف طائفي أسفرت عن سقوط عدد من القتلى والجرحى ومخاوف من توسعها وانتشارها.
وذكر التلفزيون الرسمي أن حالة الطوارئ ستفرض بالولاية بين الساعة السادسة مساء والسادسة صباحا بالتوقيت المحلي، عقب أعمال العنف بين مسلمين وبوذيين راح ضحيتها سبعة قتلى و17 جريحا.
وحذر المصدر من انتشار وامتداد الفوضى، وقال "هناك أناس يحاولون العبث بالأمن العام"، مشيرا إلى أن "التجمع وإلقاء الخطب والتحريض على أعمال الشغب أو المواجهات كلها أمور محظورة".
وتزايدت التوترات الدينية بشدة بعد مقتل عشرة مسلمين على يد حشد غاضب انهالوا عليهم بالضرب في جنوب ولاية راخين.
ثم قتل أربعة بوذيين الجمعة قبل اندلاع موجة ثانية من أعمال العنف السبت. لكن يبقى من الصعب معرفة الانتماء الإثني والديني للضحايا الثلاثة الآخرين. ودمر حوالي خمسمائة منزل بحسب وسائل الإعلام الرسمية.
واتهمت السلطات الروهينجيا المسلمين، الذين لا يعترف بهم كمواطنين من ميانمار، بالوقوف وراء أعمال العنف التي بدأت بالقرب من مونغداو على الحدود مع بنغلاديش.
وقد تجمع نحو ستمائة شخص الأحد في معبد شويداغون في يانغون الموقع الرئيسي للبوذية الوطنية، للمطالبة بإحقاق الحق مع عبارات لا تفرق بين المسلمين الهنود والبنغال والروهينجيا. وكتب على بعض اللافتات "لا مكان للإرهابيين البنغال" و"أنقذوا الراخين".
وقال رئيس شبكة الراخين الوطنية تين هتو أونغ إن أعمال العنف "تسيء إلى الأمن الوطني والمصالح الوطنية والقانون. وإنها ليست مشكلة البلاد فحسب بل أيضا مشكلة العالم أجمع".

والله اللي صار لأطفال فلسطين لا يبدو شيءا أمام ما يحدث لأطفال سوريا ... خلال سنة واحدة أكثر من 2500 طفل قتلوا في سوريا ... بعض منهم تم ذبحهم بالسكاكين ... وبعض منهم قتلهم نظام الأسد تحت التعذيب ... حتى اسرائيل لم تجرؤ على القيام بما يقوم به نظام عصابات الأسد ... في سوريا كل يوم يموت عشرات من محمد الدرة!!

Charice - In This Song (AMAZING PERFORMANCE)

ขอมอบเพลงไพเราะ... ให้กับ นักรบสาวๆ ที่รักชาติ ไม่กลัวคนเลว... ที่ออกมาแสดงจุดยืนปฎิรูปรัฐบาลโกงชาติ ทุกคนค่ะ

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

میں ایک کپڑے کی دکان کھول دیا.Bir giyim mağazasını açtı.

สาวเกาหลีเต้น กังนัมสไตล์

16x9 - Death Race: Inside the Spartan Death Race challenge

มหัศจรรย์ รีไซเคิล 27/10/55 (1/3)

ประเพณีไหลเรือไฟนครพนม

พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาคดีการหายตัวไปของ 2 สามี-ภรรยา ชาวจังหวัดเพชรบุรี ก็ถูกดำเนินคดีเพิ่มในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน

ล่าสุดศาลจังหวัดเพชรบุรี อนุมัติออกหมายจับ พ.ต.อ.นายแพทย์สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ เพิ่มอีก 1 ข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน โดยเป็นคดีฆ่านายอีต้าร์ แรงงานชาวพม่าในไร่ของผู้ต้องหา ซึ่งพนักงานสอบสวนสถานีภูธรท่าไม้ลวก มีวัตถุพยานสำคัญให้ศาลเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำความผิด คือโครงกระดูกที่ขุดพบในไร่ พันตำรวจเอกนายแพทย์สุพัฒน์ มีร่องรอยถูกยิงด้วยปืนที่กระโหลกศีรษะ มีดีเอ็นเอยืนยัน รวมทั้งมีพยานบุคคลอีกหลายปากที่เป็นเพื่อนแรงงานชาวพม่า รู้เห็นเหตุการณ์เป็นพยานยืนยัน โดยพนักงานสอบสวนจะเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว กับพันตำรวจเอกนายแพทย์สุพัฒน์ ที่เรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรีในวันจันทร์นี้. 

สุดสลด!! 2 ครอบครัวกลับจากเลี้ยงฉลองญาติสอบได้ตำรวจ-ส่งทหาร กระบะประสานงา ดับรวด 9 ศพ


เมื่อเวลา 01.30น. วันที่ 27 ตุลาคม ที่โรงพยาบาล.รัษฎา อำเภอรัษฎา จ.ตรัง พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง พนักงานสอบสวนอาวุโส สภ.รัษฎา เข้าตรวจสอบรายชื่อและทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตจำนวน 9 ราย หลังเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กะบะจำนวน 2 คัน วิ่งประสานงากันที่หมู่ที่บริเวณหมู่ที่ 1 ถนนรัษฎา-บ่อร้อ หมู่ที่ 1 ตำบลหนองบัว อำเภอรัษฎา เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 4 ชม.ในการงัดรถยนต์และนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้ทั้งหมด ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 6 รายและมาเสียชีวิตที่รพ.จำนวน 3 ราย
ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายจรัส บุญชูดำ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ที่ 8 ตำบลเกาะขัน อำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เป็นคนขับรถยนต์โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนด์ทอง ทะเบียน กง 6496 นครศรีธรรมราชจากอำเภอรัษฎา จ.ตรัง มุ่งหน้าไปยังตำบลน้ำตก อำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีผู้โดยสารนั่งในรถมาด้วยจำนวน 4 คน ประกอบด้วยนายสาคร เพชรรัตน์ ,นางวานีย์ ชูถนอม ,นางสาวณัฐกฤติกา รอดรักษ์ และนายโสภล ใจซื่อดี ทั้งหมดเป็นชาวจ.นครศรีธรรมราช และเป็นญาติกัน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากงานเลี้ยงฉลองลูกหลานสอบเป็นนายสิบตำรวจได้ ในพื้นที่ตำบลหนองบัว อำเภอรัษฎาส่วนรถอีกคันมีนายอนันต์ศักดิ์ เกิดบัวเพชร อายุ 27 ปี อยู่ที่ 25/3 หมู่ที่ 1 ตำบลน้ำตก อำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เป็นคนขับ รถยนต์อีซูซุ 4 ประตู สีบรอนด์เงิน ป้ายแดงทะเบียน ก 0624 นครศรีธรรมราช มีผู้โดยสารจำนวน 3 คนนั่งมาภายในรถประกอบด้วยนายปราโมทย์ เกิดบัวเพชร,นายยุทธพล สิงห์ชุม และนายจตุพร ใหม่ศรี ทั้งหมดเป็นชาวจ.นครศรีธรรมราช และเป็นญาติกัน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากงานเลี้ยงส่งญาติไปเป็นทหารประจำการ และมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอำเภอรัษฎา คาดว่ารถทั้งสองคันจะวิ่งมาด้วยความเร็วสูง และเข้าเส้นกลางถนนทั้งสองคัน เนื่องจากคาดว่ายามดึกจะไม่มีรถวิ่งสวน ประกอบกับที่บริเวณถนนไม่มีไฟสาธารณะ สว่างเพียงพอ เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุหมู่ดังกล่าวขึ้น ส่วนรายละเอียดอื่นๆอยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

หยุดเที่ยวเพื่อมาปฎิรูปประเทศไทย

Losing Ground on Coffee

A New Take on a Classic Dish

ريبورتاج: تعذيب مدمني المخدرات في كمبوديا

นักร้องผับหาดใหญ่ โดนตำรวจกระทืบเจ็บปางตาย


(26 ต.ค.) สื่อมวลชน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากญาติของ นายธนวัฒน์ เพ็ชรเจริญอายุ 36 ปี นักร้องอาชีพอยู่สถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่งในหาดใหญ่ โดยญาติระบุว่า นายธนวัฒน์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกาย จนสมองกระทบกระเทือน อาการสาหัส
นางปวริศา วาดวงพัตร์ อายุ 38 ปี พี่สาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับญาติๆ ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เมื่อคืนวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา นายธนวัฒน์ ได้ขับรถจักรยานยนต์ตามรถยนต์ของแฟนสาวที่กำลังคบหาอยู่ เพื่อไปส่งที่บ้านจนกระทั่งขับมาถึงบริเวณปากซอย 6 ถนนเพชรเกษม ทั้งสองได้จอดรถและคุยกันในรถยนต์ของฝ่ายหญิง ก่อนที่ ด.ต.พรศักดิ์ สุวรรณรัตน์ ตำรวจสังกัดชุดสืบสวนภูธร จ.สงขลา ขับรถมาปาดหน้า ซึ่งคาดว่าน่าจะสะกดรอยตามมาอีกที เพราะหึงหวงฝ่ายหญิง ซึ่งทั้งสองเคยแอบคบหากัน แม้ว่า ด.ต.พรศักดิ์ จะมีภรรยาอยู่แล้ว
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี ฝ่ายหญิงจึงได้บอกให้ นายธนวัฒน์ กลับไปก่อน เพราะต้องการเคลียร์ปัญหาหึงหวงกับตำรวจนายดังกล่าว แม้จะได้เลิกรากัน ไม่ต้องการเป็นเมียน้อยอีกต่อไปแล้ว แต่ยังคงติดตามไปทุกทีและง้อขอคืนดี จนฝ่ายหญิงเริ่มตีตัวออกห่างและคบหากับนายธนวัฒน์ในเวลาต่อมาขณะที่ นายธนวัฒน์ กำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อกลับ ด.ต.พรศักดิ์ ได้เข้ามากระโดดถีบและทำร้ายร่างกาย นายธนวัฒน์ จนสะบักสะบอม ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะนำตัวส่งโรงพยาบาลและเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจนายดังกล่าวว่าถูกคุกคามด้านญาติๆ ของ นายธนวัฒน์ ยังบอกอีกว่า หลังจากเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความกับ สภ.หาดใหญ่ แล้ว แต่เกรงว่าคดีจะล่าช้า เพราะคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ดาบตำรวจ จึงได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชนอีกทาง เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับ นายธนวัฒน์ ซึ่งยังโคม่าไม่รู้สึกตัว จากอาการสมองกระทบกระเทือน

ประเทศไทย...คนไทยไม่ต้องไปรบกับชาติใดหรอก เพียงท่านออกมาต่อสู้กับนักการเมือง รัฐบาลไทย ที่ทุจริต คอรัปชั่น ให้พักนักการเมืองไว้สัก 5 ปี ออกกฎหมายป้องกันนักการเมืองโกง เช่น นักการเมืองทุจริต คดีต้องไม่มีอายุความ อีกเรื่อง เช่น การทุจริตไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ นักการเมือง หรือเอกชน แต่ไปเกี่ยวช้องกับผลประโยชน์ชาติ ผลประโยชน์ประชาชน ให้ประชาชนเป็นผู้เสียหายได้ สามารถฟ้องร้องต่อศาลโดยตรงได้ ไม่ต้องผ่านอัยการ เช่น กรณี 7 ตุลา รัฐบาลสั่งสลายกลุ่มคนไทยรักชาติ มีหลักฐานจากทีวี มีคนตาย คนเจ็บ น่าอนาถ ปปช. มีความเห็นสั่งฟ้องคดี แต่พอเรื่องมาถึงอัยการ กลับสั่งไม่ฟ้องคดี ขอถาม ความเป็นธรรมอยู่ที่ไหน การสั่งไม่ฟ้องแบบนี้ค้านความรู้สึกมหาชน โอนปตท.มาเป็นของรัฐ 100% น้ำมันก็จะเหลือเพียงลิตรละ 17 บาท ให้ยุติการใช้เงินมหาสารไปรับจำนำข้าว เพราะ รับจำนำข้าวแพง ชาวนาไม่มีใครมาไถ่ถอนหรอก รัฐบาลก็ต้องหาขายข้าวให้ต่างประเทศแบบถูกๆ เพราะ ราคาจำนำแพงกว่าราคาข้าวของต่างประเทศที่เขาส่งออก รู้แบบนี้ยังจะทำอีก ต่อไปมีสิทธิ์ทำเศรษฐกิจชาติล่มจม... นี่แหละเป็นต้นเหตุ ให้ของแพง ประชาชนเดือดร้อน ชาติไม่เจริญ คนรวยอยู่ในรัฐสภาไม่กี่คน แต่มีคนจนทั้งแผ่นดิน....

HD 240355 ชำแหละน้ำมันแพงเพราะ? 2/2

HD 240355 ชำแหละน้ำมันแพงเพราะ? 1/2

อุทาหรณ์เมืองไทย...นักการเมืองไทยบอกประชาธิปไตยต้องมีการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้บอกว่า ได้อำนาจมาเพราะ ซื้อเสียง รากหญ้าต้องการเศษเงินก็ขายเสียง พอเป็นรัฐบาลให้บอกว่า เป็นรัฐบาลโดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาก็โกงกินเพื่อให้มีทุนไว้ซื้อเสียงครั้งต่อไป พยายามสร้างรัฐตำรวจไปทุกหน่วยงานราชการ ข้าราชการระดับปลัดกระทรวง อธิบดี ทหารใหญ่ เวลาเกษียณก็ไปสมัครลงเลือกตั้งเป็นส.ส. เป็น ส.ว.เพื่อรับใช้นักการเมือง องค์กรอิสระ อัยการ ศาล ก็ถูกซื้อด้วยเงินของนักการเมือง แถมยังสร้างมวลชนพวกเสื้อแดง ชายชุดดำ โกตี๋ขยะการเมือง ออกมาเป็นองค์รักษ์พิทักรัฐบาล สร้างขบวนการในเว็บหมิ่นเจ้าล้มเจ้า ปล้นชาติโดยปตท. ก๊าซแพง น้ำมันแพง โกงกินโครงการรับจำนำข้าว ใช้เงินกว่า 4 แสนล้าน เมืองไทยเป็นเมืองพุทธจงให้อภัยนักการเมืองโกงชาติเหล่านั้น ขอให้คนไทยทุกคนอดทนซื้อของแพง อดทนใช้น้ำมันแพง อดทนกับระบบยุติธรรม อย่างมากชาติไม่ถึงล่มจมหรอก ใครไปไม่รอดอยู่ไม่ได้ ก็ไปค้ายาเสพติด ปล้น วิ่งราวทรัพย์ ฉ้อโกงประชาชน แต่จะมีสักวันที่ทุกคนทนไม่ได้ จะออกมาปฎิรูปชาติบ้านเมือง ถึงเวลานั้นก็จะเป็นบุญของประเทศ...

มหาราชาของปวงชนชาวไทย...การใดที่ปลุกใจ...ให้ทุกคนรักชาติ รักพระเจ้าอยู้หัว ให้รู้จักแยกคนไม่ดีที่มีอำนาจมิให้มาปกครองบ้านเมือง! ข้อความนี้ "ชอบด้วยกฎหมายและชอบด้วยศิลธรรม" ใครก็ตาม...ที่บังอาจดูหมิ่น เหยียดหยาม องค์พระมหากษัตริย์ของไทย ใครก็ตาม...ที่บังอาจมีพฤติกรรม ก่อการขบวนการล้มเจ้า ทำการเผยแพร่คลิปวีดีโอจำนวนมาก ให้ร้ายพระองค์ท่านในเว็บยูทรูปและใครก็ตามที่ออกมาปราศรัยเวทีเสื้อแดงของพรรคเพื่อ­ไทย พูดจาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีเจตนากระทำผิดกฎหมาย มาตรา 112 ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทย คำถาม การกระทำเยี่ยงนั้น...พระองค์ท่านทรงไปทำอะไรให้พวกคุณ!!! พลังแผ่นดิน! ทุกคนที่รักในหลวง...จะออกมาต่อต้านพวกคุณ...ทุกรูปแบบ. ประเทศไทย!!! จะต้องมีการปฎิรูป เพื่อขจัดนักการเมือง ทุจริต โกงชาติ เป็นมะเร็งร้ายทำลายชาติถ้าไม่มีการทำอะไรกับคนพวกนี้ ชาติก็จะไม่เหลืออะไร ไม่มีแม้ที่จะยืนให้ลูหลานไทยได้มีอนาคตเพราะ ประชาชนอยู่อย่างลำบาก ฐานะยากจนลง ไม่รู้จะไปหากินอะไร ปัจจุบันมิว่าจะประกอบอาชีพอะไรก็แทบเอาตัวไม่รอด นอกจากนักการเมืองที่ใช้อำนาจหาเงิน เมื่อปัญหานักการทุจริต โกงชาติ ไม่สามารถแก้ได้ในรัฐสภา ทางออกทุกคนคงรู้ว่า จะทำอย่างไร เพียงแต่จะมีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจะออกมานำหรือเปล่า!!! หรือจะรอให้นักการเมืองแย่งอำนาจกัน หลอกใช้ประชาชน ใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือ แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายให้มาฆ่ากัน จนบ้านเมืองเกิดจราจล เกิดกุลียุค แล้วนักการเมืองก็จะเรียกร้องให้มาปรองดองกันอีก คนแบบนี้อยู่ไปก็รกบ้านรกเมือง!!! "ชีวิต...เลือดเนื้อ...ข้าพุทธเจ้า...ขอมอบไว้แด่...พระเจ้าอยู่หัวแล้ว"

แห่ศพร้องญาติถูกการ์ดเชือดคอ ตร.ท้องที่ไม่สนใจ


 (26 ต.ค.) น.ส.กัลย์กมล ใจบุญ อายุ 23 ปี เป็นแกนนำชาวบ้านในย่านอ่อนนุชกว่า 40 คน แห่ศพนายดวงเด่น โพธิ์ทอง ซึ่งถูกการ์ดของร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านซอยสุภาพงษ์ 3 แขวงและเขตพระโขนง ทำร้ายร่างกายและใช้มีดเชือดคอจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา เข้าเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ที่ สน.พระโขนง โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ท้องที่ที่เกิดเหตุไม่สนใจดำเนินการกับผู้กระทำผิดและสถานบันเทิง
น.ส.กัลย์กมล กล่าวว่า นายดวงเด่นซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องไปเที่ยวที่ร้านอาหารดังกล่าวกับเพื่อน แต่เกิดความผิดพลาดจนแก้วเหล้าตกแตก เจ้าของร้านเข้ามาต่อว่าและเรียกให้การ์ดของร้าน มาเอาตัวนายดวงเด่นไปรุมทำร้ายร่างกาย จากนั้นพาตัวไปข้างรถของผู้ที่มาเที่ยวที่ร้านแล้วเชือดคอจนเสียชีวิต แต่ตำรวจ สน.พระโขนงก็ไม่สนใจดำเนินคดีใดๆ ทั้งๆที่มีกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ และทางร้านยังเปิดให้บริการตามปรกติ เจ้าของร้านยังพูดเยาะเย้ยว่า จะมีใครมาปิดร้านอาหารแห่งนี้ได้ ทั้งนี้ ตนและชาวบ้านเห็นว่าการเสียชีวิตของน้องชายไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจในพื้นที่ จึงมาร้องเรียนกับ ผบ.ตร.ในวันนี้และจะไม่มีการเผาศพนายดวงเด่น จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม

عذراً إخواننا في بورما

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สรยุทธ สุทัศนะจินดา นักข่าว(ทีวีช่อง 3)ไม่จำเป็นต้องมีคุณธรรมทุกเรื่อง เงินทองผลประโยชน์มีโอกาสก็ต้องโกง เพราะ กฎหมายป.วิอาญา ระบุว่า ศาลยังไม่มีคำพิพากษาให้มีความผิด ถือว่า ตนยังบริสุทธิ์ พฤติกรรมแบบนี้สังคมไทยจะนำไปเป็นต้นแบบว่า คนเก่ง แต่โกงก็ไม่เป็นไร สังคมตกต่ำชั่งมัน

     นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด พนักงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้ให้ปากคำต่อ ป.ป.ช.กรณีร่วมกันทุจริตเงินค่าโฆษณาส่วนเกิน 138 ล้านบาทว่านายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม จำกัดรู้เรื่องดีและเป็นผู้ขอให้ช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม จำกัด 
 คำให้การ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับตน(นางพิชชาภา) โดยตรง โดยใช้โทรศัพท์ของเลขานุการส่วนตัวของนายสรยุทธ ชื่อเล่นว่าคุณแก้ว โดยขอให้ช่วยเหลือไม่ต้องแจ้งโฆษณาส่วนเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัดให้กับทางอสมท และเพื่อเรียกเก็บเงินค่าโฆษณาส่วนเกินดังกล่าวจากบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธรับปากกับตนว่าจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับตนในจำนวนร้อยละ 2 ของค่าโฆษณาเกินเวลาที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ไม่ต้องชำระให้กับ อสมท  
          เมื่อตนดำเนินการช่วยเหลือตามที่นายสรยุทธและเลขาฯของนายสรยุทธ คือ คุณแก้วขอร้องแล้ว ในช่วงแรกนายสรยุทธก็จ่ายเงินค่าตอบแทนตามที่รับปากไว้ โดยนายสรยุทธลงนามจ่ายเป็นเช็คของธนาคารธนชาต สาขาพระรามสี่ และให้คุณแก้ว ฝากไว้กับพนักงานของ อสมท ชื่อนางศิริทิพย์ (จำนามสกุลไม่ได้) เป็นผู้นำมามอบให้กับตนอีกทอดหนึ่ง โดยนายสรยุทธได้จ่ายเงินให้ตนประมาณ 8 ครั้ง ซึ่งทั้ง 8 ครั้งดังกล่าวก็ไม่ได้จ่ายให้ตนอย่างสม่ำเสมอ หรือตามจำนวนที่รับปากไว้ และเหตุที่ตนไม่ได้เรียกร้องให้จ่ายตามจำนวนที่ตกลงกันไว้เนื่องจาก เห็นว่าเป็นการตกกะไดพลอยโจน ช่วยเหลือนายสรยุทธไปแล้ว จึงยอมๆกันไป
         เนื่องจากรายการคุยคุ้ยข่าว เป็นรายการสด และนายสรยุทธเป็นพิธีกรดำเนินรายการทุกวัน ดังนั้นนายสรยุทธย่อมทราบดีว่ารายการที่ออกอากาศในแต่ละวันมีโฆษณาทั้งหมดกี่โฆษณา เป็นโฆษณาตามเวลาจำนวนเท่าใด และในส่วนที่เกินเวลาจำนวนเท่าใด จึงเป็นไม่ได้ที่นายสรยุทธจะไม่ทราบเรื่อง หลังจากที่ บริษัท อสมท ได้ตรวจพบว่า บริษัท ไร่ส้ม จำกัด มีโฆษณาส่วนเกินเวลาในรายการคุยคุ้ยข่าว แต่ไม่แจ้งและชำระค่าโฆษณาเกินเวลาดังกล่าวให้ อสมท นายสรยุทธได้บอกให้เลขาฯคือคุณแก้ว มาขอร้องให้ตนทำการลบรายการโฆษณาส่วนเกินของรายการคุยคุ้ยข่าวในใบคิวโฆษณา โดยบอกกับตนว่า “พี่สรยุทธ ขอร้องให้ช่วยเหลือ” และบอกอีกว่า หากมีอะไรนายสรยุทธก็จะช่วยเหลือไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน  ตนจึงทำการลบรายการโฆษณาส่วนเกินของรายการคุยคุ้ยข่าวในใบคิวโฆษณาบางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด ตามที่นายสรยุทธ และเลขาฯร้องขอ แต่ภายหลังเมื่อ อสมท ได้ตรวจสอบอย่างเป็นระบบก็ให้นายสรยุทธมาชำระค่าโฆษณาเกินดังกล่าวให้กับทาง อสมท  และตนทราบภายหลังว่านายสรยุทธ ได้ยินยอมชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้กับทาง อสมท.ในทันทีเพราะจำนนต่อหลักฐาน 
        

4 คนร้าย ปาดหน้ารถกระบะชัก ปืนจี้ชิงทอง 3 บาท เย้ย ตร. นำกำลังไปปล่อยแถวกวาดล้าง


25 ต.ค. เวลา 22.20 น. พ.ต.ท.ไชยันต์ ดาวเรือง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเหตุ 4 คนร้าย ขับรถกระบะปาดหน้ารถกระบะอีซูซุ ดีแมกซ์ ชักอาวุธปืนจี้ชิงสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท แหวนทองหนัก 1 บาท 1 วง แล้วขับรถหลบหนีมุ่งหน้าถนนหมายเลข 9 เหตุเกิดถนนบ้านตากแดด ม.4 ต.บางเตย อ.สามโคก
ที่เกิดเหตุ พบกับ นางไพรินทร์ แซ่เตียว อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120/36 ม.3 จ.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ในตลาดระแหง ยืนตัวสั่น แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขณะขับรถกระบะอีซูซุ ดีแมกซ์ หมายเลขทะเบียน บม 3327 นครปฐม กลับจากไปไหว้ ศาลหลวงปู่ท๊อป ขับมาตามถนนสายบ้านตากแดด เพื่อออกถนนหมายเลข 9 วงแหวนตะวันตก กลับบ้านที่ตลาดระแหง
ขณะขับมาคนเดียวเหลืออีก 500 เมตร ก็จะออกปางทาง ได้มีรถกระบะแคป สีน้ำเงิน ได้ขับปาดหน้ารถให้ตนจอด แล้วมีคนร้ายจำนวน 4 คน ลงมาจากรถจำนวน 2 คน ได้ชักอาวุธปืนสั้นออกมาจี้ตนว่า ถ้าไม่อยากตาย ให้ถอดสร้อยและแหวนออกมา ตนตกใจทำอะไรไม่ถูก คนร้ายได้ตบหน้า 1 ครั้ง และกระชากสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท แต่พระเหลี่ยมทองได้ตกลงมาในรถ และให้ตนถอดแหวนทองคำหนัก 1 บาท รวมคนร้ายได้ทองไป 3 บาท แล้วขับรถออกปากทาง มุ่งหน้าไปทางบางบัวทอง
จากเหตุการณ์คนร้ายปล้นรถครั้งนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจอยู่ในพื้นที่เลย เนื่องจากถูกเกณฑ์กำลังตำรวจไปร่วมปล่อยแถวออกกวาดล้างที่ลานจอดรถแม็คโค อ.คลองหลวง โดยมี พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 มาทำพิธีปล่อยแถวในครั้งนี้ จึงทำให้คนร้ายทำการปล้นแล้วหลบหนีได้อย่างสบาย ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสกัดจับเลย

สมบัติผลัดกันชม...เศรษฐกิจประเทศจะอยู่หรือไป...ขึ้นอยู่ที่ ส.ส.พรรครัฐบาล...

รู้ทันภัยผู้หญิง...


รวบพ่อค้าอาหารซีฟู้ด ตระเวนลวง ด.ญ.อายุ 7-9 ขวบ ทำอนาจาร สุดชั่วบังคับให้กินยาพร้อมดูคลิปโป๊ ใช้วัยวะเพศถูไถจนสำเร็จความใคร่
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 24 ตุลาคม พ.ต.อ.เสรี เศรษฐกร ผกก.สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง พร้อมด้วย พ.ต.ท.วราวุฒิ นิตยวัน สว.สส.ฯ พ.ต.ท.สุรชัย สุพันธุ์ชัยกุล สวป.ฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.มาบตาพุด นำหมายศาลจังหวัดระยอง เลขที่ จ.712/2555 เข้าจับกุมนายสมพร หรือพร ชูเชิด อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 1 ถ.เลียบชายหาด ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง ยาผงละเอียดสีชมพู-ม่วง 1 ถุง เสื้อยืดคอปกสีเหลืองแขนสั้น กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน น้ำมันมะกอกครึ่งขวด หมวกกันน็อคเต็มใบ สีน้ำเงิน-ขาว รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีน้ำเงินไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ก่อเหตุล่อลวงเด็กหญิงอายุ 7 - 9 ขวบ ไปกระทำอนาจาร และข่มขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

พ.ต.อ.เสรี เศรษฐกร ผกก.สภ.มาบตาพุด กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพขายอาหารทะเลตามตลาดนัดต่างๆก่อนหน้านี้ประมาณเดือนกรกฎาคม ได้ล่อลวงพาเด็กหญิงก้อย(นามสมมติ) อายุ 9 ขวบ นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เข้าไปจอดในสวนพุ่มไม้แนวรั้ว บริษัทโรงกลั่นน้ำมันแห่งหนึ่งใน ต.มาบตาพุด ได้ใช้กำลังบังคับชกท้องและตบหน้าเด็กหญิงก้อย(นามสมมติ) จับถอดเสื้อผ้าแล้วใช้วัยวะเพศถูไถ บังคับให้จับจนสำเร็จความใคร่ แล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีโดยทิ้งเด็กหญิงก้อยไว้ในที่เกิดเหตุ
ต่อมาได้พาเด็กหญิง แอน(นามสมมติ) อายุ 7 ขวบ หลอกอุบายให้ช่วยเข็นรถจักรยานยนต์ดัดแปลงเป็นรถสามล้อพ่วงข้าง และได้บังคับให้ขึ้นรถไปด้วยกันโดยพาเข้าไปในสวนยางใกล้โรงฆ่าสัตว์เทศบาลเมืองมาบตาพุด พยายามทำอนาจารจับอวัยวะเพศเด็กหญิงแอน ช่วงจังหวะที่ผู้ต้องหากำลังถอดกางเกง เด็กหญิงแอนจึงฉวยโอกาสวิ่งหลบหนีออกมาได้และล่าสุดได้ก่อเหตุหลอกอุบายเด็กหญิงแดง(นามสมมติ) อายุ 9 ขวบ ให้ขึ้นรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง และบังคับให้กินยาเพื่อให้เด็กมีอาการมึนเมา และพาไปบริเวณตลาดนัดคลองถมหลังเมืองใหม่มาบตาพุด บังคับเด็กหญิงแดง(นามสมมติ)ถอดเสื้อ และใช้มือจับหน้าอก บังคับให้เด็กหญิงแดง(นามสมมติ)ดูคลิปวีดีโอโป๊จากโทรศัพท์มือถือ พร้อมถอดกางเกงในเด็กหญิงแดงออก และกระทำอนาจาร หลังจากนั้นได้ทิ้งเด็กหญิงแดง(นามสมมติ)ไว้ในที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม เด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อทั้ง 3 รายให้การตรงกันว่า เป็นนายสมพร
ผกก.สภ.มาบตาพุด กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายสมพร หรือพร ได้ขณะกำลังปีนกำแพงแอบดูผู้หญิงอาบน้ำในห้องน้ำ จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจับกุมได้ และให้การรับสารภาพว่าได้ตระเวนหาเหยื่อที่เป็นเด็กหญิงอายุประมาณ 7-9ขวบ ไปกระทำอนาจาร ซึ่งมีผู้ปกครองเด็กที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนหลายรายได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานสำหรับนายสมพร ชูเชิด อายุ 42 ปี ผู้ต้องหามีประวัติเพิ่งพ้นโทษคดีอนาจาร เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังพ้นโทษออกมาก็มาก่อคดีอนาจารเด็กหญิงอีกหลายราย

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ผ่าขุมทรัพย์ร้อยล้าน หนู กันภัย นักสักชื่อดัง ฉ้อโกงพระนับร้อยล้าน...

โดดกัดหูเพื่อนขาดสยอง


เมื่อเวลา 00.30 วันที่ 24 ต.ค. ขณะที่ ร.ต.อ.สิงห์คาล นันทะชัย พงส. (สบ 1) สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก นางชลอ เติมบุญ อายุ 52 ปี อาชีพพนักงานบริษัทผลิตพัดลมแห่งหนึ่งย่าน ต.ในคลองบางปลากด ได้พาร่างกายอันบอบช้ำ สภาพใบหน้ามีรอยขีดข่วนหลายแห่ง ที่หูข้างซ้ายมีผ้าพันแผลโปะอยู่หลายชั้นมีเลือดไหลซึมออกมา และเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันเครื่อง เข้าแจ้งความว่า ถูกนางประเสริฐ ชูวงษ์ อายุ 48 ปี เพื่อนพนักงานที่คบหากันมานานกว่า 25 ปี ทำร้ายร่างกายด้วยการกระโดดกัดหูข้างซ้ายจนหูขาดออกมาทั้งยวง ต้องเย็บกว่า 40 เข็ม โดยเหตุเกิดในซอยวัดคู่สร้าง หมู่ 10 ต.ในคลองบางปลากด ช่วงเย็นที่ผ่านมา
        นางชลอ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุภายหลังจากเลิกงานแล้ว ขณะที่ยืนรอรถสองแถวเพื่อกลับที่พัก จู่ ๆ นางประเสริฐได้เดินถือขวดน้ำมันเครื่องปรี่เข้ามาหา ก่อนจะบีบน้ำมันเครื่องใส่หน้าจนตนมองอะไรไม่เห็น จากนั้นถูกจิกผมแล้วกระชากศีรษะ ก่อนจะถูกกัดที่หูข้างซ้ายอย่างแรง ตนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ เพื่อน ๆ พนักงานที่เห็นเหตุการณ์พยายามเข้าห้ามปราม จนกระทั่งนางประเสริฐกัดหูตนจนขาดออกไปทั้งยวงถึงยอมปล่อยจากนั้นยังแสยะยิ้มและบ้วนหูของตนทิ้งที่พื้น เพื่อน ๆ จึงรีบเก็บหูเปื้อนน้ำลายปนเลือดและเรียกรถแท็กซี่พาตนส่ง รพ.บางปะกอก 3 โดยแพทย์ต้องเย็บต่อใบหูให้กว่า 40 เข็ม และแจ้งว่ามีโอกาสน้อยมากที่หูตนจะหายเป็นปกติ เพราะหูส่วนนอกฉีกขาดออกมาทั้งหมด อีกทั้งระหว่างที่เดินทางมาโรงพยาบาลไม่ได้นำหูแช่น้ำแข็ง ทำให้เส้นเลือดใหญ่อาจตายได้ นอกจากนี้ยังมีโอกาสติดเชื้อสูงมาก
       นางชลอ ให้การต่อว่า ส่วนสาเหตุคาดว่าเป็นเพราะระยะหลังตนกับนางประเสริฐ มีปัญหากันเรื่องงาน เคยมีปากเสียงกันบ้างแต่ก็ไม่รุนแรงมาก โดยก่อนที่จะเลิกงานนางประเสริฐได้เข้ามาต่อว่ากล่าวหาว่าตนไปนินทาลับหลัง ซึ่งตนก็ปฏิเสธไปแล้วว่าไม่ได้ทำ จนกระทั่งเกิดเหตุขึ้นไม่คิดเลยว่าคนที่เป็นเพื่อนกันมานานกว่า 25 ปี จะทำกันได้ขนาดนี้ด้าน ร.ต.อ.สิงห์คาล กล่าวว่า จากนี้จะได้เรียกตัวนางประเสริฐมาสอบปากคำ และแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ดำเนินคดีต่อไป.

บะหมี่จอมพลัง

EDNOVI Levitación con Liliana Lago

دنیا ستاروں.

Best of Crashes 2011 (2nd part). Motorsport Crashes.

ผบช.ภ.5 รับในสังกัดมีตำรวจพัวพันยาเสพติด


ผบช.ภ.5 รับในสังกัดมีตำรวจพัวพันยาเสพติดสั่งเกาะติดใกล้ชิด

พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 เปิดเผยกรณีในพื้นที่รับผิดสอบทำผิดคดียาเสพติด ว่า กรณี ร.ต.ต.ประพันธ์ เนตรสุวรรณ์ รอง สวป.สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ถูกจับพร้อมของกลางยาบ้านั้น ทราบมานานแล้วว่านายตำรวจดังกล่าวเสพยาบ้าตั้งแต่สมัยเป็นตชด.และเสพยาร่วมกับผู้ต้องหา ต่อมาย้ายมาเป็นตำรวจสังกัดสภ.แม่อาย ซึ่งผู้กำกับเองก็ได้สงสัยในพฤติกรรมจึงได้แจ้งมาทางด่านอ.ไชปราการ ให้ตรวจค้นและพบการกระทำผิดดังกล่าว ล่าสุด ทราบว่าทางตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ให้ได้ออกจากราชการแล้ว และได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบผู้บังคับบัญชาในระดับสูงกว่า 1 ขั้น กับผู้ต้องหา และผู้กำกับสภ.แม่อาย ว่าดูแลลูกน้องใกล้ชิดหรือไม่

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555

أنا أحب هذه الأغنية ... الاستماع إلى تحييد

Cool new army tire technology

العاصمة التونسية

The hidden secrets of Egypt Pyramids (Harun Yahya)

حديث الثورة - تجاوز شرر الثورة السورية للحدود التركية

تحت المجهر : بين دجلة والنيل

Iranian Military Force (100% Action)

IRAN MILITARY POWER 2012 [EXCLUSIVE]

อ.หนู กันภัย อมเงินวัด 400 ล้าน สร้างหลวงปู่ทวด

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 18 ต.ค.พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ตำบลทาเหนือ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ร้องเรียน นายสมพงษ์ กันภัย หรือ อาจารย์หนู กันภัย นักสักยันต์ชื่อดัง ในฐานะอดีตประธานจัดสร้างวัตถุมงคลของวัดแม่ตะไคร้ เพื่อนำรายได้ไปก่อสร้างอุทยานหลวงปู่ทวดและพระพุทธรูปจำลองหลวงปู่ทวด ปางธุดงค์ประทานพร ขนาดสูง 19 เมตร องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศ มูลค่าโครงการประมาณ 50 ล้านบาท อ้างดำเนินการไม่โปร่งใส เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
       
       พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ กล่าวว่า สืบเนื่องจากปี 2551 ทางวัดแม่ตะไคร้ มีโครงการจัดสร้างอุทยานหลวงปูทวด และพระพุทธรูปหลวงปูทวดเนื้อทองเหลืองใหญ่ที่สุดในประเทศ น้ำหนักประมาณ 18 ตัน พร้อมจัดสร้างเหรียญ 5 แถว-ฉัตรเพชร เหรียญดวงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน เหรียญพระพุทธเจ้าชนะมาร และวัตถุมงคลออกให้ประชาชนเช่าบูชา จำนวน 84,000 เหรียญ ในช่วงแรก ราคาเหรียญละ 1,000-1,500 บาท โดยมี นายสมพงษ์ กันภัย หรือ อ.หนู กันภัย เจ้าของสำนักยันต์ใน จ.ปทุมธานี เป็นประธานจัดสร้างผู้ดำเนินการนำเหรียญวัตถุมงคลของวัดแม่ตะไคร้ ออกประชาสัมพันธ์ให้กับที่สนใจผ่านรายการในสถานีเคเบิลทีวีของ นายภุชงค์ สริธัญผล โดยพูดผ่านรายการว่า จะนำรายได้ทั้งหมดนำมาสร้างหลวงปูทวดองค์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดที่วัดแม่ตะไคร้
       
       เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เริ่มโครงการก่อสร้างองค์หลวงปูทวด มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ร่วมกันบริจาคเงินบูชาวัตถุมงคล ทั้งในรายงานเคเบิลทีวี และที่สำนักสักยันต์ อ.หนู กันภัย โดย นายสมพงษ์ หรือ อ.หนู จะเป็นผู้ถือเงินที่ได้จากการจัดสร้างวัตถุบูชาแต่เพียงผู้เดียว ทางวัดแม่ตะไคร้ไม่มีโอกาสรับรู้เกี่ยวกับรายได้ในการจัดสร้างวัตถุมงคล ที่ผ่านมา นายสมพงษ์ ได้นำเงินมอบให้วัดประมาณ 15 ล้านบาท ทำให้การก่อสร้างอุทยานหลวงปูทวดไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ สร้างได้เพียงฐานพระ 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่เชื่อว่าเงินรายได้จากศรัทธาสาธุชนที่ร่วมกันบริจาคเช่าวัตถุมลคลนั้น มีจำนวนมากกว่า 300-400 ล้านบาท เมื่อวัดทวงถามไปยังนายสมพงษ์ กลับบอกว่า ไม่มีเงินแล้ว เรื่องนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีหนังสือให้เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ตรวจสอบ ก่อนมายื่นให้ดีเอสไอสอบสวนเรื่องดังกล่าว
       
       ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ได้มอบให้สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบการพิจารณาต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

ส่งสาสน์...ถึงแอตมินคนไทย ที่มีหน้าที่ดูแลเฟสบุกค์
เวลาคนที่เขารักบ้านรักเมือง จะให้ข้อมูลกับประชาชนเรื่อง นักการเมืองทุจริต โกงชาติ ขายชาติ อย่างไร
เธอทำตัวไปละเมิดผู้ใช้เฟสบุกค์ทำไม ไปตัดข้อความที่โพสบ้าง ลบบทความที่โพสบ้าง  
คนอย่างเธอ...กลัวความจริงปรากฎ กลัวว่าหากปล่อยบทความที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ ต่อสาธารณชน 
แต่ไปกระทบนักการเมืองเลว ถ้าเธอกลัวนักการเมืองมากจะเอาตัวรอด ก็ลาออกไปทำงานอื่นก็ได้
โปรดสำนึกสำเนียกตนเองให้ดี เกิดเป็นคนต้องรู้คุณแผ่นดิน รู้จักแยกผิดแยกถูกและเป็นคนดี มีคุณธรรม
มิเช่นนั้นเธอก็เป็นคนชั่วไม่ต่างนักการเมือง!!!

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Best Food Ever - Buzzworthy BBQ

ใกล้วันแม่แล้วค่ะ...สิ่งที่ดีๆของครอบครัวสังคมไทยเป็นภูมิคุ้มกันให้เป็นคนดีตั้งใจเรียนให้สำเร็จและตอบแทนคุณ.

ศาลรับฟ้องคดีทักษิณปล่อยเงินกู้ 9 พันล้าน

สุรพงษ์ปฏิเสธข่าวปรับนั่ง วอนสื่ออย่าเชื่อข่าวลือ มท. ชี้ศาลนักการเมืองรับฟ้องคดี"ทักษิณ"ปล่อยกู้ 9 พันล้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องประสานมา หวั่นทำเกินหน้าที่จะโดนม. 157 
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวว่า ถูกปรับไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นแค่ข่าวลือ ตนยังคงทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต่อไป และขออย่าไปเชื่อข่าวลือดังกล่าว อย่างไรก็ตามในวันที่ 26 ก.ค.นี้ เป็นวันคล้ายวันเกิดพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นวันที่นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมทุกกระทรวงที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเสนอแผนงานของแต่ละกระทรวงต่อรัฐบาลเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเชียนในอีก 2 ปีข้างหน้า ตนก็จะอยู่ทำเนียบทั้งวัน อีกทั้งตนคงจะโทรศัพท์ไปอวยพรวันเกิดพันตำรวจโททักษิณ แต่ปีที่ผ่านมาตนจะเดินทางไปอวยพรวันเกิดด้วยตัวเองทุกครั้ง 
เมื่อถามว่า กรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับฟ้องคดีพันตำรวจโททักษิณพร้อมพวกรวม 27 คนปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเงิน 9 พันล้านบาท นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามรูปคดี ส่วนจะติดตามตัวกลับมาหรือไม่นั้น ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานมา หากทำเกินหน้าที่อาจโดนข้อหาม.157 ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่

รักในหลวง...ปกป้องสถาบัน...ช่วยกันแชร์ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย.

ข้อควรระวังบุตรหลานนั่งรถยนต์...

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ล่าตัวแท็กซี่พิสูจน์ ทุบหัวเชิดทอง6ล้านา สอบลูกจ้างสาวให้ปากคำวกวนทำให้ตร.ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ



เกิดคดีมีเงื่อนงำโชเฟอร์แท็กซี่ ชิงทองคำหนัก 4 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท หนีลอยนวล โดยลูกจ้างสาวร้านทองว่าจ้างให้ขับรถนำทองคำหนัก 10 กิโลกรัม ไปส่งลูกค้าที่โคราช พร้อมโจร ใช้ของแข็งทุบหน้าเหยื่อสาวชิงทองคำ ตำรวจพบพิรุธลูกจ้างสาวร้านทองให้การวกวน คุมตัวเค้นสอบเครียด หวั่นรวมหัวกับโชเฟอร์แท็กซี่อมทองคำนายจ้าง
โชเฟอร์แท็กซี่ชิงทองหนัก 4 กิโลกรัมครั้งนี้ เปิดเผย เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. พ.ต.ต.ธานี จิตธรรม สว.สส.สน.ลาดพร้าว เรียกนางเฟื่อง สายมูล อายุ 50 ปี พนักงานร้านทอง อึ้ง เฮง หลี ตั้งอยู่ภายในห้างแม็คโคร สาขาลาดพร้าว เขตบางกะปิ กทม. เข้าให้ปากคำกรณีถูกคนขับรถแท็กซี่ทำร้ายร่างกาย พร้อมชิงกระเป๋าใส่ทองรูปพรรณ น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท ขณะนำทองคำจากจังหวัดนครราชสีมา กลับมาส่งให้นายจ้างใน กทม.

พ.ต.ต.ธานี จิตธรรม สว.สส.สน.ลาดพร้าว กล่าวว่า จากการสอบสวนนางเฟื่องให้การวกวน อ้างว่า รู้จักกับคนร้ายมา 5 เดือน จึงยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ เนื่องจากมีพิรุธ เพราะก่อนเกิดเหตุทำไมนางเฟื่องจึงต้องแวะพักที่โรงแรมใน กทม. 1 คืน ก่อนจะนำทองเข้ามาเก็บที่ร้านทองในห้างแม็คโคร แต่หากเป็นไปตามนางเฟื่องให้การจริง คนร้ายคงเกิดความอยากได้จึงลงมือก่อเหตุ จึงควบคุมตัวนางเฟื่อง ไว้ที่ สน.ลาดพร้าว เพื่อสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง
ส่วนคนขับรถแท็กซี่ ตำรวจทราบชื่อแล้วคือนายพิชัย บุญช่วย อายุ 65 ปี โดยเช่ารถแท็กซี่จากสหกรณ์สหมิตรเป็นรายสัปดาห์ แต่จากการตรวจสอบจากเจ้าของอู่แท็กซี่พบว่า นายพิชัยได้ค้างค่าเช่ามา 1 สัปดาห์ และเมื่อตำรวจไปตรวจสอบที่พักของนายพิชัย พบว่าบ้านได้ถูกขายไปแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบกับบ้านญาติของนายพิชัย และตรวจสอบหาเบาะแสจากกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง ที่คนร้ายขับเข้าไปในซอยลาดพร้าว 130
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 28 มิ.ย. พ.ต.ท.ภาคภูมิ พูลศิริโภคา พงส. (สบ 3) สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุหญิงถูกชิงทรัพย์ และทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดกลางซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว พ.ต.ท.อดิศร เลิศอมรศักดิ์ พ.ต.ต.ธานี จิตธรรม สว.สส.สน.ลาดพร้าว พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุกลางซอยลาดพร้าว 130 พบนางเฟื่อง สายมูล อายุ 50 ปี สภาพใบหน้าด้านขวามีรอยแตกเลือดอาบและฟกช้ำ ให้การว่า ตนเป็นลูกจ้างของนายวิศวัสต์ จารุกำเนิดกนก เจ้าของร้านทองอึ้ง เฮง หลี ในห้างแม็คโคร สาขาบางกะปิ ก่อนเกิดหตุนายจ้างให้ตนนำทองรูปพรรณ น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ไปส่งที่ร้านทองชิน อึ้ง เฮง หลี ที่ จ.นครราชสีมา และขากลับให้ตนนำทองรูปพรรณหนัก 4 กิโลกรัม มาให้นายจ้าง
นางเฟื่องให้การต่อว่า ตนจึงได้ว่าจ้างคนขับรถแท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน 4047 กรุงเทพมหานคร ที่รู้จักกัน ให้ไปส่งในตอนเช้าวันที่ 27 มิ.ย. โดยได้นอนพักที่ จ.นครราชสีมา 1 คืน ก่อนเดินทางกลับมาถึง กทม. ในเช้าวันที่ 28 มิ.ย. จากนั้นเข้าพักต่อที่โรงแรมมายเลดี้ ห้องที่ 345 ภายในซอยลาดพร้าว 122 ต่อมาในช่วงบ่าย ได้ให้รถแท็กซี่ไปส่งที่ห้างแม็คโคร บางกะปิ เพื่อนำทองไปเก็บ โดยใช้เส้นทางเข้าซอยรามคำแหง 80 เพื่อออกซอยลาดพร้าว 130 ระหว่างทางคนขับรถแท็กซี่ ได้ให้ตนหันไปดูข้างทาง ก่อนใช้ของแข็งทุบใบหน้าตนหลายครั้ง ตนจึงรีบเปิดประตูวิ่งหนี ส่วนรถแท็กซี่คันดังกล่าวก็ขับรถหนีไปพร้อมทองคำ 4 กิโลกรัม

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ไฟไหม้รถเมล์ ปอ.44 ท่าเตียน-แฮปปี้แลนด์ ผู้โดยสารหนีตายอลหม่าน



 เมื่อเวลา 21.20 น. วันที่ 30 มิ.ย. ร.ต.ต.ชาญชัย คุณภาพร รอง สวป.สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถประจำทาง บริเวณหน้าบิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า ลาดพร้าวซอย 7 ถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.จึงประสานรถน้ำจากสำนักป้องกันและบรรเทาสารธารณภัย กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่สน.พหลโยธิน และมูลนิธิร่วมกตัญญู
 ที่เกิดพบรถประจำทางสาย ปอ.44 วิ่งระหว่างท่าเตียน-แฮปปี้แลนด์ สีเหลือง หมายเลชทะเบียน 15-4076 กทม.หมายเลขข้างรถ 93-215 เป็นรถใช้ระบบแก๊สเอ็นจีวี พบกลุ่มควันและแสงเพลิงกำลังพวยพุ่งออกจากตัวรถ และมีการระเบิดออกมาจากช่วงท้ายรถเป็นระยะ ส่วนผู้โดยสารกำลังวิ่งโอละหม่านหนีตายออกมาจากรถ เจ้าหน้าที่จึงฉีดน้ำสกัดกั้นเพลิงและใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที เพลิงจึงสงบ เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนตัวรถเสียหายทั้งคัน
 จากการสอบถามทราบว่า ก่อนเกิดเหตุรถประจำทางคันดังกล่าววิ่งรับผู้โดยสารมาจากท่าเตียน กำลังมุ่งหน้าไปแฮปปี้แลนด์ แต่ระหว่างมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุก็เกิดกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากบริเวณห้องเครื่องด้านหลังตัวรถ คนขับจึงจอดรถแล้วรีบให้ผู้โดยสารลง ก่อนที่คนขับจะอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป ระหว่างนั้นได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจากท้ายรถเป็นระยะประกอบกับแสงเพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว ไหม้ลามทั้งคัน ก่อนที่รถดับเพลิงจะเข้าควบคุมเพลิงจนสงบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรบริเวณตัวเครื่อง ก่อนที่เกิดประกายไฟและลุกลามไหม้เสียหายทั้งคัน หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้เรียกตัวคนขับรถคันดังกล่าว ผู้โดยสาร พยานในที่เกิดเหตุ และพยานแวดล้อมมาสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คลิปยิงกันสนั่นกรุง!! 2 กลุ่มวัยรุ่น ตะลุมบอนแย่งหญิง



เกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายกันอย่างอุกอาจ กลางลานจอดรถของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ที่ลักลอบเปิดบริการเกินเวลา  ล่าสุดตำรวจระบุกำลังเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุทะเลาะวิวาท และเจ้าของร้านมาดำเนินคดี 
นี่เป็นภาพเหตุการณ์ขณะเกิดกลุ่มวัยรุ่นชาย ไล่ยิงวัยรุ่นชายอีกกลุ่ม บริเวณลานจอดรถของร้านอาหารกึ่งสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ริมถนนศูนย์วัฒนธรรม ย่านพระรามเก้า เขตห้วยขวาง ซึ่งมีกำแพงติดกับอาคารจอดรถของ บมจ.อสมท ท่ามกลางกลุ่มนักเที่ยวที่มานั่งดื่มกินในร้านดังกล่าวที่เข้ามาช่วยกันห้ามปราม โดยวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวได้หยิบปืนมาจากในรถ ก่อนรุมทำร้ายวัยรุ่นชายที่ตกเป็นเหยื่อ  ก่อนที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง จะมาถึงที่เกิดเหตุ  ขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ร่วมกันรุมยำคู่อริได้ฉวยจังหวะแยกย้ายกันหลบหนีไป  ส่วนวัยรุ่นชายที่นอนหมดสติ เพื่อนๆได้ช่วยพาขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล มีรายงานว่าอาการค่อนข้างสาหัส ถึงขั้นสมองบวม / ด้านกลุ่ม รปภ.ของร้าน ได้รีบเข้ามาเก็บกระสุนปืน ที่มีการใช้ยิงขู่กันในระหว่างเกิดเหตุ เพื่อทำลายหลักฐาน
ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์รุมทำร้ายดังกล่าวขึ้น ตามภาพที่เห็น ได้มีเสียงปืนดังขึ้นมาจากด้านในอาคารของร้านดังกล่าว ที่เปิดบริการขายอาหารและสุรา จนถึงโต้รุ่งทุกคืน จำนวน 3 ชุด ชุดแรก 5 นัด ชุดที่สอง 3 นัด และชุดสุดท้ายอีก 1 นัด  ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นสองกลุ่มจะวิ่งไล่กันออกมานอกร้าน โดยกลุ่มที่มีคนมากกว่า ได้ใช้ปืนยิงขู่ให้อีกฝ่ายหยุด แต่ชายเสื้อฟ้าในภาพ วิ่งหลบหนีไม่ทัน จึงตกเป็นเหยื่อถูกรุมยำใหญ่ เบื้องต้นมีรายงานว่าสาเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาท เรื่องแย่งจีบผู้หญิงที่มาเที่ยวในร้าน

พ.ต.อ.บุญส่ง นามกร ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เจ้าของท้องที่เกิดเหตุ เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ตำรวจได้ประสานไปยังคนดูแลร้านข้าวต้มดังกล่าว ให้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว ส่วนการสอบปากคำพนักงานในร้านเบื้องต้น ทราบว่าเป็นการทะเลาะกันระหว่างลูกค้าสองกลุ่ม ซึ่งมานั่งรับประทานอาหารที่ร้าน สาเหตุมาจากการแย่งจีบสาว  หลังเหตุการณ์สงบ ทั้งสองฝ่ายได้แยกย้ายกันหลบหนีไป โดยยังไม่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ อย่างไรก็ตามตำรวจจะเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียง  เพื่อหาแบะแสของกลุ่มผู้ก่อเหตุ เพื่อตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป รวมทั้งจะดำเนินคดีกับเจ้าของร้านกรณีเปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด

ผู้กำกับ  สน.ห้วยขวาง กล่าวด้วยว่า สถานบันเทิงและร้านอาหารดังกล่าว ลักลอบเปิดให้บริการเกินเวลามาตลอด ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้บุกจับกุม และสั่งปิดบริการมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็แอบกลับมาลักลอบเปิดบริการอีก โดยไม่ยื่นขอจดทะเบียนตั้งชื่อร้าน แต่จะเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มนักเที่ยวขาประจำ ซึ่งยืนยันว่าตำรวจจะตามดำเนินคดีจนถึงที่สุด

MV ปุยฝ้าย أحب إلى أسفل.

วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555



เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 ได้รับแจ้งจาก พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น  ผบก.สส.ภ.7 ว่า สามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ได้พร้อมของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 290,000 เม็ด ยาไอซ์ 4 กิโลกรัม  เฮโรอีนบริสุทธิ์  25.5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 127 ล้านบาทการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าได้มีขบวนการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดเข้ามาอยู่ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จึงวางแผนล่อซื้อและจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมยาบ้า 400 เม็ด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากนั้นจึงได้ทำการขยายผลค้นบ้านพักเครือข่ายในพื้นที่ จ.ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครปฐม สุพรรณบุรี ได้ผู้ต้องหารวม 5 คน รถเก๋ง 2 คัน รถตู้ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง และของกลางอื่นๆที่เกี่ยวข้องในคดีอีกหลายรายการต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายต้น (นามสมมุติ) อาชีพทนายความ ได้ที่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี พร้อมของกลางเฮโรอีน 25.5 กก. และจับกุมลูกน้องนายต้น ได้ที่ท้องที่ ริมถนนสายพระแท่น-กำแพงแสน  อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ทั้งนี้จะมีการนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาแถลงข่าวในวันที่ 6 มิ.ย. ต่อไป.

แม่ผ่องฉลองวันเกิด72ปีเศร้าถูกเพลิงเผาห้องนอน


เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านของ นางผ่องศรี วรนุช อายุ 73 ปี ศิลปินแห่งชาติ  สาขาศิลปะการแสดง ดนตรีสากล ปี พ.ศ. 2535 ที่บ้านเลขที่ 38/160 หมู่บ้านประภัสสรวิลล่า หมู่ 6 ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐมโดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 18.30 น. วันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่นางผ่องศรี วรนุช กำลังออกไปนั่งรับประทานอาหารกับเพื่อนๆ ที่มาร่วมแสดงความยินดีเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 72 ปี หลังเกิดเหตุรถดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียงได้มาช่วยกันดับไฟ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที เพลิงจึงสงบ จากการตรวจสอบพบว่าจุดต้นเพลิงอยู่บริเวณโต๊ะเครื่องแป้งภายในห้องนอน ทั้งนี้มีทรัพย์สินถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายหลายรายการ
ด้าน นางผ่องศรี วรนุช กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกเสียดายภาพถ่าย และของเก่าๆที่ยังไม่รู้ว่าเสียหายมากน้อยแค่ไหน เพราะของทั้งหมดตั้งใจเก็บไว้จัดในพิพิธภัณฑ์ เพื่อเปิดให้คนรุ่นหลังได้มาศึกษาหาความรู้  หลังจากที่ตนหมดลมหายใจไปแล้ว อย่างไรก็ดีข้าวของที่เสียหายในครั้งนี้เป็นพวกโต๊ะเครื่องแป้ง แผ่นเสียง ผ้าม่านหน้าต่าง มุ้งลวด โซฟา และทรัพย์สินบางส่วนภายในห้อง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100,000 บาทเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ดีจะต้องประสานให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป.

วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทความ นักการเมืองทำกับประชาชนแค่นี้ประชาชนก็จะตายแล้ว! สนใจการเมืองแล้วได้อะไร นักการเมืองมันเอาข้าวให้เรากินหรือเปล่า ฟังแล้วเบื่อ ฟังแล้วเคลียด ตรงนี้มีคำตอบ



บทความ นักการเมืองทำกับประชาชนแค่นี้ประชาชนก็จะตายแล้ว!
การเมืองเรื่องเข้าใจง่าย บทความรู้แล้วได้อะไรกับเรื่องเกี่ยวเมือง
เขียนกันเป็นข้อ ๆ ... เขียนกันวันละนิด ...
1 ทำไมข้าวยากหมากแพงเป็นเพราะนักการเมืองจริงหรือ
คำตอบ ส.ส. นักการเมืองทุจริตโครงการอะไรก็ตามที่รัฐบาลทำ ส.ส. ข้าราชการร่วมกันโกงกินเงินงบประมาณ เมื่อโกงกินกันมาก รัฐบาลไม่มีเงิน ก็ขึ้นภาษีกับพ่อค้า ต่อมาพ่อค้าก็ต้องบวกภาษีลงไปในสิ้นค้า ของก็แพงขึ้น ยังไม่พอยังขี้นภาษีค่าไฟค่าน้ำก็ยิ่งแย่ไปอีก มาเรื่องปตท.ก็ โกงกินกันอีก ผลน้ำมันแพง ส่งให้ค่าขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น ข้าวของก็แพงขึ้นไปใหญ่ ผลประชาชนมี แต่จนลงเพราะค่าครองชีพสูงขึ้น

2 จากข้อ 1 ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศบอกว่า ส.ส. มันโกงกินแล้วไปทำอะไรมันได้
รู้เรื่องการเมืองแล้วได้อะไร ส.ส. มันมีทั้งเงินทั้งอำนาจทั้งเลี้ยงนักเลงข้าราชการหน้าไหนก็กลัวมันขืนไปสู้รบตบมือกับมันจะเอาอะไรมาคุ้มกะลาหัว มีแต่ตายฟรีวัน ๆ ยังเอาตัวไม่รอด ความรู้ก็น้อย รักชาติแล้วใครมาช่วยให้เรา มีข้าวกินไหม??? อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า...

นักการเมืองมันโกงกิน มีผลกับประชาชนอย่างไร
คำตอบ มันรวยแต่ประชาชนจนลง ของแพงขึ้น เงินมีค่าน้อยลง แต่เงินหายาก

นักการเมืองมันกลัวอะไร
คำตอบ กลัวสื่อมวลชน กลัวประชาชนรู้ความจริงแล้วลุกฮือ

แล้วนักการเมืองมันแก้เกมส์อย่างไร
ตำตอบ ใช้เงินฟาดหัวสื่อหลัก สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อทีวี ให้ไม่ยอมเสนอข่าวให้องค์ความรู้ประชาชนเพราะได้เงินค่าโฆษณาจากหน่วยงานของรัฐ ออกมาให้ข่าวแก้ตัว พูกอะไรเพียงครึ่งเดียว พูดแบบปรัชญา แบบตรรกศาสตร์ ทำให้คนระดับล่างที่มีมากที่สุดในประเทศ เข้าใจยาก
สับสน แยกไม่ออกว่า นักการเมืองมันทำผิดหรือไม่ผิด และนักการเมืองพยายามออกข่าวซ้ำๆแต่เปลี่ยนตัวละครแบบส่งไอ้หน้าจืด แต่งตัวใส่สูทดูดีมาออกทีวีช่วยกันแก้ตัว มาถึงตรงนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็บอกว่า เบื่อ เคลียด ไม่สนใจการเมือง !!!

ผลบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ตรงนี้ไม่ต้องตอบ เพราะ ทุกคนเจอแล้วตอนนี้
ต่างกล่าวเหมือนๆกันว่า เดือนๆหนึ่งกูมีแต่รายจ่าย จนจะแย่อยู่แล้ว...

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คำเตือน ไอ้แอตมินคนไทย ที่ดูแลเฟสบุกค์ ในประเทศไทย มึงจะแกล้งตัดตอนข่าวที่โพสเรื่อง รัฐบาลทำเลว ทำไม มาระดับนี้แล้ว มึงไม่ต้องกลัวว่า ชาวบ้านเขาจะไม่รู้ว่า มึงนั่งทำงานอยู่ตรงไหน ห้องไหน มึงไม่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มึงก็อยู่เฉยๆ ถ้ามึงกลัว ส.ส. นักการเมือง จะมาเช็กบิลมึง ก็ลาออกไปซะ เพื่อนๆที่เขาทำงานแบบมึง เขายังไม่แกล้งกันเลย ว่างๆ. สักวันกูจะให้คนไปเยี่ยมมึงถึงครอบครัวมึงเลย !!!


คำเตือน
ไอ้แอตมินคนไทย ที่ดูแลเฟสบุกค์ ในประเทศไทย
มึงจะแกล้งตัดตอนข่าวที่โพสเรื่อง รัฐบาลทำเลว ทำไม
มาระดับนี้แล้ว มึงไม่ต้องกลัวว่า ชาวบ้านเขาจะไม่รู้ว่า มึงนั่งทำงานอยู่ตรงไหน ห้องไหน
มึงไม่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มึงก็อยู่เฉยๆ ถ้ามึงกลัว ส.ส. นักการเมือง
จะมาเช็กบิลมึง ก็ลาออกไปซะ เพื่อนๆที่เขาทำงานแบบมึง เขายังไม่แกล้งกันเลย
ว่างๆ. สักวันกูจะให้คนไปเยี่ยมมึงถึงครอบครัวมึงเลย !!!

วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การใดที่เข้าใจตรงกัน...ย่อมบอกเจตนาว่า คนสีใดในชาติไทยก็คือ ลูกของแผ่นดิน รักษาชาติ รักษาสถาบัน รักษาพระศาสนา รักษาประโยชน์ชาติ ย่อมชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ "ข้อความนี้ชอบด้วยกฎหมายตามหลักนิติธรรม "

ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป คลิปที่ดูแล้วน้ำตาซึม ในหลวงของพวกเราสุดยอดกษัตริย์

ส่งสาส์นถึง นางปูหรือนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และส.ส.คณะรัฐบาล วิเคราะห์ การกระทำใดๆ ไม่ว่า ส.ส. คนใดก็ตาม จะใช้อำนาจนิติบัญญัติ มาลบล้าง คำพิพากษาของอำนาจตุลาการ มิได้ การออกกฎหมายช่วยทักษิณ ชินวัตรให้พ้นผิดนั้นเป็นการทำลาย ท่านผู้พิพากษาทุกคน ที่เป็นตัวแทนเป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การกระทำเยี่ยงนี้... มิสมควร มิบังอาจ เป็นเจตนากระทำต่อสถาบันสูงสุด ที่ปวงชนชาวไทยเทิดทูล เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของสถาบันชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อมีอำนาจ มีลาภ มียศ มีตำแหน่ง ก็เสื่อมลงได้ จงสำนึกสำเนียกการกระทำของตนเป็นสำคัญ "ข้อความนี้ชอบด้วยกฎหมายตามหลักนิติธรรม"

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ยิงดับส.อบต.ตะพงขณะขับรถกลับบ้าน


เมื่อเวลา 21.50 น. วันที่ 29 พ.ค. ร.ต.ท.พรชัย  สุขเจริญ  พงส.( สบ 1 )  สภ.เมืองระยอง รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธปืนยิงและมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ในรถยนต์ พลิกคว่ำชนป้ายข้างทางเหตุเกิดเลยหน้าศูนย์เบนซ์ ถนนสาย 36 หมู่ 5 ต.เชิงเนิน ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สุกิตติ ไสวเกียรติ ผกก.ฯ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานระยอง ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน สีเขียว ทะเบียน บน 4369 ระยอง บรรทุกแก๊ส 3 ถังพร้อมเตา พลิกคว่ำตกอยู่ข้างทาง ภายในรถยนต์พบศพนายภิญโญ หรือเปี๊ยก  ภิริโย อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171/1 หมู่ 4 ต.ตะพง มีตำแหน่งเป็น ส.อบต. หมู่ 4  สภาพถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าตามร่างกายหลายนัดสอบสวนทราบว่า ผู้ตายมีอาชีพรับจ้างทำอาหารโต๊ะจีน ก่อนเกิดเหตุได้เก็บข้าวของเครื่องใช้หลังเสร็จงานเลี้ยงในบริเวณบ้านพักพนักงานบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) สี่แยกบ้านแลง แล้วขับรถกระบะกลับบ้าน ระหว่างทางถูกคนร้ายคาดน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คนพร้อมอาวุธครบมือขับรถมาประกบแล้วยิงปืนใส่ เบื้องต้นทางญาติคนตายระบุว่านายภิญโญ ไม่มีเหตุโกรธแค้นกับบุคคลใดทำให้ไม่ทราบสาเหตุที่ถูกสังหารในครั้งนี้แต่เจ้าหน้าที่คาดน่าจะมีความขัดแย้งส่วนตัว หรือการเมืองท้องถิ่นหรือขับรถปาดกันบนท้องถนน ซึ่งจะติดตามคนร้ายดำเนินคดีต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

SEXY THE ONE HATYAI.mp4

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (27 พ.ค.) พ.ต.ท.มนต์ชัย อรุณส่องแสงดี พงส.(สบ 3) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งพบศพชายนอนเสียชีวิตใต้ทางเดินคอนกรีต ซอยแก้วเงินทอง 27 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
ที่เกิดเหตุบริเวณใต้ทางเดินคอนกรีตเข้าซอย พบศพชายไม่ทราบชื่อ อายุ 30-40 ปี นอนหงาย สวมเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีเทา ถูกมัดมือด้วยปลอกหมอนข้างสีเขียว พบบาดแผลที่ศีรษะด้านขวาถูกแทงด้วยของมีคมแผลลึกถึงกะโหลก มีรอยฟกช้ำตามใบหน้า หน้าอกมีบาดแผลฉกรรจ์ แขนขามีรอยถลอก ตรวจสอบในร่างกายไม่พบเอกสารระบุบุคคล แพทย์ระบุว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชม.
สอบสวนนางมะลิวัลย์ สาตประเสริฐ อายุ 44 ปี ชาวบ้านในซอย ให้การอย่างตื่นเต้นว่า เมื่อช่วงเช้าลูกชายออกไปเก็บขวดใกล้ที่เกิดเหตุ ก่อนจะวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกว่าพบศพชาย ตนจึงรีบมาดู ก็ตกใจมาก รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เพราะไม่รู้จักผู้ตาย สอบถามเพื่อนบ้านต่างก็บอกตรงกันว่าไม่เคยเห็นผู้ตาย มาก่อน
พ.ต.ท.มนต์ชัย กล่าวว่า จากการสอบสวนพยานใกล้ที่เกิดเหตุระบุว่าเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาได้ยินเสียงคน ทะเลาะกันก่อนเงียบไป กระทั่งช่วงเช้ามาพบศพชายถูกฆ่าปริศนา คาดว่าผู้ตายน่าจะเป็นรปภ. ละแวกใกล้เคียงมาหาเพื่อนแล้วเคลียร์ปัญหาส่วนตัวไม่ลงตัวจึงทะเลาะกันก่อน ฆ่ากันตาย จะเร่งหาเบาะแสผู้ตายและหาชนวนสังหารที่แท้จริงต่อไป.

บ่อแก๊สมรณะ คนงานซ่อมวาวดับ5ศพ.flv

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตร.จับโจรลักทรัพย์ ชะล่าใจไม่ใส่กุญแจมือ-คนร้ายรอตอนเผลอใช้จอบจามหัวแบะ

  เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 25 พ.ค.  พ.ต.ท.พุฒินนท์  คงเสมอ พงส.สบ.3 สภ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ รับแจ้งเหตุตำรวจถูกฆ่าตาย พื้นที่หมู่ 1 ถนนสายล่าง บ้านในเมือง ต.ในเมือง อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ และรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบเป็นลานกว้างหน้าบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้น ห่างจากตัวบ้านประมาณ 3 เมตร พบศพตำรวจแต่งกายครึ่งท่อน สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงสีกากี นอนจมกองเลือดอยู่ ทราบชื่อภายหลังว่า ด.ต.นิคม  ทิมพรม อายุ 50 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปราม สังกัด สภ.พิชัย หัวหน้าสายตรวจตำบลคอรุม
จากการชันสูตรพลิกศพพบบาดแผลบริเวณศีรษะด้านซ้ายถูกตีด้วยของแข็ง มีบาดแผลลึกเป็นทางยาว 10 เซนติเมตร และที่บริเวณใบหูซ้ายพบบาดแผลยาว 3.5 เซนติเมตร ที่บริเวณลำคอมีรอยเขียวคล้ำ กรามบวม พบเส้นผมจำนวนหนึ่งในมือผู้ตาย ห่างจากศพพบรองเท้าผ้าใบสีดำคาดว่าเป็นของคนร้ายตกอยู่ 1 คู่ พบซองปืนซึ่งเป็นของผู้ตายตกอยู่ข้างศพแต่ปืนพกขนาด .38 หายไป และพบจอบสำหรับขุดดินยาวประมาณ  1 เมตร มีรอยเลือดติดอยู่ตกห่างจากศพราว 2 เมตร และพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน กวท-667 อต.จอดอยู่ในดงป่ากล้วยข้างบ้านห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 12 เมตร
ที่สำคัญคือพบเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของนายมณฑล  รุ้งสองแคว อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 28/1 หมู่ 8 ต.ท่าสัก อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ตกอยู่ที่พื้น คาดว่าเป็นของคนร้าย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บ
เอาไว้เป็นหลักฐาน

 จากการสอบสวนพยานทราบว่า ผู้ตายแวะมาที่บ้านเพื่อทำธุระส่วนตัว และพบเห็นขโมยขึ้นมาที่เรือนไม้ชั้นบนจึงได้จับกุมคนร้ายไว้โดยที่ไม่ได้สวมกุญแจมือ และนำตัวมายังจุดที่คนร้ายจอดรถจักรยานยนต์บริเวณป่ากล้วยข้างบ้าน เพื่อตรวจสอบหาเอกสารหลักฐานที่มาของคนร้าย ก่อนที่จะนำตัวส่งสถานีตำรวจ
  ในระหว่างที่ค้นพบเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน คนร้ายได้คว้าจอบขุดดินฟาดเข้าที่ศีรษะด.ต.นิคม ตอนเผลอจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จากนั้นคนร้ายขโมยปืนพกแล้วหลบหนีไป
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จ.อุตรดิตถ์ และชุดสืบสวนสภ.พิชัย จำนวนเกือบ 100 นาย ได้กระจายกำลังปิดล้อมเส้นทางเข้าออก หมู่ 1 บ้านในเมือง พร้อมนำสำเนารูปถ่ายนายมณฑล คาดว่าเป็นคนร้ายรายนี้ออกแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดี และเชื่อว่าคนร้ายยังหลบอยู่ภายในหมู่บ้าน ไม่นานก็ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบเห็นคนร้ายกระโดดหนีลงแม่น้ำน่านซึ่งห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร
 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกระจายกำลังไปดักรออยู่ฝั่งแม่น้ำน่านตรงข้ามบริเวณตำบลคอรุม  พบคนร้ายว่ายน้ำขึ้นฝั่ง และวิ่งหนีข้ามถนนสายพิชัย-อุตรดิตถ์ เพื่อหนีเข้าทุ่งนาในเขตพื้นที่บ้านคลองกล้วย ต.คอรุม อ.พิชัย จึงติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้ได้ 
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยเป็นนักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.พิชัย เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาแล้ว ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าถูก ด.ต.นิคม จับได้ว่าบุกเข้าไปลักทรัพย์ถึงในบ้าน ระหว่างถูกจับกุมตัวกลัวจะถูกยิง จึงจำเป็นต้องฆ่าก่อนพร้อมขโมยอาวุธปืนหลบหนีออกมาด้วย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ในหลวงเสด็จฯทุ่งมะขามหย่อง

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

König Bhumibol Adulyadej v. Thailand / พระ Bhumibol ของประเทศไทย

القبض على مؤيدين العوا لتوزيعهم دعايا أمام اللجان

แก๊งกะเทยมอมยารูดทรัพย์นักธุรกิจโสม-ใช้วิธีอมยาทำทีจูบก่อนคายใส่ปากเหยื่อ!!


เมื่อ 23 พ.ค. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.สุทธิสาร  ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว แก๊งกระเทยแสบ ก่อเหตุมอมยานักธุรกิจและนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี  โดยผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายศริตาหรือหนึ่ง ฟ้าหวั่น อายุ 25 ปี นายภิญญาพันธ์ หรือนาเดียร์ กรประภาพรรณ อายุ 27 ปี ทั้ง 2 คนเป็นสาวประเภทสอง และน.ส.กนกพร หรือเก๋ กิตติญาณ อายุ 25 ปี  พร้อมของกลางทรัพย์สินหลายรายการมูลค่า 3.8 ล้านบาท พร้อมทั้งยาโซแลม ซึ่งเป็นยานอนหลับชนิดรุนแรงและจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ซึ่งผู้ซื้อจะต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ จำนวนกว่า 10 แผง
  พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค. เจ้าหน้าที่ ตร.สน.สุทธิสาร ได้รับแจ้งจาก นายคิม จังอุง  นายชา ดาวุน และ นายโช คิวซิค  3 นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ ว่าถูกคนร้ายก่อเหตุมอมยาแล้วรูดทรัพย์ เหตุเกิดที่วัฒนาแมนชั่น ภายในซอยรัชดาภิเษก 17 แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายทั้ง 3 ราย  ไปเที่ยวตระเวนราตรีย่านอาร์ซีเอ ก่อนที่นายนาเดียร์ จะทำทีเข้ามาทักทาย เป็นภาษาเกาหลีก่อนชักชวนให้ผู้เสียหายไปเที่ยวต่อ
  จากนั้นจึงมีการชักชวนกันมาร่วมหลับนอน ที่แมนชั่นที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นห้องที่ผู้เสียหายพักอยู่ ก่อนที่จะนำยานอนหลับผสมเข้าไปในเครื่องดื่ม เมื่อสบโอกาสจึงปลดทรัพย์ ซึ่งมีทั้ง เงินสดเป็นเงินสกุลดอลลาส์ สหรัฐ เงินเยน เงินวอน และเงินบาท พร้อมทั้งทรัพย์สินต่างๆ อาทิ นาฬิกาคาร์เทียร์ ราคาเรือนละ 1 ล้าน 8 แสนบาท นาฬิกากุชชี่ ราคา 7 แสน 5 หมื่นบาท และทรัพย์สินอื่นของผู้เสียหายทั้ง 3 ราย รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ก่อนจะหลบหนีไป
  พล.ต.ต.สำเริง กล่าวต่อว่า หลังรับแจ้งทางฝ่ายสืบสวนสน.สุทธิสาร ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางแมนชั่น จนทราบรูปพรรณของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ก่อนจะสามารถติดตามตัวทั้งหมดพร้อมของกลางได้ เมื่อช่วงดึกของ คืนวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา จากการสอบสวน นายนาเดียร์ ให้การรับสารภาพว่าตนเองและเพื่อนได้ตระเวนหาเหยื่อตามสถานบันเทิง เมื่อพบเจอเหยื่อก็จะนำยานอนหลับ ยี่ห้อโซแลม ที่ซื้อมาจากร้านขายยาในราคาแผงละ 208 บาท ก่อนจะเคี้ยวปนกับเหล้าแล้วทำทีอมไว้ในปาก จากนั้นจะทำทีจูบกับผู้เสียหาย แล้วคายเหล้าที่ผสมยาดังกล่าวเข้าไป เมื่อยาออกฤทธิ์ ก็ลงมือจะปลดทรัพย์
 โดย นายนาเดียร์ ยอมรับด้วยว่า มีการใช้ยาโซแลม เป็นประจำขณะเที่ยวตามสถานบันเทิง ทำให้พอมีภูมิต้านทานบ้าง และยาดังกล่าวเมื่อกินผสมกับเหล้าจะทำให้มีฤทธิ์มากขึ้น ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาเคยก่อนเหตุในลักษณะดังกล่าว มาหลายครั้งแล้ว โดยล่าสุดก่อเหตุในท้องที่ สน.ทองหล่อ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และหากท่านใดเคยถูกก่อเหตุใน ลักษณะดังกล่าว ติดต่อขอดูตัวได้ที่สน.สุทธิสาร

โตโยต้า วีโก้ ไม่ผ่านการทดสอบ

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

บุกทลายโรงงานผลิตกาแฟปลอมยี่ห้อดัง

 เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 พ.ค. พล.ต.ต.สุชาติ กาญจนวิเศษ ประธาณคณะทำงานชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พร้อมพ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. และนายภูมิ สาระผล รมช.กระทรวงพาณิชย์ นำกำลังพร้อมหมายค้น เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา เลขที่ 11/318 ซ.เอกชัย 94 แยก 4 ถ.เอกชัย แขวงบางบอน เขตบางบอน
 จากการตรวจค้นพบซองบรรจุกาแฟสำเร็จรูป ชนิดผง ยี่ห้อเนสกาแฟ แบบทรีอินวัน ริช อโรมา พร้อมจำหน่าย จำนวน 158,400 ซอง เครื่องบดผสมกาแฟ จำนวน 2 เครื่อง เครื่องซีลหีบห่อกาแฟ 8 เครื่อง ถุงบรรจุกาแฟ น้ำตาล ครีมเทียม และซองกาแฟ ยี่ห้อเนสกาแฟ ที่ยังไม่บรรจุอีกจำนวนมาก จึงควบคุมตัวนายมาโนชย์ สุภาจันทร์สุข อายุ 40 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ เจ้าของ พร้อมแรงงานต่างด้าว 4 คนดำเนินคดีข้อหาปลอมเครื่องหมายการค้า และให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าว
 นายมาโนชย์รับสารภาพว่า เปิดโรงงานผลิตกาแฟได้ 1 ปี ลงทุนซื้อเครื่องบรรจุกาแฟมูลค่า 2 ล้านบาทผลิตได้วันละ 10,000 ซอง ก่อนนำไปส่งที่บางปะอิน แล้วจะมีคนมารับต่อไปขายที่ชายแดนไทย ลาว เขมร ไม่ได้ส่งขายในกทม. และเป็นกาแฟจริง ตนผสมเองโดยลดปริมาณกาแฟ น้ำตาล และครีมเทียมลงเพื่อลดต้นทุน ก่อนนำเอามาบรรจุหีบห่อยี่ห้ออื่นเท่านั้นเอง

พิลึก!โคโยตี้สาวประเภทสองถือยาบ้าขึ้นโรงพัก-เผยอยากติดคุกหาแฟนใหม่



 เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 พ.ค. นายกรทอง หรือน้องตี้ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี สาวประเภทสอง ชาวจ.หนองคาย เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ต.พันธ์เพชร เหล่ากำเนิดเพชร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี โดยแจ้งว่าตนเพิ่งเสพยาบ้ามาและมียาบ้าเหลือติดตัวอยู่อีก 1 เม็ด แล้วก็หยิบเอายาบ้าเม็ดสีส้มห่อในพลาสติกใสให้ดู พร้อมทั้งแจ้งให้จับกุมตัวดำเนินคดี ทำเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนพิรุณงงไปตามๆ กัน 
 นายกรทอง ให้การต่ออีกว่า ตั้งแต่เล็กๆ ตนก็อยากเป็นผู้หญิง ทำให้ทางบ้านไม่พอใจ เมื่อเรียนจบ ม.3 ก็ติดเพื่อนเสพยาบ้า ถูกจับคดีลักรถจักรยานเมื่ออายุ 16 ปี อายุ 17 ปี ถูกจับมียาบ้าในครอบครองและนำเข้ายาบ้า ติดคุก 4 ปี ที่บ้านกาญจนานครปฐม ปี 53 ถูกจับมียาบ้าในครอบครองติดคุกที่เรือนจำหนองคาย ปี 54 ถูกจับคดีมียาบ้าอีก และล่าสุดถูกจับเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา รวมถูกจับคดียาบ้า 4 ครั้ง ทำให้ชินชีวิตในคุกมากกว่าในเมือง
 นายกรทอง ให้การอีกว่าช่วงที่อยู่นอกเรือนจำก็ทำอาชีพเต้นโคโยตี้ตามผับตามบาร์ในภาคอีสานหลายจังหวัด เมื่อพ้นโทษออกมากลับไปอยู่บ้านก็ไม่มีใครยอมรับ จึงคิดอยากกลับเข้าไปอยู่ในคุกเพื่อหาสามีในคุก ระบุมีความสุขกว่าอยู่นอกคุก ที่ผ่านมามีสามีหลายคนแต่ก็ไม่มีใครจริงใจ แต่มีสามีในคุกได้อยู่ด้วยกันตลอดไม่หนีไปไหน
 ด้าน พ.ต.ต.พันธ์เพชร เปิดเผยว่า ตามกฎหมายก็ต้องจับกุมดำเนินคดีเพราะผู้ต้องหาเสพยาบ้าและมียาบ้าในครอบครอง เท่าที่สอบถามพูดคุยกับผู้ต้องหา ทราบมาว่าเคยติดคุกที่หนองคายและมีสามีเป็นชายแท้อยู่ในคุก และต้องการที่จะเข้าไปหาสามีใหม่ในคุกเมืองอุดร ที่มีนักโทษชายเยอะเลือกได้ซึ่งก็แปลกดี พ.ต.ต.พันธ์เพชร กล่าว 

ตร.ทล.จับยาบ้ามูลค่า 112 ล้านบาท

 วันนี้ (21 พ.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. พ.ต.อ.ทัศนัย พรั่งพิบูลย์ ผกก.5 บก.ทล. พ.ต.ท.กานตภณ วรรณา สว. ส.ทล.1 กก.5 บก.ทล. (ตาก) แถลงข่าวผลการจับกุม นายอภิชีพ ชิดติดสวรรค์ หรือ นายดำริ แซ่เฮ่อ ชาวจีนม้ง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/1 หมู่ที่ 11 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก และน.ส.ชฎาพร อุไรรุ่งโรจน์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/61/1 หมู่ที่ 10 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 450,000 เม็ด มูลค่า112,500,000 บาท รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน ฒญ 8424 กรุงเทพมหานคร เงินสด จำนวน 72,400 บาท และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้บนทางหลวงหมายเลข 1 กิโลเมตรที่ 414-415 หมู่ที่ 1 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร
 พล.ต.ต.นรบุญ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 02.00 น.ของ เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงตากร่วมกันตั้งจุดตรวจที่ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ช่วงกิโลเมตรที่ 414-415 ตำบลคลองขลุง อำเภอคลองขลุง จ.กำแพงเพชร พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน ฒญ 8424 กรุงเทพมหานครต้องสงสับจึงได้ทำการเรียกตรวจค้นรถดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในรถคันดังกล่าวพบยาบ้าซึ่งบรรจุห่อกระดาษสีน้ำตาลเคลือบมัน และหุ้มด้วยพลาสติกใส มัดละประมาณ 2,000 เม็ด จำนวน 225 มัด อยู่ในกระเป๋าผ้าร่มสีดำวางที่พื้นรถด้านซ้ายของคนขับ 1 ใบ โดยมีน.ส.ชฎาพรนั่งอยู่เบาะด้านข้างคนขับ และกระเป๋าวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง น.ส.ชฎาพรอีก 1 ใบ จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลาง
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนนั้นรับขนยาเสพติดให้กับนายทุนซึ่งเป็นชาวลาวชื่อยัว ที่เป็นคนนำยาบ้าข้ามมาจากฝั่งลาวเพื่อนำมาส่งให้กับตนจากจังหวัดเชียงราย แล้วเปลี่ยนถ่ายรถขนยาบ้ากันบริเวณจังหวัดพะเยา เพื่อให้ตนมุ่งหน้าไปส่งยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยทำมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกได้ค่าจ้าง จำนวน 400,000 บาท จนครั้งที่ 2 ถ้าทำงานสำเร็จจะได้ค่าจ้าง จำนวน 500,000 บาท แต่มาถูกตรวจค้นและจับกุมตรงด่านตรวจเสียก่อน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป

KNOWING รหัสวินาศโลก 1

Killer Elite 3 โคตรโหดพันธุ์ดุ [พากย์ไทย] 1

تامل DVD چیرنا کوڈ.

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประกบยิงอดีตผู้ใหญ่บ้านดับอนาถกลางตลาดสดท่ายาง


ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อภายหลังคือนายมานะ คชกูล อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 ต.บางจาก อ.เมือง จ.เพชรบุรี ถูกยิงเสียชีวิตอยู่บนพื้นถนนลาดยางหน้าร้านจำหน่ายโทรศัพท์ติดกับตลาดสด อ.ท่ายาง ติดกับท้ายรถกระบะตอนครึ่งสีบรอนซ์ทองยี่ห้อโตโยต้าทะเบียน บธ660 เพชรบุรี ในกระบะท้ายมีตะกร้าใส่พืชผักและผลไม้วางซ้อนกันอยู่จำนวนหนึ่ง
 สภาพศพผู้ตายนอนคว่ำหน้ามีเลือดไหลนองพื้นถนน นุ่งกางเกงขาสั้นใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้น ใกล้ร่างผู้ตายพบถุงใส่ผักตกอยู่ 1 ถุง ห่างจากศพเล็กน้อย พบรถเข็นจอดอยู่ 1 คัน ที่มีพืชผักที่บรรจุอยู่ในถุงใส่อยู่ในรถเต็มคัน ตรวจสอบพบบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณลำตัว คอ แผ่นหลัง หน้าท้อง คอ หน้าอก หน้าต้นแขนซ้าย และชายโครงด้านซ้าย รวม 10 แผล พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 7 ปลอก ขนาด 11มม.จำนวน 1 ปลอก ตกกระจายอยู่บนพื้นถนน และในท้ายรถกระบะคันที่อยู่ใกล้ศพผู้ตาย
 สอบสวนทราบว่าผู้ตายอดีตเคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ต.บางจาก อ.เมืองเพชรบุรี มีอาชีพค้าขายสินค้าอุปโภคทั่วไปร่วมกับพี่น้อง ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถกระบะออกจากบ้านมาพร้อมน้องสาว คือนางจำเรียง ทับทิมทอง อายุ 41 ปี น.ส.จำรัส คชกูล อายุ 37 ปี โดยแวะซื้อผักและสินค้าในตลาดสดเมืองเพชรบุรีเพื่อนำมาขายบริเวณแผงขายในตลาดสด อ.ท่ายาง เมื่อเดินทางมาถึงตลาดสดท่ายาง ได้จอดรถอยู่บริเวณที่เกิดเหตุห่างจากแผงขายของประมาณ 100 เมตร
 โดยน้องสาวทั้ง 2 คน เดินนำของบางส่วนไปเปิดแผงเพื่อเตรียมขาย ส่วนผู้ตายอยู่ระหว่างนำพืชผักและสินค้าอุปโภคทั่วไปอีกหลายชนิดไปส่งที่แผงโดยมีนายฉลอง เนาวบุตรอายุ 40 ปี ที่รับจ้างเข็นของในตลาดนำรถเข็นมาใส่สินค้าเพื่อไปส่งยังแผงขาย ช่วงที่ผู้ตายกำลังนำผักและสินค้าที่อยู่ในท้ายรถกระบะใส่รถเข็นที่จอดอยู่ท้ายรถ ได้มีรถกระบะตอนครึ่งยี่ห้อโตโยต้ายกสูงสีบรอนด์เงินเบื้องต้นยังไม่ทราบหมายเลขทะเบียน วิ่งมาจอดประกบรถกระบะของผู้ตาย จากนั้นคนที่นั่งอยู่ท้ายรถกระบะ 1 คน สวมหมวกไหมพรมสีดำ และคนขับรถกระบะคันดังกล่าวได้ใช้ปืนสั้นกระหน่ำยิงนายมานะ และขับรถหลบหนีออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้เห็นเหตุการณ์หลายราย
 ส่วนสาเหตุเบื้องต้นตำรวจสันนิฐานว่าน่าจะขัดแย้งส่วนตัวหรือไม่ก็ขัดแย้งธุรกิจมืดเพราะจากการตรวจสอบประวัติข้อมูลของผู้ตายเบื้องต้นตำรวจพบว่าผู้ตายมีประวัติพัวพันกับยาเสพติดและยังต้องสงสัยร่วมฆ่าผู้อื่นอีกด้วยอย่างไรก็ตามตำรวจได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณแยกต่างๆ ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ มาตรวจสอบอย่างละเอียดหาหมายเลขรถกระบะคันที่ก่อเหตุเพื่อติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมาย