วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กรุงเทพฯ วิกฤติ-หยุดยาว-สั่งอพยพ!!

  ล่าสุด การประชุมคณะรัฐมนตรีที่ ศปภ.วานนี้ (25 ตุลาคม) ก็ได้เห็นชอบวันหยุดราชการเป็นวันหยุดยาวรวม 5 วัน นั่นคือ วันที่ 27-28 ตุลาคมและวันที่ 31 ตุลาคม ครอบคลุม 21 จังหวัดทั้งกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล รวมไปถึงจังหวัดอื่นๆในพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด ขณะเดียวกันก็ได้สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่บริเวณที่น้ำเริ่มทะลักเข้ามา อย่างเร่งด่วน
      
       มีการคาดหมายกันว่า เวลานี้น้ำได้ได้เริ่มไหลเข้ามาถึงกรุงเทพมหานครในเขตชั้นใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเข้ามาถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า มันก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นภาวะวิกฤติซ้ำเติมเข้ามาอีก ซึ่งเป็นลักษณะของภาวการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีทางเลือกอยู่ไม่กี่ทางเท่านั้น นั่นคือ ยอมรับชะตากรรมและหาทางบรรเทาความเสียหายให้น้อยที่สุดเท่านั้น แต่ทางเลือกดังกล่าวถือว่าทำใจยากเหลือเกิน
      
       หากพิจารณาจากการประกาศของรัฐบาล และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเรื่องวันหยุดยาว 5 วัน และสั่งอพยพในพื้นที่เสี่ยงอย่างเร่งด่วน ถือว่านี่คือการส่งสัญญาณชัดที่สุดแล้วว่า รัฐบาลหมดทางรับมือกับน้ำที่กำลังไหลบ่าเข้ามาได้ ความหมายเวลานี้ก็คือสั่งให้ชาวบ้านอพยพหนีออกไปโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อไปหาสถานที่ปลอดภัยพักพิง หากเปรียบเป็นสมัยโบราณก็ต้องบอกว่าให้รีบหนีออกจากพระนคร หรือให้หาที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด เพราะข้าศึกรุกเข้ามาประชิดทุกทิศทางแล้ว
      
       ขณะเดียวกัน เมื่อหันไปพิจารณาจากความเข้มแข็งของรัฐบาล ผู้นำรวมไปถึงบรรดาขุนพล ขุนศึกต่างๆมันช่างไร้ความหวังสิ้นดี ไม่สามารถฝากความหวังเอาไว้ได้เลย ตรงกันข้ามหากยังให้ความเชื่อมั่นกลับยิ่งจะทำให้ตัวเองไม่ปลอดภัยมากขึ้น เพราะเมื่อพิสูจน์จากผลงานก่อนหน้านี้ก็พ่ายแพ้มาตลอดรายทาง สร้างความพินาศย่อยยับให้เห็นอยู่ทุกวัน จนล่าสุดต้องถอยร่นลงมาในเมืองหลวงเป็นที่มั่นสุดท้าย และว่าไปทำไมมีแม้กระทั่งศูนย์บัญชาการใหญ่คือศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ ประสบอุทกภัยเวลานี้ก็กลายเป็นจุดเสี่ยงอาจต้องมีการอพยพหลบหนีไปหาสถานที่ อื่นต่อไป
      
       สิ่งที่นักวิชาการที่เชี่ยวชาญทางด้านน้ำเริ่มมองเห็นแล้วว่าปริมาณ น้ำจะไหลบ่าเข้ามาทางถนนวิภาวดีรังสิต ผ่าเข้ามาจนถึงใจกลางเมือง มาเรื่อยๆ จนถึงห้าแยกลาดพร้าว จนถึงดินแดงก่อนที่จะพยายามไหลลงสู่อุโมงค์ยักษ์ระบายลงสู่ทะเลให้เร็วที่ สุด แต่สิ่งสำคัญก็คือเมื่อน้ำไหลบ่าเข้ามาแบบนั้นมันจะแผ่ขยายวงกว้างออกไปทั้ง ซ้ายและขวา จนไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ ทำให้เกิดภาวะท่วมขัง ซึ่งกว่าจะสูบให้ระดับน้ำลดลงต้องใช้เวลานานนับเดือน
       ภาวะที่เกิดขึ้นดังกล่าวย่อมสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวกรุงเทพมหา นคร ที่มีวิถีชีวิตแตกต่างจากพี่น้องในต่างจังหวัด เนื่องจากไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ เพราะที่ผ่านมาทุกอย่างมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับเอาไว้ตลอดเวลาแต่เมื่อ บรรยากาศพลิกผันเป็นตรงกันข้ามมันก็ยิ่งทำให้ปั่นป่วนรวนเร
       สิ่งที่เห็นก็คือ เวลานี้เริ่มมีศูนย์อพยพหรือแหล่งพักพิงชั่วคราวขยายออกไปตามต่างจังหวัดที่ น้ำไม่ท่วมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี เพชรบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี เป็นต้น เนื่องจากในกรุงเทพมหานครไม่ปลอดภัย
       ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า เวลานี้กรุงเทพมหานครกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มากขึ้นทุกวัน เนื่องจากภาวะขาดแคลนอาหารและเครื่องดื่มรวมไปถึงเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆ เนื่องจากการคมนาคมถูกตัดขาด การขนส่งสินค้าไม่อาจทำได้
       นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่จากความขาดแคลนดังกล่าว หากยังไม่มีการควบคุมและการบริหารจัดการที่ดีพอ โอกาสที่จะเกิดภาวะกลียุคก็เป็นไปได้ไม่น้อย เพราะในเมื่อมีภาวะขาดแคลน ตกงาน ขาดรายได้มันก็ยิ่งเกิดความปั่นได้ตลอดเวลา
       ดังนั้น นาทีนี้ถึงเวลาต้องพูดความจริงและย้ำกันอีกครั้งว่ากรุงเทพมหานครกำลังเข้า สู่ภาวะวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทางเลี่ยง และต้องขนข้าวของไปไว้ในที่ปลอดภัย และขณะเดียวกันเตรียมหาทางอพยพเอาไว้ล่วงหน้าให้รอบคอบสำหรับพื้นที่ที่น้ำ ยังมาไม่ถึง แต่พื้นที่เสี่ยงก่อนหน้านี้ก็ได้เวลาเผ่นแล้ว เพราะถ้ารอให้น้ำไหลมาถึงหน้าบ้านรับรองว่า “เอาไม่อยู่” แน่นอน เตรียมตัวแล้วออกไปทันที!!