วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ดับฝันเอกชนไทยประมูลแท็บเล็ตเสนอครม.เคาะจีทูจีกับจีน


  คณะกรรมการแท็บเล็ต ป.1 ดับฝันบริษัทไทยร่วมโครงการ เสนอเดินหน้าจีทูจีกับจีน ให้ครม.เคาะพุธนี้ พร้อมส่งถึงมือเปิดเทอมใหม่ 23 พ.ค.นี้
      
       น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายแท็บเล็ต ที่มี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการเป็นประธาน พร้อมนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 22 ก.พ.นี้พื่อเสนอรูปแบบของการจัดหาว่าจะเป็นแบบไหน โดยจะมีการเสนอการจัดหาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(จีทูจี) หากรัฐบาลเห็นชอบให้มีการจัดหาแบบจีทูจีก็จะไม่มีการประมูล แต่จะให้กระทรวงต่างประเทศไปประสานงานกับประเทศจีน
      
       น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า การจัดหาแท็บเล็ต 560,000 เครื่อง เบื้องต้นกำหนดราคาต่อเครื่องไว้ที่ 3,100 บาท และราคาประกอบ 300 บาท รวมราคาแล้ว 3,400 บาท/เครื่อง ซึ่งเป็นราคาที่ตั้งขึ้น ยังไม่ใช่ราคาต่อรอง อย่างไรก็ตาม จะสามารถแจกให้กับนักเรียนชั้น ป.1 ได้ทันเปิดเทอมใหม่นี้วันที่ 23 พ.ค.
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต
       สำหรับผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจรับสเปกนั้น ทางคณะกรรมการชุดใหญ่จะตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบสเปกตามที่ได้กำหนดไว้ โดยเป็นสเปกเดิม คือ หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว หน่วยบันทึกข้อมูล 16 กิกะไบต์ หน่วยประมวลผลกลาง หรือ ซีพียู แบบดูอัล คอร์ ไม่ต่ำกว่า 1 กิกะเฮิร์ตซ และหน่วยความจำหลักไม่น้อยกว่า 512 เมกะไบต์ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 3.2 (Honeycomb ) และรองรับ แอนดรอยด์ 4.0 (Ice Cream Sandwich) ได้
      
       รมว.ไอซีที กล่าวว่า ไอซีทียังเร่งผลักดันโครงการสมาร์ท ไทยแลนด์ อย่างต่อเนื่อง โดยจะลงทุน 8 หมื่นล้านบาท กระจายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือ บรอดแบนด์ ผ่านสายไฟเบอร์ให้เข้าถึงประชากรได้ 80% ในปี 2558 ซึ่งจะเป็นการดำเนินการในลักษณะการใช้เสาสถานีฐานร่วม (Co-site) จากเอกชนทั้งหมดที่มีอยู่ 3.5 หมื่นสถานี
      
       นอกจากนี้ ยังขอให้เอกชนทำหน้าที่กระจายโครงข่ายหลักเข้าถึงผู้ใช้ตามบ้าน หรือ ลาสต์ไมล์ ทั้งหมด 16 ล้านครัวเรือน ผ่านเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีอยู่ คือ 3 จี แอลทีอี เอฟทีทีเอกซ์ ตั้งเป้าการมีโครงข่ายเข้าถึงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไอทีของประชากรลงจาก 6% เหลือ 3% และ 1%
      
       รวมทั้งจะสามารถทำให้อันดับการน่าลงทุนด้านไอซีทีของไทยขยับสูงมาอยู่ที่อันดับ 34 ภายในปี 2558 หลังจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อันดับไอซีทีของไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 37 ตกไป 49 และ 59 เมื่อปีที่ผ่านมา สวนทางกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่อันดับขยับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 37 แทนประเทศไทย
      
       ขณะที่การเปิดตัวโครงการสมาร์ท ซิตี้ที่ จ.นครนายก วันที่ 24 ก.พ. นี้จะเป็นต้นแบบของการให้บริการภาครัฐอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การทำธุรกรรมออนไลน์ บริการอีกอฟเวิร์นเมนท์ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ต่อหัวของประชากรใน จ.นครนายกได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีรายได้คนละ 8 หมื่นบาทต่อปี

ระทึก !เพลิงไหม้รถยนต์กลางคอนโดหรู


  วันนี้ (19 ก.พ.) ร.ต.อ.ธิติ พันธ์สวัสดิ์ รองสว.ป.สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุเพลิงลุกไหม้รถยนต์ บริเวณภายในอาคารจอดรถของที่พักหรู ภายในซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ที่เกิดเหตุ บริเวณลาดจอดรถชั้นที่ 4 ของที่พักหรู แอทธินี เรสซิเด้นซ์ คอดโนมีเนี่ยม ซึ่งมีทั้งหมด 41 ชั้น พบรถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเอสเคป สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน วฮ 8095 กรุงเทพ จอดอยู่บริเวณลาดจอดรถ ด้านหน้าฝากระโปรงมีกลุ่มควันลอยคุ้งตลบอบอวล เจ้าหน้าที่เร่งระดมฉีดน้ำดับเพลิงที่อยู่ภายใต้ฝากระโปรง และนำอุปกรณ์งัดแงะฝากระโปรง เพื่อเปิดออก ให้ง่ายต่อการควบคุมเพลิง
             จากการสอบสวนพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดมีเนี่ยมดังกล่าว ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุมีชายชาวต่างชาติ สัญชาติไต้หวัน ที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดมีเนี่ยม ได้วิ่งลงมาด้านล่างอาคารเพื่อแจ้งกับเจ้าหน้าที่ของอาคารว่า รถยนต์ของตัวเองที่ขับขี่มา มีอาการร้อนจัดและมีควันลอยออกมาจากตัวถังรถยนต์ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางมาตรวจสอบ พบว่ารถยนต์ดังกล่าวมีเพลิงลุกไหม้ ที่บริเวณฝากระโปรงหน้ารถและลุกลามเข้าไปติดบริเวณคอนโซรลด้านหน้าบริเวณที่เสียบกุญแจ จึงได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ซึ่งขณะนั้นอุปกรณ์ดับเพลิงที่ติดอยู่บนเพดานได้ฉีดน้ำลงมาทำให้เพลิงไม่ลุกลามต่อเนื่อง
              เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากความร้อนของเครื่องยนต์ ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวติดตั้งเครื่องยนต์แบบระบบน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะทำการเรียกตัวเจ้าของรถคันดังกล่าวมาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมกันนี้จะขอภาพวงจรปิดซึ่งติดอยู่บริเวณลาดจอดรถมาตรวจสอบโดยละเอียดต่อไป

ตร.เชียงใหม่รวบแก๊ง "โอ๊ดบ้า" ทำแท่นปั๊มยาบ้าขายเอง


 เวลา 19.30 น. วันที่ 19 ก.พ. พ.ต.อ.พิษณุ  อุณหเสรี  ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.ท.ยุทธพงษ์ หอมจรรยา สว.สส.พ.ต.ท.ไกรศรี จุฬพรรค์ สว.สส. พร้อมด้วยชุดสืบสวน แถลงข่าวการจับกุมขบวนการผลิตยาบ้า และกลุ่มผู้เสพพร้อมทั้งยึดอุปกรณ์การเสพ และเครื่องปั๊มยาบ้า ชนิดคิดเองทำเอง แบบภูมิปัญญาไทย  โดยจับกุมผู้ต้องหาที่เสพได้ทั้งสิ้น 7 คน และผู้ทำการผลิตและเป็นเจ้าของเครื่องปั๊มยาบ้าแบบ คิดเองทำเอง จำนวน 1 คน คือ นายยงยุทธ ทาดี  อายุ 30 ปี บ้านเดิมเลขที่ 41  หมู่ 4 ต.นครเจดีย์ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน 

 ของกลางที่ตำรวจยึดได้ประกอบด้วย  ยาบ้า 20 เม็ด มีอักษร WY ประทับอยู่ อีกด้านผิวเรียบ หัวปั๊มยาบ้า ลักษณะเป็นก้านพลาสติกสีขาว ด้ามปลายมีอักษรภาษาอังกฤษ ดับบลิว วาย หุ้มหัวด้วยหลอดพลาสติกสีเขียว จำนวน 2 หัวปั๊ม สีผสมอาหาร สีส้มแดง 2 ซอง หัวเชื้อน้ำหอม กลิ่นวนิลา 1 ขวด น้ำมันมะกอก 1 ขวด ส่วนผสมยาบ้าสีส้ม ที่จะใช้ในการผลิตยาบ้า จำนวน 1 ถุง น้ำหนักประมาณ 30 กรัม อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ ขนาด .22  จำนวน 1 กระบอก 
ตำรวจตั้งข้อกล่าวหานายยงยุทธ ทาดี หรือ โอ๊ดบ้า  ผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า โดยฝ่าฝืนต่อกฏหมาย มมียาเสพติดให้โทษประเภท 1  ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองดดยไม่ได้รับอนุญาติ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา  โดยทางตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ที่ห้องพักในโต๊ะสนุ๊กเกอร์สมาคมบ้านธิ ถ.ส้นป่าฝ้าย หมู่ 4  ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพุน

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ฆาตกรรมเผาอำพรางศพ สาวนครปฐมเคเบิ้ลทีวี





ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าแบบชั้นเดียวเลขที่ 71/169 หมู่ 3 ต.ห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม ขณะไปถึงเพลิงสงบแล้ว เนื่องจากเพื่อนบ้านช่วยกันดับเพลิงไม่ให้ลุกลาม ภายในห้องเช่าพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสาว 1 ศพ สภาพศพสวมกางเกงขายาวสีดำ ซิปกางเกงถูกรูดลงมา มีรอยถูกไฟไหม้บางส่วน ช่วงบนใส่เสื้อยืด อยู่ในห้องบนโซฟาร์ในลักษณะถูกคลุมด้วยผ้าห่มและมีหมอนปิดทับที่ศีรษะ

 ทราบชื่อผู้ตายคือนางสาวณิชมล นิ่มเดช ชื่อเล่น รถตู้  อายุ 23 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 60 ม.10 ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นผู้สื่อข่าวฝึกหัดสังกัด นครปฐมเคเบิ้ลทีวี

 ด้านนายปิยะกานต์ กุญชร อายุ 25 ปี พักอาศัยอยู่ห้องติดกับห้องพักผู้ตายระบุว่า ผู้ตายเป็นหญิงหน้าตาดีมาเช่าห้องพักอาศัยอยู่คนเดียว แต่มักมีเพื่อนชาย 3-4 คน มาหาที่ห้องบ่อยครั้ง ก่อนเกิดเหตุ ช่วงเช้าวันที่ 6 ก.พ.มีผู้ชายมาหาที่ห้องคนหนึ่ง และช่วงเย็นวันเดียวกันมีชายอีกคนหนึ่งมาหาผู้ตาย จนกระทั่งเวลาประมาณตีหนึ่งครึ่ง ได้ยินเสียงของตกแตกภายในห้องของผู้ตาย จึงปลุกแม่ที่พักอยู่ด้วยกันลุกออกมาดู ปรากฏว่า เห็นแสงไฟโหมไหม้อยู่ในห้องจึงได้ตะโกนเรียกให้เพื่อนบ้านที่พักในห้องเช่าใกล้กันช่วยดับไฟโดยตนได้ใช้ฆ้อนมาทุบลูกบิดประตู พร้อมทั้งเพื่อนบ้านที่มาช่วย ทุบกระจกหน้าต่างจนแตกช่วยกันเอาน้ำสาดดดับไฟจนสงบจึงพบว่ามีคนนอนตายอยู่บนโซฟา

 ขณะที่นางทิพวรรณ ฐิตะเมธากุล อายุ 41 ปี เจ้าของห้องเช่า บอกว่าผู้ตายเช่าห้องพักตั้งแต่เดือนก.ย. 2554 โดยเช่าพักเพียงลำพัง ผู้ตายบอกว่าเพิ่งเรียนจบทำงานอยู่ที่นครปฐมเคเบิ้ลทีวี แต่ไม่ทราบรายละเอียดส่วนตัวอย่างอื่นของผู้ตาย

 ด้าน พ.ต.อ.วัฒนา พิมพ์อัฐ ผกก.กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่าผู้ตาย เป็นหญิงสาวหน้าตาดีมีชายหนุ่มมาติดพันหลายคน รวมทั้งสามทอมซึ่งคาดว่า คนร้ายอาจจะเป็นกลุ่มคนที่มาติดพันคนใดคนหนึ่ง แล้วเกิดมีปากเสียงกัน ก่อนคนร้ายใช้กำลังเอาหมอนหรือผ้าปิดปากจนหมดสติหรือขาดใจ แล้วจุดไฟเผาเพื่ออำพรางคดี ก่อนจะหลบหนีไป  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปผ่าพิสูจน์หาหลักฐานที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะทิ้งไว้ในตัวผู้ตาย

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวณิชมลเข้าทำงานที่นครปฐมเคเบิ้ลทีวีได้ประมาณ 1 ปี ช่วงแรกทำหน้าที่โอปอเรเตอร์ของบริษัท เพิ่งจะขอเปลี่ยนสายงานมาเป็นนักข่าวฝึกหัดภาคสนาม ซึ่งจะออกทำงานร่วมกับช่างภาพชายรุ่นพี่สลับกันไปตามแต่หัวหน้าข่าวจะสั่งงาน

 นอกจากนี้ยังพบว่า ประเด็นด้านความขัดแย้งในที่ทำงานก็เป็นเรื่องที่ทางตำรวจต้องสืบสวน ซึ่งขณะนี้นายตำรวจระดับสูงของภาค 7 และ ภ.จว.นครปฐม ได้ส่งทีมงานออกสืบสวนเบื้องหลังเบื้องลึกเพื่อหาประเด็นและสาเหตุการสังหารสาวนครปฐมเคเบิ้ลทีวีรายนี้ต่อไป