วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สุดแค้นฆ่าโหดลากศพประจานอ้างเป็นชู้เมีย


วันนี้ (30 ส.ค.) ร.ต.ท.ศุภศิษฎ์ อึงสุวรรณพานิช พนักงานสอบสวน (สบ1) สภ.บ้านค่าย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันตาย ภายในหมู่บ้านโนนสำราญ หมู่ 2 ต.โนนสำราญ อ.เมือง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สนธยา แต่แดงเพชร ผกก.และกำลังสายสืบสายตรวจจำนวนหนึ่ง เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบนายเดช เพ็งแสวง อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 2 บ้านโนนสำราญ ต.โนนสำราญ ในมือถือปืนกำลังพยายามใช้รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำตาล ทะเบียน บจ 8306 ชัยภูมิ ผูกเชือกด้วยไนล่อนที่บริเวณท้ายรถ ลากศพนายประเสริฐ หล่าอ่อน อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่3 ต.โนนสำราญ ไปรอบ ๆ หมู่บ้านโนนสำราญ พร้อมส่งเสียงตะโกนเรียกชาวบ้าน โดยอ้างว่าให้ออกมาดูหน้าชายชู้ของภรรยา ที่ตัวเองได้ใช้อาวุธปืนออโตเมติก ขนาด 9 ม.ม. กระหน่ำยิงนายประเสริฐ อาชีพเสี่ยรับเหมาก่อสร้างบ้าน จนเสียชีวิต ที่บริเวณกลางหมู่บ้าน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้นายเดช เข้ามอบตัว แต่นายเดช กลับพูดจาขอต่อรองว่า ขอใช้อาวุธปืนยิงศพนายประเสริฐ อีก 5 นัด จึงจะเข้ามอบตัวรับผิดและไม่ทันจะสิ้นเสียงตอบรับ นายเดช ได้ใช้อาวุธปืนยิงศพนายประเสริฐ ตามที่ได้พูดไว้ จากนั้นได้เดินถือปืนเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่ามกลางสายตาชาวบ้านนับร้อยคนที่ลุ้นระทึกอยู่รอบ ๆ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบศพ นายประเสริฐ พบว่าตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 ม.ม. เข้าที่ตามลำตัวเป็นแผลฉกรรจ์หลายแห่ง รวม 15 นัด โดยเฉพาะที่บริเวณกะโหลกศีรษะ มีบาดแผลถูกกระสุนปืนยิงจนทะลุท้ายทอย ทำให้มันสมองและเลือดไหลกระจายหนองพื้น ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง ก่อนจะนำศพส่งตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง
สอบสวนนายเดช ให้การรับสารภาพด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดว่า ก่อนเกิดเหตุช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปรับจ้างในตัวเมืองชัยภูมิ โดยปล่อยให้ภรรยาและลูกสาวอยู่บ้านตามลำพัง ระหว่างนั้นนายประเสริฐ เดินทางเข้ามารับเหมาก่อสร้างบ้านในหมู่บ้าน และเข้าใจว่าแอบมาติดพันภรรยา จนมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจด้วยว่าได้ขนย้ายข้าวของย้ายมาอยู่กินกับภรรยา ทำให้ตนพูดจาต่อว่าภรรยาอย่างแรง แต่กลับเกิดมีปากเสียงกับนายประเสริฐและมีเรื่องชกต่อยกัน แต่ตนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เป็นประจำ เนื่องจากนายประเสริฐตัวใหญ่และร่างกายแข็งแรงกว่า ทำให้นายประเสริฐ ได้ใจพยามหาเรื่องชกต่อยตนอยู่เนืองๆ เพราะเห็นว่าตนสู้ไม่ได้ จนตนทนไม่ไหวต้องเดินทางกลับไปที่ จ.ราชบุรี เพื่อนำปืนที่ฝังดินเก็บไว้มาวางแผนฆ่านายประเสริฐ เพื่อล้างแค้น
นายเดช ให้การรับสารภาพอีกว่า จนกระทั่งช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ จึงสบโอกาสโอกาสเหมาะ ตอนที่นายประเสริฐกำลังขับรถมารับคนงาน เพื่อไปทำงานก่อสร้าง จึงแอบเดินย่องเข้าไปทางด้านหลังแล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงไป 3 นัดซ้อน จนเสียชีวิต จากนั้นใช้เชือกไนล่อนผูกมัดขาผู้ตายทั้งสองข้างผูกติดกับท้ายรถกระบะของผู้ตายลากประจานไปตามถนนในหมู่บ้านพร้อมกับส่งเสียงตะโกนร้องเรียกให้ชาวบ้านออกมาดู พร้อมใช้ปืนกระบอกดังกล่าวกระหน่ำยิงใส่ร่างนายประเสริฐอีกหลายนัด ก่อนจะเข้ามอบตัวในที่สุด จึงควบคุมตัวไปสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.

จเรตำรวจระบุผลสอบบ่อนการพนันเสร็จสิ้นแล้ว



กรณีบ่อนในพื้นที่ สน.สุทธิสาร วันนี้จเรตำรวจแห่งชาติ ระบุผลสอบเสร็จสิ้นแล้ว พบ 5 นายพลนครบาล มีความผิดฐานบกพร่องต่อหน้าที่ เตรียมเสนอ ผบ.ตร.เย็นนี้ พลตำรวจเอกสถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีบ่อนในท้องที่ สน.สุทธิสาร กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ข้อสรุปมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่ระดับ สน.จนถึงกองบัญชาการตำรวจนครบาล กว่า 10 นาย เกี่ยวข้องเรื่องบ่อน โดยเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่ รวมนายตำรวจระดับนายพล 5 นาย ประกอบด้วย พลตำรวจโทจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น , พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น. , พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น และ พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.น. 2
อย่างไรก็ตาม ผลการสอบสวนจะส่งถึงมือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในช่วงบ่ายวันนี้ โดยจะระบุว่า ใครมีความผิดอย่างไร เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง และรู้เห็นเป็นใจอย่างไร พร้อมกับเสนอบทลงโทษทางวินัยไม่ร้ายแรง เช่น กักยาม ภาคทัณฑ์ และโทษวินัยร้ายแรง เช่น ปลดออก ไล่ออก ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าคณะกรรมการทุกคนทำงานอย่างเต็มที่โดยไม่ได้เห็นแก่พวกพ้อง
ด้านกองบัญชาการตำรวจนครบาล ขานรับนโยบาย 8 ข้อ ของร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในการป้องกันและปราบปรามอบายมุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะบ่อนการพนัน ตู้ม้า จับยี่กี ตรวจสอบสถานบริการห้ามเปิดเกินเวลา ห้ามมีการซื้อขายตำแหน่ง ยาเสพติด หัวหน้าสถานีต้องมีความรู้ความเข้าใจในงานป้องปรามอาชญากรรม และให้บริการประชาชน จัดหาเงินกองทุนให้ตำรวจกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ และจัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบกระทู้ในสภาผู้แทนราษฎร

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ชูวิทย์หอบคลิปบ่อนพบตร.แฉอีกบ่อนโชคชัย4


เมื่อเวลา 19.20 น. วันนี้ (25 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ส.ส.ฝ่ายค้าน เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีคลิปบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ในพื้นที่นครบาล โดยนายชูวิทย์ได้เปิดคลิป 2 คลิป อันแรกเป็นการเล่นพนันในบ่อน ซึ่งเป็นฉบับเดียวกับที่เปิดในสภาฯ ส่วนคลิปที่ 2 เป็นคลิปภาพมุมสูงแสดงตำแหน่งบ่อนตามที่อ้าง และโกดังเก็บของที่อยู่ห่างไปเพียง 10 เมตร ซึ่งนายชูวิทย์ อ้างว่าเป็นโกดังที่มีการขนย้ายอุปกรณ์ในบ่อนมาเก็บไว้ เพื่ออำพรางหลักฐาน
นอกจากนี้นายชูวิทย์ยังนำ หนังสือพิมพ์สปอร์ตพูล ฉบับวันเสาร์ที่ 20 ส.ค. 54 ที่ปรากฏในคลิปฉบับแรก เพื่อยืนยันว่าคลิปดังกล่าวถ่ายขึ้นในช่วงดังกล่าวจริง มาให้คณะกรรมการด้วย ด้าน พล.ต.อ.สถาพร กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจ สน.สุทธิสาร เข้าไปรักษาสถานที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียงเพื่อเก็บหลักฐานแล้ว ก่อนที่พรุ่งนี้จะขออนุมัติหมายค้นจากศาล จากนั้นเวลา 09.30 น.ตนและคณะจะเข้าค้น พร้อมทั้งตรวจสอบพื้นที่ด้วยตนเอง โดยคณะกรรมการจะตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีมวยล้มต้มคนดู เพราะตนเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร.ให้ตรวจสอบตามจริง
เมื่อถามว่า กรณีที่ไปตรวจสอบแล้วพบแต่อุปกรณ์การเล่นในโกดัง ไม่มีการเล่นอยู่ในปัจจุบัน จะเอาผิดฐานเปิดบ่อนการพนันได้หรือไม่ พล.ต.อ.สถาพร กล่าวว่า ถ้าพยานหลักฐานไม่พบการเล่นก็เอาผิด ณ ตอนนั้นไม่ได้ แต่จากคลิปหลักฐานที่นายชูวิทย์นำมาให้ ก็ชัดเจนแล้วว่ามีการเล่นการพนัน เป็นหลักฐานที่พอจะเชื่อได้ว่า มีการเปิดบ่อนการพนันจริง พล.ต.อ.สถาพร กล่าวด้วยว่า ต้องตรวจสอบทุกประเด็นตามที่เป็นข่าว รวมถึงกรณีที่กล่าวอ้างว่ามี นายพล 2 คน เกี่ยวข้องกับบ่อนดังกล่าว ขณะที่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ที่ตนมาให้ข้อมูลในวันนี้เพราะมั่นใจในพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. รวมถึงกรรมการว่าจะทำความจริงให้กระจ่าง
นายชูวิทย์ เปิดเผยอีกว่า ยังมีบ่อนอีกแห่ง ในพื้นที่ สน.โชคชัย เป็นอาคาร 6 ชั้น ที่เปิดเป็นคาสิโนโดยเฉพาะ อยู่สุดซอยโชคชัย 4 อยากให้คณะกรรมการชุดนี้ตรวจสอบด้วย และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอื่นเข้าไปดูที่เกิดเหตุเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่จะไปจับไปตรวจค้นเขาก็จะมีความผิดไปด้วย เขาก็คงไม่ดำเนินการจับกุม ที่ออกมาเปิดเผยครั้งนี้ก็ไม่ได้กลัวเป็นการทำตามหน้าที่และตำรวจก็ต้องทำตามหน้าที่ของตำรวจด้วย.

พ่อแม่ชาวกรุงเก่า ร้องลูกสาวถูกหนุ่มช่างไฟ กรุงเทพ เล่น “เฟชบุ๊ค” ลวงหาย


วันนี้ (27 ส.ค.)ที่ห้องสื่อมวลชน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นาย จักรินทร์ อายุ53 ปี นางศรีประไพ บุญเจริญ อายุ48 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.1 ต.พิตเพียน อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน ว่าน.ส.ณีรวัลย์ หรือน้องแพรอายุ 17 ปีลูกสาว นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 โรงเรียนชื่อดัง ใน จ.สระบุรี ได้หายออกไปจากโรงเรียนตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา นายจักรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ตนได้รับแจ้งจากทางโรงเรียนว่าน้องแพรหายไป ไม่เข้าเรียนหลังจากที่ได้ขออนุญาตออกไปพิมพ์รายงานที่หน้าโรงเรียนจากนั้นมีคนเห็นว่าน้องแพรยืนรอรถเมล์ แล้วหายไป จึงพยายามติดตาม แต่ไม่พบตัว จึงได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ธวัช วังพฤกษ์ พนักงานสอบสวน สภ.ดอนพุด จ.สระบุรี
และจากการเข้าตรวจสอบข้อในหน้าเฟซบุ๊คของน้องแพร พบ ว่ามีการติดต่อพุดคุยกับเพื่อนชายทางเฟซบุ๊ค มีการพูดคุยนัดเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ว่าจะนัดพบกันในช่วงสิ้นเดือน จึงออกติดตามจนได้เบอร์ศัพท์ ชายหนุ่มและติดต่อสอบถามไปก็ได้รับคำตอบว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันไม่เจอกัน โดยทราบข้อมูลว่าชายหนุ่ม ทำงานเป็นช่างเดินสายไฟอยู่ย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ จากนั้นได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อกลับไปอีกหลายครั้งพบว่า ปิดเครื่องไปแล้ว จึงตรวจสอบจากข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ไม่พบข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ ทำให้ตนเองและครอบครัวเป็นห่วงน้องแพรเกรงว่าจะถูกล่อลวงไปในทางที่ไม่ดี เพราะชายหนุ่ม มีการปิดบังข้อมูล อยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามตัวน้องแพรกลับมาเร็วที่สุด ได้เข้าขอความช่วยเหลือกับทางมูลนิธิปวีณา ด้วยอีกทางหนึ่ง ตนกับภรรยาเป็นห่วงลูกมากไม่เป็นอันทำงานออกติตดตามทุกวิถีทางแล้วอยากได้ลูกกลับมาจังหวังพึ่งสื่อมวลชนให้ช่วยติดตามด้วย.

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผบช.น.พร้อมแจงเรื่องบ่อนกับผบ.ตร.



วันนี้ (24 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึง กรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย กล่าวในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยมีการอภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับยาเสพติดที่จำหน่าย และแพร่หลายในสถานบันเทิง อีกทั้ง บางแห่งได้เปิดเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่อยู่ใกล้กับสถานีตำรวจ โดยนายชูวิทย์ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนในเวลาต่อมา ว่า มีการเปิดบ่อนการพนัน 2 บ่อน มีโต๊ะพนันกว่า 50 โต๊ะ อีกทั้ง ยังมีการพนันตู้ม้าอีกกว่า 100 ตู้นั้น เบื้องต้น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ลงไปตรวจสอบทันที พร้อมยอมรับว่า ในพื้นที่ดังกล่าวนั้น ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยสืบทราบว่าเคยมีการลักลอบเปิดบ่อนพนันจริง และได้นำกำลังบุกเข้าจับกุมแล้ว แต่เจ้าของบ่อนไหวตัวทัน และไม่ยืนยันว่ายังคงมีการเปิดบ่อนดังกล่าวอยู่หรือไม่ ซึ่งจะมีความชัดเจนในเช้าของวันนี้ โดยตนจะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในเวลา 12.00 น.ตามคำสั่ง
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจ หรือกดดัน หากนายกรัฐมนตรีจะนำประเด็นเรื่องอบายมุขที่มีการอภิปรายในสภามาพิจารณาตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งหากมีการโยกย้าย หรือสั่งการใด ๆ ตนก็พร้อมยอมรับ เพราะไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งอยู่แล้ว.

กฎหมายที่เกื่ยวข้อง
มาตรา 4 ห้ามมิให้อนุญาตจัดให้มี หรือเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการ เล่นอันระบุไว้ในบัญชี ก. ท้ายพระราชบัญญัตินี้ หรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้าย กัน หรือการเล่นอันร้ายแรงอื่นใด ซึ่งรัฐมนตรีเจ้าหน้าที่ได้ออกกฎกระทรวง ระบุเพิ่มเติมห้ามไว้แต่เมื่อรัฐบาลพิจารณาเห็นว่า ณ สถานที่ใดสมควรจะ อนุญาตภายใต้บังคับเงื่อนไขใด ๆ ให้มีการเล่นชนิดใดก็อนุญาตได้โดยออก พระราชกฤษฎีกา
การเล่นอันระบุไว้ในบัญชี ข. ท้ายพระราชบัญญัตินี้ หรือการเล่นซึ่งมี ลักษณะคล้ายกัน หรือการเล่นอื่นใดซึ่งรัฐมนตรีเจ้าหน้าที่ได้ออกกฎกระทรวง ระบุเพิ่มเติมไว้จะจัดให้มีขึ้นเพื่อเป็นทางนำมาซึ่งผลประโยชน์แก่ผู้จัดโดยทาง ตรงหรือทางอ้อมได้ต่อเมื่อรัฐมนตรีเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต เห็นสมควรและออกใบอนุญาตให้หรือมีกฎกระทรวงอนุญาตให้จัดขึ้นโดยไม่ต้อง มีใบอนุญาต
ในการเล่นอันระบุไว้ในวรรค 2 ข้างต้นนั้นจะพนันกันได้เฉพาะเมื่อได้มี ใบอนุญาตให้จัดมีขึ้น หรือมีกฎกระทรวงอนุญาตให้จัดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีใบ อนุญาต
การเล่นหมายเลข 5 ถึง 15 ในบัญชี ข.หรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้าย กันหรือการเล่นอื่นใดซึ่งรัฐมนตรีเจ้าหน้าที่ได้ออกกฎกระทรวงระบุเพิ่มเติมไว้ นั้นจะให้รางวัลตีราคาเป็นเงินไม่ได้ และห้ามมิให้ผู้ใดรับรางวัลที่ให้ไปแล้ว กลับคืน หรือรับซื้อหรือแลกเปลี่ยนรางวัลนั้นในสถานงานหรือการเล่นหรือ บริเวณต่อเนื่องในระหว่างมีงานหรือการเล่น

มาตรา 4ทวิ ในการเล่นอื่นใดนอกจากที่กล่าวใน มาตรา 4 จะพนัน กันหรือจะจัดให้มีเพื่อให้พนันกันโดยเฉพาะการเล่นที่ระบุชื่อและเงื่อนไปไว้ใน กฎกระทรวง
คำว่า "การเล่น" ในวรรคก่อนให้หมายความรวมตลอดถึงการทายและ การทำนายด้วย
มาตรา 5 ผู้ใดจัดให้มีการเล่นซึ่งตามปกติย่อมพนันเอาเงินหรือ ทรัพย์สินอย่างอื่นแก่กันให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นจัดให้มีขึ้นเพื่อ นำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน และผู้ใดเข้าเล่นอยู่ด้วยก็ให้สันนิษฐาน ไว้ก่อนว่าผู้นั้นพนันเอาเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่น
มาตรา 6 ผู้ใดอยู่ในวงการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือขัด ต่อข้อความในกฎกระทรวง หรือใบอนุญาตซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเล่นด้วย เว้นแต่ผู้ซึ่งเพียงแต่ดูการเล่นในงานรื่น เริงสาธารณะหรือในงานนักขัตฤกษ์ หรือในที่สาธารณสถาน
มาตรา 7 ใบอนุญาตทุกฉบับต้องกำหนด
(1) ลักษณะข้อจำกัดและเงื่อนไขของการเล่นการพนันโดยชัดแจ้ง
(2) สถานที่ วัน เดือน ปี และกำหนดเวลาที่อนุญาตให้เล่น ถ้าเป็น ใบอนุญาตสลากกินแบ่ง สลากกินรวบ และสวีป ให้ระบุจำนวนสลากที่จะขาย กับสถานที่วันและเวลาที่จะออกด้วย
(3) จำนวนบุคคลผู้จะเข้าเล่นมีกำหนดหรือไม่ และไม่ให้บุคคลอายุ ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ หรือไม่บรรลุนิติภาวะเข้าเล่นด้วยเว้นแต่การเล่นตาม บัญชี ข. หมายเลข 16
มาตรา 8 การจัดให้มีการแถมพกหรือรางวัลด้วยการเสี่ยงโชคโดยวิธี ใด ๆ ในการประกอบกิจการค้าหรืออาชีพ จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้า พนักงานผู้ออกใบอนุญาตก่อนจึงจะทำได้
มาตรา 9 สลากกินแบ่ง สลากกินรวบ และสวีป หรือการเล่นอย่างใดที่ เสี่ยงโชคให้เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้เล่นคนหนึ่งคนใดนั้น ต้องส่งสลาก ให้เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตประทับตราเสียก่อน จึงนำออกจำหน่ายได้
ถ้ายังมิได้รับอนุญาตให้มีการเล่นที่กล่าวไว้ในวรรคก่อนห้ามมิให้ประกาศ โฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้บุคคลใดๆ เข้าร่วมในการเล่น นั้น
มาตรา 9ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งที่ออกจำหน่าย ตาม มาตรา 9 และที่ยังมิได้ออกรางวัลเกินกว่าราคาที่กำหนดในสลาก"
มาตรา 9ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนตาม มาตรา 9ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่ เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
มาตรา 10 ทรัพย์สินพนันกันซึ่งจับได้ในวงการเล่นอันขัดต่อบทแห่ง พระราชบัญญัตินี้หรือขัดต่อข้อความในกฎกระทรวงหรือใบอนุญาต ซึ่งออกตาม พระราชบัญญัตินี้ ให้ริบเสียทั้งสิ้น เว้นแต่ทรัพย์สินซึ่งมิได้เอาออกพนัน *เครื่องมือที่ใช้ในการเล่นนั้น ให้ศาลมีอำนาจริบได้ตามกฎหมายลักษณะ อาญา
ประกาศหรือเอกสารอย่างใด ๆ อันมุ่งหมายให้เป็นการชักชวนผู้อื่นให้ เข้าเล่นดังกล่าวไว้ใน มาตรา 9 วรรคสองนั้น ตำรวจหรือกรมการอำเภอจะ ยึดและทำลายเสียก็ได้ ถ้าประกาศหรือเอกสารนั้นส่งไปทางไปรษณีย์ถึงผู้รับ ที่อยู่ในราชอาณาจักร เจ้าพนักงานไปรษณีย์จะยึดประกาศหรือเอกสารนั้นไว้ก็ ได้แต่เจ้าพนักงานไปรษณีย์ต้องแจ้งให้ผู้รับทราบถ้าผู้รับมีข้อโต้แย้งว่าประกาศ หรือเอกสารนั้นมิได้เกี่ยวแก่การพนันผู้รับจะนำคดีไปฟ้องศาล ภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งความจากเจ้าพนักงานไปรษณีย์ก็ได้ ถ้าผู้รับ มิได้นำคดีไปฟ้องศาลก็ดีหรือเมื่อศาลสั่งยืนการยึดนั้นก็ดี เจ้าพนักงานไปรษณีย์ มีอำนาจทำลายประกาศหรือเอกสารที่ยึดไว้นั้นได้
แต่เจ้าพนักงานไปรษณีย์จะเปิดซองหรือห่อออกดู โดยอาศัยอำนาจตาม ความในมาตรานี้ไม่ได้ เว้นแต่จะมีเครื่องหมายภายนอกแสดงว่า ในซองหรือ ในห่อนั้นมีสิ่งที่จะต้องริบและทำลายตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 11 เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตมีสิทธิจะเรียกใบอนุญาต คืนเมื่อมีเหตุสมควรเชื่อว่าผู้รับใบอนุญาตกระทำการละเมิดพระราช บัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวงหรือใบอนุญาตซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 12 ผู้ใดจัดให้มีการเล่นหรือการทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน หรือรับอนุญาตแล้ว แต่เล่นพลิกแพลง หรือ ผู้ใดเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎ กระทรวงหรือข้อความในใบอนุญาต ผู้นั้นมีความผิดดังต่อไปนี้
(1) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นตามบัญชี ก.หมายเลข 1 ถึงหมายเลข 16 หรือการเล่นตามบัญชี ข. หมายเลข 16 เฉพาะสลากกินรวบ หรือการ เล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกันนี้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท ด้วยอีกโสดหนึ่งเว้น แต่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่าลูกค้า ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่ เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(2) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้น แต่ความผิดตาม มาตรา 4ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่ เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
มาตรา 13 ผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 3 อันว่าด้วยการรับกลับคืนหรือ รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนรางวัลนั้น มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 500 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 14 ผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 8 มีความผิดต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไปจนถึง 2,000 บาท หรือทั้ง จำทั้งปรับ
มาตรา 14ทวิ ผู้ใดกระทำความผิดต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติ นี้เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกำหนดสามปี กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัตินี้อีก
(1) ถ้าโทษซึ่งกำหนดไว้สำหรับความผิดที่กระทำครั้งหลังเป็นโทษจำคุก และปรับ ให้วางโทษทวีคูณ
(2) ถ้าโทษซึ่งกำหนดไว้สำหรับความผิดที่กระทำครั้งหลังเป็นโทษจำคุก หรือปรับ ให้วางโทษทั้งจำทั้งปรับ"
มาตรา 15 นอกจากโทษที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ถ้าเป็นกรณี ที่มีผู้นำจับผู้กระทำผิด ให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาลให้จ่ายสินบนแก่ผู้นำ จับด้วย และให้ศาลสั่งไว้ในคำพิพากษาให้ผู้กระทำผิด ใช้เงินสินบนแก่ผู้นำ จับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับด้วยอีกโสดหนึ่ง ถ้าผู้กระทำผิดไม่ชำระสินบน ดังกล่าวให้จ่ายจากเงินที่ได้จากของกลางซึ่งศาลสั่งริบเมื่อคดีถึงที่สุดแล้วหรือ จ่ายจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระต่อศาล
มาตรา 16 รัฐมนตรีเจ้าหน้าที่รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ มีอำนาจ กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตการเล่นหมายเลข 17 ในบัญชี ข. เสียภาษีไม่เกิน กว่าร้อยละสิบแห่งยอดรายรับก่อนหักรายจ่าย การเล่นหมายเลข 19 ในบัญชี ข. ไม่เกินร้อยละสิบแห่งยอดรายรับซึ่งหักรายจ่ายแล้ว และการเล่นหมาย เลข 16 หมายเลข 18 และหมายเลข 20 ในบัญชี ข. ไม่เกินร้อยละสิบ แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่าย
รัฐมนตรีเจ้าหน้าที่รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ จะกำหนดให้ผู้รับใบ อนุญาตการเล่นหมายเลข 17 หมายเลข 18 และหมายเลข 19 ในบัญชี ข. เสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกไม่เกินร้อยละสองครึ่ง เพื่อให้เป็นรายได้ของเทศบาลแห่ง ท้องที่ที่เล่นการพนันตามใบอนุญาตโดยกำหนดในกฎกระทรวงก็ได้
มาตรา 16ทวิ ภาษีที่จะต้องเสียตามความใน มาตรา 16 และเงินค่า ธรรมเนียมตามความใน มาตรา 17 นั้น ให้รัฐมนตรีเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้กำหนดตามสภาพแห่งท้องถิ่นได้"

แท็กซี่หื่น!มอมยาสาวข่มขืนคาม่านรูด



24 ส.ค.54 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีสาวใหญ่ถูกแท็กซี่มอมยาพาเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรังสิต และได้รับการช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ ขอให้ไปตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งจึงได้ประสานงานไปยัง พ.ต.อ.วัฒนา วงศ์จันทร์ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ รุดไปตรวจสอบยังโรงพยาบาลประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ เมื่อไปถึงพบว่าผู้เสียหายทราบชื่อต่อมาคือ นางน้อย (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่งย่านสมุทรปราการ กำลังนอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน ยังมีอาการสะลึมสะลือ แต่อาการทั่วไปปลอดภัย
จากการสอบสวนนางประนอม อุ่นเพชร อายุ 46 ปี พนักงานทำความสะอาดโรงแรมบี๊กอินน์ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนรังสิต-ปทุมธานี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เวลาประมาณ 08.00 น. ตนเองได้มาทำงานที่โรงแรมบิ๊กอินน์ตามปกติ และได้พบว่านางน้อย ได้เดินออกมาจากห้องพักเลขที่ 101 ของโรงแรม และมีสภาพสะลืมสะลือ ตัวแข็งๆ พูดจาไม่รู้เรื่อง ตนเองจึงได้พยายามสอบถามก็จับใจความได้ว่า นั่งรถแท็กซี่มาและแท็กซี่ให้กินยา 1 เม็ด จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีก ตนเองจึงมั่นใจว่าสาวคนนี้คงถูกล่อลวงและมอมยาจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์และช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลดังกล่าว
นางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า ในเบื้องต้นนั้นทราบจากพยาบาลว่า ตรวจสอบแล้วพบว่าคนไข้ ซึ่งเป็นผู้เสียหายนั้นทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งย่านจังหวัดสมุทรปราการ และในเบื้องต้นนั้นพบว่ามีของเหลวขุ่น อยู่ในช่องคลอด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นน้ำอสุจิของคนร้าย ซึ่งได้ประสานงานกับทาง พ.ต.อ.วัฒนา วงศ์จันทร์ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เจ้าของพื้นที่เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดและตรวจสอบแท็กซี่คันก่อเหตุ ซึ่งตอนนี้พอที่จะทราบร่องรอยของคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว
พ.ต.อ.วัฒนา วงศ์จันทร์ กล่าวว่า ตรวจสอบแล้วพบว่ารถแท็กซี่คันก่อเหตุนั้นเป็นรถแท็กซี่สีเหลือง หมายเลขทะเบียน ทม 3418 กทม. เข้ามาในโรงแรมเมื่อเวลา 03.04 น. และออกไปเมื่อเวลา 05.47 นาที ซึ่งตอนนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนออกติดตามตัวผู้ขับขี่รถคันนี้อย่างเร่งด่วน เพื่อสอบสวนและดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง...
วันนี้กฎหมายอาญา ความผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเรา ที่ได้แก้ไขใหม่ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๐ เป็นต้นไป

โดยกฎหมายใหม่นี้

มุ่งให้ความคุ้มครองบุคคลทุกเพศ

+ ชาย ข่มขืน หญิง ก็ผิด

+ หญิง ข่มขืน ชาย ก็ผิด

+ พวกชอบไม้ป่าเดียวกัน เขาก็คุ้มครองนะ

+ ชาย ข่มขืน ชาย ก็ผิด

+ หญิง ข่มขืน หญิง ก็ผิด

คุ้มครอง สามี หรือ ภริยา ไม่ให้ถูกล่วงละเมิดทางเพศจากคู่สมรส

+ สามี ข่มขืน ภริยา ก็ผิด

+ ภริยา ข่มขืน สามี ก็ผิด

การกระทำชำเราไม่จำต้องทำต่อ อวัยวะเพศ อย่างเดียวแม้จะทำกับ
+ ทวารหนัก หรือ

+ ช่องปาก ก็ผิด

+ ที่สำคัญ ใช้ สิ่งอื่นใด กระทำกับ อวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก ก็โดนด้วย คำว่าสิ่งอื่นใดนี่ก็กว้างมากเลย

+ ใช้ปากก็ผิดข่มขืนนะ (ออรัลเซ็กซ์)

+ สิ่งเทียมอวัยวะเพศ (เซ็กซ์ทอยส์) ทั้งหลาย

+ นิ้วมือ นิ้วเท้า (ระวังนะใช้นิ้วจิ้มตูดใครเข้า ติดคุกตายเลย ฮ่าฮ่า)

+ เครื่องเขียนต่างๆ ดอกไม้ ธูป เทียน ขวดยาดม ยาหอม ยาหม่อง ฯลฯ

ความผิดฐานโทรมหญิง และโทรมเด็กหญิง ยังอยู่

ความกังวล และกังขาของนักกฎหมายอาญาหลายท่านต่อความผิดฐานโทรมหญิง และโทรมเด็กหญิง ว่าจะไม่มีที่บังคับใช้นั้น ความกังวลและกังขาตรงนี้ก็หมดไป เพราะได้แก้ไขมาตรา ๒๗๗ ทวิ และมาตรา ๒๗๗ ตรีตามไปด้วยแล้ว (พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ.๒๕๕๐)

รวบ 9 สาวโพสต์ข้อความค้ากามผ่านเว็บไซต์


เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 24 ส.ค. พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รองผกก.ดส. พ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ สว.กก.ดส.บช.น. พ.ต.ท.ปิยวุฒิ แก้วมณี สว.กก.ดส.บช.น. พ.ต.ต.มานะ จันทร์ลาด สว.กก.ดส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.ดส.บชน. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาโพสต์ข้อความค้าประเวณีผ่านเว็บไซต์เป็นหญิงจำนวน 9 ราย และผู้ต้องหาเตร็ดเตร่ เพื่อการค้าประเวณีเป็นหญิง อีก 6 ราย
พ.ต.ท.สำเริง กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ กก.ดส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองจำนวนมาก ว่า มีการประกาศค้าประเวณีผ่านทางเว็บไซด์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวกระทั่งทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการโพสต์ข้อความเชิญชวนให้มาร่วมประเวณีโดยมีการจ่ายค่าบริการจริง จึงติดต่อล่อซื้อและนัดพบตามโรงแรมต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล กระทั่งจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 9 คน ส่วนใหญ่จะอายุ 20 ปีขึ้นไป และมีงานประจำทำทุกคน
ส่วนที่มาขายบริการเป็นการหารายได้พิเศษ โดยจะเรียกค่าตัวตั้งแต่ 2,000-5,000 บาท ทำมาแล้วคนละประมาณ 1-2 ปี เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา โฆษณาชักชวนหรือแนะนำด้วยเอกสาร สิ่งพิมพ์ หรือกระทำให้แพร่หลายด้วยวิธีใดไปยังสาธารณะ ในลักษณะที่เห็นได้ว่าเป็นการเรียกร้องหรือติดต่อเพื่อการค้าประเวณีของตนเอง และติดต่อชักชวนแนะนำตัวหรือรบเร้าบุคคลตามถนนสาธารณสถานหรือที่อื่นใด เพื่อการค้าประเวณีอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอาย
พ.ต.ท.สำเริง กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 6 คน เป็นผู้ที่ออกมายืนตามถนนเพื่อค้าประเวณีตามย่านคลองหลอด พวกนี้จะถูกนำส่ง สน.ท้องที่ ดำเนินคดีในข้อหา เตร็ดเตร่เพื่อการค้าประเวณี สำหรับเจ้าของเว็บไซด์ที่มีการโพสต์ข้อความจะประสานกับไอซีทีเพื่อตรวจสอบว่าเจ้าของเว็บมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ต่อไปนอกจากนี้อยากฝากไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองให้ช่วยกันสอดส่องดูแลบุตรหลานที่มีพฤติกรรมใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และมีของมีค่าราคาแพงด้วย เพราะอาจเข้าข่ายกรณีดังกล่าวก็เป็นได้ และพวกที่คิดจะใช้บริการหญิงขายบริการเหล่านี้ด้วยว่า อาจติดเชื้อโรคจากผู้หญิงเหล่านี้ก็เป็นได้

กฎหมายที่ควรรู้ที่เกี่ยวข้องและใช้ฟ้องผู้ต้องหา...

มาตรา 5 ผู้ใดเข้าติดต่อ ชักชวน แนะนำตัว ติดตาม หรือรบเร้า บุคคลตามถนนหรือสาธารณสถาน หรือกระทำการดังกล่าวในที่อื่นใด เพื่อการ ค้าประเวณีอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายหรือเป็นที่เดือนร้อนรำคาญแก่ สาธารณชน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
มาตรา 6 ผู้ใดเข้าไปมั่วสุมในสถานการค้าประเวณีเพื่อประโยชน์ ในการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งได้กระทำเพราะถูกบังคับ หรือ ตกอยู่ภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ ผู้กระทำไม่มี ความผิด
มาตรา 7 ผู้ใดโฆษณาหรือรับโฆษณา ชักชวน หรือแนะนำด้วยเอกสาร สิ่งพิมพ์ หรือกระทำให้แพร่หลายด้วยวิธีใดไปยังสาธารณะ ในลักษณะที่เห็นได้ว่า เป็นการเรียกร้องหรือการติดต่อเพื่อการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น ต้อง ระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 8 ผู้ใดกระทำชำเราหรือกระทำอื่นใดเพื่อสำเร็จความใคร่ ของตนเองหรือผู้อื่นแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีในสถานการค้า ประเวณี โดยบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสามปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหกหมื่นบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกิน สิบห้าปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงหกปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึง หนึ่งแสนสองหมื่นบาท
ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำต่อคู่สมรสของตน โดย
มิใช่เพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ผู้กระทำไม่มีความผิด
มาตรา 9 ผู้ใดเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่า การกระทำต่าง ๆ อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอก ราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำแก่บุคคลอายุ กว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำแก่เด็กอายุ ยังไม่เกินสิบห้าปี ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับ ตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง หรือวรรคสาม เป็นการกระทำโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจ ครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ ผู้กระทำต้อง ระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง วรรคสอง หรือวรรคสาม หนึ่งในสาม แล้วแต่กรณี
ผู้ใดเพื่อให้มีการกระทำการค้าประเวณี รับตัวบุคคลซึ่งตนรู้อยู่ว่ามี ผู้จัดหา ล่อไป หรือชักพาไปตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม หรือวรรคสี่ หรือสนับสนุนในการกระทำความผิดดังกล่าว ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ ในวรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสาม หรือวรรคสี่ แล้วแต่กรณี

มาตรา 10 ผู้ใดเป็นบิดา มารดา หรือผู้ปกครองของบุคคลซึ่งมี อายุยังไม่เกินสิบแปดปีรู้ว่ามีการกระทำความผิดตาม มาตรา 9 วรรคสอง วรรคสาม หรือวรรคสี่ ต่อผู้อยู่ในความปกครองของตน และมีส่วนร่วมรู้เห็น เป็นใจให้มีการกระทำความผิดนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 11 ผู้ใดเป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแล หรือ ผู้จัดการกิจการการค้าประเวณีหรือสถานการค้าประเวณี หรือเป็นผู้ควบคุม ผู้กระทำการค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้ากิจการหรือสถานการค้าประเวณีตามวรรคหนึ่งมีบุคคลซึ่งมีอายุกว่า สิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีทำการค้าประเวณีอยู่ด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสามแสนบาท ถ้ากิจการหรือสถานการค้าประเวณีตามวรรคหนึ่งมีเด็กอายุยังไม่เกิน สิบห้าปีทำการค้าประเวณีอยู่ด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึง ยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รัฐบาลจ่อฟื้นชีพบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค


ความไม่ชัดเจนของนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค ถูกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามถึงความไม่เหมาะสม หากจะฟื้นการเรียกเก็บเงินค่าบริการ 30 บาทขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเป็นการถอยหลังเข้าคลอง เนื่องจากปัจจุบันได้ยกเลิกการเก็บเงินไปแล้ว หากกลับมาเก็บเงินใหม่ จะสร้างความสับสนให้ประชาชน ทั้งเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย เพราะนอกจากจะมีค่าเดินทางแล้ว ยังต้องมาเสียค่าบริการอีก 30 บาท จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะยืนยันถึงความเหมาะสมในการเก็บเงิน 30 บาท ซึ่งไม่ได้ช่วยเรื่องภาระงบประมาณ และทำให้จำนวนผู้มาใช้บริการด้านสุขภาพลดลง แค่หวังตอกย้ำว่าเป็นนโยบายของพรรคไทยรักไทยเดิม
ขณะที่นายเสถียร ทันพรม รองผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ เห็นว่า รัฐบาลควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ทางการเมือง และควรเร่งพัฒนาระบบสุขภาพให้ประชาชนเข้าถึงอย่างมีประสิทธิภาพ
นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเกิดขึ้นสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปี 2545 ต่อมารัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ยกเลิกการเก็บเงินค่าบริการ 30 บาท โดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชีชีวะ ได้สานต่อนโยบายดังกล่าว และเปลี่ยนชื่อเป็นโยบายรักษาฟรี 48 ล้านคน และใช้บัตรประชาชนใบเดียวแทนบัตรทอง

"ชูวิทย์" เปิดคลิปบ่อน-ขายยา กลางสภาฯ



นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อภิปรายในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันนี้ มีอุปกรณ์ประกอบการอภิปราย ทั้งแผ่นภาพ และคลิปวิดีโอ ที่อ้างว่าถ่ายมาจากบ่อนการพนันใจกลางกรุงเทพฯ ใกล้สถานีตำรวจ ส. แต่ไม่ใช่ สน.สำเหร่ หรือสำราญราษฎร์ ถ่ายเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม เวลาประมาณ 21.00 น. เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหายาเสพติดมีความเชื่อมโยงกับปัญหาเรื่องการพนัน และคลิปวิดีโอ การซื้อขายยาเสพติดภายในสถานบันเทิง ที่ถ่ายเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03.50 น. มาเปิดในที่ประชุม
นายชูวิทย์ อ้างว่าคลิปที่นำมาเปิดนี้ เพื่อต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเรื่องอบายมุขควบคู่กับปัญหายาเสพติด และต้องการให้รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการควบคุมและจัดระเบียบสถานบันเทิง
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังขอให้รัฐบาลดูแลปัญหาราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่รัฐบาลประกาศนโยบายขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทต่อวัน ขณะที่เดียวกัน ต้องการให้รัฐบาลไปดูแลเรื่องการกำหนดราคาสินค้า ที่มีการผูกขาดจากบริษัท ที่มีอักษรย่อ ว่า "ซี" ที่ควบคุมวงจรการผลิต การค้าปลีก เพราะหากสามารถทำได้ จะทำให้ราคาสินค้าถูกลง
ด้าน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี คลิปของนายชูวิทย์ ซึ่งแสดงให้เห็นภาพบ่อนการพนันออนไลน์ใกล้สถานศึกษาและสถานีตำรวจในพื้นที่ กทม. เบื้องต้นสั่งการให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ตรวจสอบและรายงานผลมาก่อนเวลา 12.00 น. พรุ่งนี้ (24 ส.ค.) ซึ่งได้ทำหนังสือสั่งการด่วนที่สุดให้ดำเนินการเรื่องนี้ออกไปแล้ว

เดินเครื่องเอาจริง หลังนักวิชาการระบุลักลอบขายตามตลาดมืดโจ่งครึ่ม เปิดรับข้อมูลจากพลเมืองดี-สื่อ


จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ในที่ประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 19 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ภญ.ปิยมาศ สุริยา เภสัชกรปฏิบัติการ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 (เชียงใหม่) และนายกิตติ จันทร์ทักษิโณภาส เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธาณสุข จ.เชียงราย ได้นำเสนอผลการตรวจวิเคราะห์สาร “จีเอชบี” (Gamma Hydroxy Butyric acid) ที่ผสมอยู่ในยากระตุ้นทางเพศสตรี หรือ “ยาเสียสาว” ซึ่งสารดังกล่าวจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 1 ตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 โดยพบว่ามีการลักลอบจำหน่ายยาชนิดนี้ในบริเวณชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย นั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (22 ส.ค.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการลักลอบจำหน่ายยาเสียสาวดังกล่าว พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบก.ปคบ.ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผกก.4 บก.ปคบ.ซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงเร่งนำชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ดี จากข้อมูลการตรวจสอบในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการลักลอบจำหน่ายตามตลาดมืด เช่น ตลาดคลองถม ซอยนานา สีลม ฯลฯ แต่อย่างใด มีเพียงการโฆษณาชวนเชื่อประกาศขายผ่านเว็บไซต์บางแห่งซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนจะพิจารณาดำเนินคดี

ฉาวผ้าเหลือง ตำรวจระยอง รวบรักษาการเจ้าอาวาส และพระลูกวัดดังระยอง ลอบขายยาให้วัยรุ่น

class="separator" style="clear: both; text-align: center;">

เมื่อวันนี้ (23 ส.ค.) เวลา 03.00 น. พ.ต.ท.พชต วงศ์ประฑุต สว.สภ.น้ำเป็น อ.เขาชะเมา จ.ระยอง นำกำลังเข้าจับกุมพระ ที่วัดสามแยกน้ำเป็น หมู่ 1 ต.น้ำเป็น หลังสืบทราบว่ามีพระมั่วสุมเสพยาบ้าที่วัดดังกล่าว จากการตรวจสอบที่กุฏิพระกมล จามจุรี อายุ 27 ปี รักษาการเจ้าอาวาส พบยาบ้า 60 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระบอกไฟฉายใต้ที่นอน และอาวุธปืน 2 กระบอก เงินสด 4 พันบาท เบื้องต้นพระกมล อ้างว่านายนา อายุ 30 ปี นำยาบ้าและอาวุธปืนมาฝากไว้ นอกจากนี้พบพระอภินันท์ ใจรักษ์ อายุ 25 ปี พระลูกวัดมียาบ้าซ่อนอยู่ในตัว 10 เม็ด สอบสวนรับสารภาพว่า ซื้อยาบ้ามาจากพระกมลมาเสพ และนำยาบ้าไปขายให้วัยรุ่นในพื้นที่ จึงนิมนต์พระครูธรรมานุวัตร เจ้าคณะอำเภอเขาชะเมามาสึกพระทั้งคู่ ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กฎหมายใกล้ตัว...พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย


พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
พรากผู้เยาว์อายุมากกว่า 15 ปีแล้วแต่ยังไม่เกิน 18 ปี โดยที่หญิงผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย ชายมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์มีโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี ปรับสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาท แต่กรณีที่พาบุตรสาวผู้เยาว์ของเขาไปโดยที่หญิงสาวนั้นไม่เต็มใจไปด้วยแม้ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันก็ตามก็มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์มีโทษจำคุกสองปีถึงสิบปีเช่นกัน แต่ถ้าไปมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวโดยที่เขาไม่ยินยอมด้วยโดยข้อหาหนักฐานข่มขืนกระทำชำเราด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7820/2549

ผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปและกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยินยอมนั้น จำเลยมิได้รับอนุญาตจากบิดามารดาและผู้ปกครองดูแลผู้เสียหาย จึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 319 วรรคหนึ่ง

การพรากผู้เยาว์กฎหมายบัญญัติเป็นความผิดไม่ว่าผู้เยาว์จะเต็มใจไปด้วยหรือไม่ แม้ฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 318 ก็ตาม แต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 319 วรรคหนึ่ง ที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 276, 278, 284, 318

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคหนึ่ง, 278, 284 วรรคหนึ่ง, 318 วรรคสาม เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานข่มขืนกระทำชำเรา (ที่ถูกต้องระบุว่า "และฐานกระทำอนาจารเป็นการกระทำกรรมเดียวกัน ให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 รวม" ด้วย) สองกระทง จำคุกกระทงละ 4 ปี ฐานพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร จำคุก 3 ปี ฐานพรากผู้เยาว์ จำคุก 2 ปี รวมจำคุก 13 ปี
จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรากระทงหลังกับความผิดฐานพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทหนักแต่เพียงกระทงเดียว รวมจำคุก 10 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำชำเรา จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราทั้ง 2 ครั้ง และเมื่อฟังว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำชำเราแล้ว การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ด้วย อย่างไรก็ตามการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปและกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำชำเรานั้น จำเลยก็มิได้รับอนุญาตจากบิดาและนายทองศูนย์พี่ชายผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ปกครองดูแลผู้เสียหายให้พาผู้เสียหายไป จึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคหนึ่ง ซึ่งแม้โจทก์จะมิได้ระบุอ้างบทมาตราดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้องก็ตาม แต่ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายดังกล่าวที่พิจารณาได้ความนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์บางส่วน ส่วนที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ความผิดฐานพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 กับความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามมาตรา 318 วรรคสาม เป็นความผิด 2 กรรมต่างกันนั้น เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่าการกระทำของจำเลยเป็นเพียงความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา 319 วรรคหนึ่ง เท่านั้น ปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะต้องวินิจฉัยต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 วรรคหนึ่ง จำคุก 2 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก.

ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 318 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไป ด้วยต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาท ถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น
ถ้าความผิดตาม มาตรานี้ ได้กระทำเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปีและปรับตั้งแต่หกพัน บาท ถึงสามหมื่นบาท
มาตรา 319 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไป เสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และ ปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
ผู้ใดโดยทุจริต ซื้อ จำหน่าย หรือรับตัวผู้เยาว์ซึ่งถูกพรากตามวรรคแรก ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้พรากนั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 192 ห้ามมิให้พิพากษา หรือสั่ง เกินคำขอหรือที่มิได้กล่าว ในฟ้อง
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่าง กับข้อเท็จจริงดั่งที่กล่าวในฟ้อง ให้ศาลยกฟ้องคดีนั้น เว้นแต่ข้อ แตกต่างนั้นมิใช่ในข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลจะ ลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นก็ได้
ในกรณีที่ข้อแตกต่างนั้นเป็นเพียงรายละเอียด เช่น เกี่ยวกับ เวลาหรือสถานที่กระทำความผิดหรือต่างกันระหว่างการกระทำผิด ฐานลักทรัพย์ กรรโชกรีดเอาทรัพย์ ฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้ ยักยอก รับ ของโจร และทำให้เสียทรัพย์หรือต่างกันระหว่างการกระทำผิด โดยเจตนากับประมาท มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ ทั้งมิให้ ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคำขอหรือเป็นเรื่องที่ โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ เว้นแต่จะปรากฏแก่ศาลว่าการที่ ฟ้องผิดไปเป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ แต่ทั้งนี้ศาลจะลงโทษจำเลย เกินอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดที่โจทก์ฟ้องไม่ได้
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงบางข้อดั่งกล่าวในฟ้อง และตามที่ปรากฏ ในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ห้ามมิให้ ศาลลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงนั้น ๆ
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้นโจทก์สืบสม แต่โจทก์อ้างฐาน ความผิดหรือบท มาตรา ผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐาน ความผิดที่ถูกต้องได้
ถ้าความผิดตามที่ฟ้องนั้นรวมการกระทำหลายอย่าง แต่ละอย่าง อาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำผิด อย่างหนึ่งอย่างใดตามที่พิจารณาได้ความก็ได้
________________________________

หนุ่มตรังแสดงพลังกลางวงเหล้า ยิงปืนโดนพ่อตัวเองดับ


เมื่อเวลา 00.15 น.วันนี้ (21 ส.ค.) ร.ต.อ.ปัณฑิวัฒน์ เพชรหล่อ ร้อยเวร สภ.ปะเหลียน จ. ตรัง ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลศูนย์ตรัง ให้ไปสอบสวนเหตุ มีคนจาก ม.10 ต.สุโสะ อ.ปะเหลียน ถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ไปทำการรักษาที่โรงพยาบาล แล้วเสียชีวิต เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวในเวลาต่อมา โดยผู้ตาย คือ นายปิรศักดิ์ ควนวิไล อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/1 ม.10 ต.สุโสะ มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน ขนาด .38 เข้าที่หน้าท้องระดับเอวซ้าย หัวกระสุนพุ่งเจาะทะลุถุงน้ำดี เข้าฝังในร่างกาย จำนวน 1 นัด

ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายที่เป็นมือปืนที่ยิงผู้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นลูกผู้ตายเอง ชื่อ นายจักรกฤษณ์ ควนวิไล อายุ 21 ปี ซึ่งอยู่บ้านเดียวกันกับผู้ตาย
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ลูกยิงพ่อ ทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายจักรกฤษณ์ ได้ชวนเพื่อนรัก คือ นายประสิทธิ์ แก้วเพ็ง อายุ 22 ปี พลทหารเกณฑ์ ประจำค่าย ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไปดื่มเลี้ยงฉลองต้อนรับเพื่อนรัก ที่ลาพักไปเยี่ยมถึงบ้าน แสดงถึงความใจกว้าง และความกว้างขวางให้เพื่อนเห็น โดยนัดพรรคพวกไปประมาณ 7-8 คน พร้อมทั้งพ่อตัวเองด้วย แล้วก็ตั้งวงดื่มกันที่กงสีบ้านพักคนงานกรีดยางพาราไม่มีเลขที่ ห่างจากบ้านตัวเองประมาณ 100 เมตร
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปค่อนคืน เหล้าที่ซื้อมาหมดลง ในขณะที่ความกระหายยังไม่ถึงจุด ผู้ต้องหาใช้ให้เพื่อนในวงออกไปซื้อเหล้าเพื่อดื่มต่อ แต่ทุกคนปฏิเสธไม่ออกไป เนื่องจากดึกเกินไป ร้านปิดหมดแล้ว ทำให้ พลทหารประสิทธิ์ พูดใส่หน้าแบบสบประมาท ว่า แบบนี้แสดงว่าไม่ผ่าน หรือไม่มีน้ำยาพอ จึงทำให้ นายจักรกฤษณ์ โกรธมาก เลยเกิดการทะเลาะมีปากเสียงกัน และควักปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 ชนิดบรรจุทีละนัด ออกมาหมายสับไก จ่อยิง พลทหารประสิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ได้รับการฝึกฝนทักษะการต่อสู้มาจากกองทหาร จึงใช้มือปัดกระบอกปืนเฉออกไป ในขณะที่กระสุนลั่นพอดี เป็นเหตุให้หัวกระสุนจากที่หมายยิงเพื่อนรัก พุ่งเข้าไปเจาะหน้าท้องพ่อตัวเอง ขณะที่ยังนั่งไม่ลุกออกจากวงเหล้า จนทรุดล้มคว่ำลง
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อจับกุมลูกชายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาเจตนาฆ่าคนตายต่อไป

ขาโจ๋ดุซิ่งรถเก๋งตามล่ากลุ่มคู่อริ ชกกันกลางถนน ก่อนชักปืนซัลโวเจ็บ 3 กระสุนยังพลาดถูกเพื่อนตัวเองดับไปด้วย



เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 21 ส.ค. ร.ต.อ.ราชันย์ เพชรรุจิ ร้อยเวร สภ.เมืองอ่างทอง รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บหลายราย บริเวณแยกไฟแดงอ่างทอง ในตลาดอ่างทอง ไปตรวจสอบพร้อมกำลังตำรวจจำนวนหนึ่ง พบผู้บาดเจ็บ 4 ราย อยู่บนถนน จึงนำส่งรพ.อ่างทอง ทราบชื่อคือนายเทิดศักดิ์ พึ่งโพธิ์คา อายุ 30 ปี ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดที่กลางหลัง กระสุนตัดขั้วหัวใจเสียชีวิตในเวลาต่อมา นายรัตนพงศ์ กตัญญู อายุ 25 ปี ถูกยิงที่หน้าอก ใต้รักแร้ซ้าย เอวซ้าย และ ต้นแขนซ้าย นายจรัญพงษ์ เฉลาภักตร์ อายุ 22 ปี ถูกยิงเข้าที่แก้มซ้าย และนายวินัย พวงจิต อายุ 24 ปี ถูกยิงที่หน้าอกซ้าย กลางอก กลางหลัง แพทย์ต้องเร่งช่วยชีวิตเป็นการด่วน
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายรัตนพงศ์ นายจรัญพงษ์ และนายวินัย ซึ่งเป็นเพื่อนกัน ขี่รถจยย.มาจอดติดไฟแดง ส่วนผู้ตายคือนายเทิดศักดิ์ ขับรถเก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ ตามหลังมากับเพื่อนชื่อนายวุฒิ ไม่ทราบนามสกุล พอมาถึงไฟแดง นายเทิดศักดิ์ก็ลงจากรถมาพูดคุยเคลียร์ปัญหากับนายวินัย ซึ่งเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ไปมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนนายวุฒิ และนายเทิดศักดิ์ แต่ตกลงกันไม่ได้ นายเทิดศักดิ์จึงชกต่อกับนายวินัย เพื่อนๆ นายวินัยจึงเข้าช่วยเหลือ นายวุฒิจึงชักปืนออกมายิงใส่ฝ่ายอริทั้ง 3 คน จนบาดเจ็บไปตามๆ กัน อย่างไรก็ดี กระสุนปืนยังพลาดเป้าไปถูกนายเทิดศักดิ์เพื่อนตัวเองด้วย หลังก่อเหตุนายวุฒิยังช่วยอุ้มร่างโชกเลือดนายเทิดศักดิ์ขึ้นรถพยาบาล แต่หลังจากนั้นก็รีบหลบหนีไป
ร.ต.อ.ราชันย์ เปิดเผยว่า ผู้ตายกับนายวุฒิซึ่งเป็นคนลั่นไก น่าจะมาตามล่าล้างแค้นนายวินัย ก่อนเหตุการณ์จะบานปลายจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ขณะนี้ประสานตำรวจฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวนายวุฒิมาสอบสวนดำเนินคดีแล้ว

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

حاصرت المتمردين عاصمة ليبيا -- القذافي الحصول على النقطة الأخيرة.


20 يوما ، حسبما ذكرت وكالات الانباء الاجنبية ان المتمردين أو القوات المسلحة التابعة للطرفين ضد القوات الحكومية. ثلاثاء مو عمار القذافي التحرك في جميع أنحاء المنطقة المتاخمة للشرق والغرب والجنوب من العاصمة طرابلس. عاصمة ليبيا. لدي بعض بالفعل. كان اشتباك مع مجموعة من الجنود الذين هم من الموالين للقوات. ثلاثاء القذافي بشدة من المواقع آخر الأخبار، الحارسة في انكلترا ان المتمردين السيطرة على المنطقة 2 من ثلاثة ليبيا الآن.

سي نيوز وادعى مسؤولون في المخابرات الأمريكية ستة من عدم الكشف عن اسمه قال ان القوات. ثلاثاء القذافي سيكون في مدينة طرابلس. بعد دخول قوات من حلف شمال الأطلسي (الناتو) ، بما في ذلك هجمات المتمردين استمرت لمدة 6 أشهر.

ลูกชายของนักร้อง-นักดนตรีวงคาราบาว “เทียรี่ เมฆวัฒนา” ซิ่งเก๋งชนคนตายคาที่ พยาน ชี้ จยย.ล้ำเลนมาชนรถเก๋ง


เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 19 ส.ค. ร.ต.ต.อธิวิทย์ ปัญญาอุทัย ร้อยเวร สน.คันนายาว รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนมีผู้เสียชีวิตบริเวณถนนสุขาภิบาล 5 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน ไปตรวจสอบพร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากโรงงานขยะ 200 เมตร บริเวณถนนสุขาภิบาล 5 ขาออก พบรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีดำ ทะเบียน ฎภ 4176 กรุงเทพมหานคร สภาพกระโปรงหน้าพังยับเยิน มีนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี บุตรชายของนายเทียรี่ เมฆวัฒนา นักร้อง นักดนตรีชื่อดังวงคาราบาว เป็นผู้ขับขี่รถเก๋งคันเกิดเหตุ โดยเจ้าตัวยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่อยู่ มีอาการบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อย ห่างออกไปพบรถจยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน ฬธง 407 กรุงเทพมหานคร สภาพพังยับเยิน ใกล้กันพบศพนางนัยนันท์ วุฒิธรรมาภรณ์ อายุ 37 ปี บ้านเลขที่126 หมู่ 4 ต.แม่กัวะ อ.สบปราบ จ.ลำปาง สภาพศพคอหัก กระดูกแขนขาหัก เสียชีวิตคาที่
สอบสวนประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ให้การว่า รถจยย.ขับมาทางถนนสุขาภิบาล 5 ขาออก เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุแซงขวาล้ำเลนไปทางอีกฝั่ง จนชนเข้ากับรถเก๋งอย่างจังเป็นเหตุให้เสียชีวิตคาที่ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะได้เรียกทางคนขับรถเก๋งมาให้ปากคำ โดยจะรอทางญาติคนตายจัดการเรื่องศพก่อน เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป.

ส่งนปพ.ดูแลหัวหน้าอุทยานฯทับลาน



หลังจากมีข่าว นายทุนจ้างมือปืนหวังสังหารหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน และเจ้าหน้าที่ เนื่องจากมาตรการจับกุมกลุ่มนายทุน ข้าราชการ และนักการเมืองรุกผืนป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน จนเป็นเหตุให้กลุ่มผู้บุกรุกไม่พอใจ มีการลงขันจ้างมือปืนจาก จ.สระบุรี มาลงมือสังหารนั้น
ที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 20 ส.ค. มีรายงานว่า บริเวณด่านประตูทางเข้า มีตำรวจหน่วยปฎิบัติการพิเศษปราจีนบุรี (นปพ.) นำโดย ร.ต.อ.พนัส บุญอินทร์ หัวหน้าชุด นปพ. ได้นำกำลังวางมาตรการตรวจสอบรถทุกคันในการเดินทางเข้า-ออก เพื่อป้องกันเหตุกลุ่มมือปืนเข้ามาก่อเหตุสังหารเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทับลาน พร้อมออกตระเวนตรวจสอบรอบแนวเขตตลอดเวลา 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ พ.ต.ท.เรืองวิชญ์ รักชาติ สว.สส.สภ.วังขอนแดง อ.นาดี นำกำลังเข้ามาสนับสนุน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับหัวหน้าอุทยานฯ และเจ้าหน้าที่ นอกจากนั้น ยังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อออกติดตามกลุ่มมือปืน
นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานฯ ทับลาน กล่าวถึงการติดตามคดี ว่า การดำเนินการปิดป้ายให้รีสอร์ทต่าง ๆ รื้อถอน และให้เจ้าของ รวมทั้งบริวารออกจากพื้นที่ แบ่งเป็น 2 ทาง ส่วนแรกอาศัยอำนาจหัวหน้าอุทยาน ตามมาตรา 22 สั่งให้รื้อถอนออกไป แจ้งเตือน และปิดป้ายประกาศให้รื้อถอนไปแล้ว จำนวน 38 ราย ส่วนที่ 2 ได้ประสานไปทางอัยการจังหวัดนครราชสีมา และอัยการจังหวัดกบินทร์บุรี เพื่อให้บังคับคดี
ส่วนกรณีมีกำลังตำรวจ นปพ. และตำรวจ สภ.วังขอนแดง มารักษาความปลอดภัยให้กับตน และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ขอขอบคุณผู้บังคับบัญชา และผู้เกี่ยวข้องที่สนับสนุนตำรวจ นปพ.มาช่วยดูแลความปลอดภัยความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ขณะนี้ขวัญ และกำลังใจของตน และเจ้าหน้าที่ทุกคนดีขึ้น รู้สึกอุ่นใจที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาอยู่ด้วย การเดินทางมาทำงานก็อุ่นใจขึ้น
ทางด้าน ร.ต.อ.พนัส กล่าวว่า พล.ต.ต.อัครชัย พงษ์ศิริ ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ได้สั่งการให้ตนนำตำรวจ นปพ.มาดูแลความปลอดภัยแก่หัวหน้าอุทยานฯ ทับลาน จำนวน 10 นาย โดยจัดชุดรักษาความปลอดภัยมาอยู่ประจำที่อุทยานฯ ทับลาน พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการเดินทางของหัวหน้าอุทยานฯ ทางชุด นปพ.จะคอยตามประกบตลอดเส้นทาง เพื่อดูแลความปลอดภัย ส่วนการหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือปืนนั้น ทางชุดสืบสวน บก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ได้ส่งตำรวจนอกเครื่องแบบออกหาข่าวแล้ว.

มือปืนขี่รถตามประกบยิงลูกชายผู้พันคนดังกองทัพภาค 4 ขณะขับรถไปส่งเพื่อนสาว


เมื่อเวลา 02.40 น วันที่ 20 ส.ค. ร.ต.ท.ยิ่งยงค์ ช่วยเกิด ร้อยเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุยิงกันในซอยแม่อ่างทอง ถนนศรีธรรมโศก ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช จึงรีบไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก. พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ สว.สส. ในที่เกิดเหตุ พบเพียงรอยเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่ง รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช ทราบชื่อคือ นายอาวุธ สาระมาศ หรือ เอ็ม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่19/63 ต.ในเมือง อ.เมือง นครศรีธรรมราช เป็นบุตรชายของ พ.ท.สุพิศ สาระมาศ นายทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 4 ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าหน้าท้อง 2 นัด แขนขวา 2 นัด ขาขวา 1 นัด สะโพก 1 นัด อาการสาหัส แล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนทราบว่า นายอาวุธ ผู้ตาย พร้อมด้วยเพื่อนสาวคนสนิทคนหนึ่ง ชวนกันไปเที่ยวสถานบันเทิงชื่อดังย่านถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง หลังจากนั้น จึงขับรถยนต์มาส่งเพื่อนสาวคนดังกล่าว ในซอยแม่อ่างทาง ในขณะที่ ลงจากรถเพื่อส่งเพื่อนสาวเข้าบ้าน ได้มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถ จยย.ตามประกบยิง 6 นัดซ้อน แล้วเผ่นหนีไป เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า สาเหตุมาจากความโกรธแค้นกับคู่อริ และปัญหาส่วนตัว.

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รวบ ตร.สันติบาลเครียดจัดยิง ตร.เสียชีวิต 1 สาหัสอีก 1

18 ส.ค. - พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เข้าตรวจสอบศพ ด.ต.วิรัตน์ ชัยรัตน์ ผบ.หมู่ กองกำกับการ 6 ตำรวจสันติบาล 1 หลังถูก ร.ต.ท.พิจารณา คงอิน รองสารวัตรกองกำกับการ 6 ตำรวจสันติบาล 1 ยิงเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือ ส.ต.ท.พรเทพ ดำนิล ถูกยิงเข้าที่ปาก 1 นัด และชายโครงขวา 1 นัด อาการสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระพยาบาล เหตุเกิดบริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะริมฟุตบาธถนนเศรษฐ์สิริ ด้านหลังสถานีดับเพลิงสามเสน
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกระสุนปืนขนาด 9 มม.1 นัด และหัวกระสุนปืน 8 ปลอก นอกจากนี้ยังพบกุญแจรถ และอาวุธปืนขนาด 9 มม.ของผู้ตายตกอยู่ข้างลำตัว
สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นตำรวจทั้ง 3 คน เดินออกมาจากบ้านพักสำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมาถึงปากซอยผู้ตายและคนเจ็บชักชวนผู้ต้องหาไปจังหวัดนครปฐม แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธเนื่องจากเพิ่งกลับจากการไปทำงานที่จังหวัดนครปฐม ยังไม่ได้พักมานาน 7 วัน จึงเกิดความเครียด แต่ผู้ตายพยายามชักชวนให้ไป จึงชักอาวุธปืนประจำตัวผู้ตายที่พกติดตัวยิงทั้งสองจนหมดแม็ก ก่อนโยนปืนทิ้งไว้ข้างศพผู้ตาย และหลบหนีเข้าไปที่บ้านพักดังกล่าว พร้อมใช้ก้อนหินทุบกระจกรถกระบะ ทะเบียน บต 2422 ปทุมธานีเพื่อหลบหนี แต่หากุญแจรถไม่เจอ จึงวิ่งออกไปที่ถนนใหญ่ แต่ถูกตำรวจสันติบาลช่วยกันควบคุมตัวส่ง สน.ดุสิต
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า สาเหตุเบื้องต้นยังไม่ชัดเจน คาดเกิดจากความเครียด เนื่องจากผู้ต้องหาเคยเข้าปรึกษากับผู้บังคับบัญชาว่ามีคนติดตาม จึงเกิดความหวาดระแวง ประกอบกับไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน จนก่อเหตุดังกล่าว นอกจากนี้พบผู้ต้องหาเพิ่งย้ายเข้ามาทำงานที่สันติบาล 1 ได้ ประมาณ 2 เดือน ที่ผ่านมาอยู่แต่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม จะเร่งสอบปากคำผู้ต้องหา เพราะยังไม่ปักใจเชื่อว่าเกิดจากการความเครียด อาจเกิดจากขัดแย้งเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย

เซลส์ขายรถเที่ยวโอเกะตะลึง!เช็กบิล1.5หมื่น



เวลา 23.00 น.(18 ส.ค.) นายนพดล กิ่งสิงหา อายุ 25 ปี เซลส์ขายรถยนต์แห่งหนึ่งเดินทางมาที่สน.ลาดพร้าว เพื่อมารับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน ญฎ 8120 กรุงเทพมหานคร หลังเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.มณเดช มาแนม ร้อยเวรสน.ลาดพร้าว ว่า เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา กล่าวหาว่าถูกนายพุฒิภูมิ หรือก้อง นันทเจริญกุล อายุ 37 ปี ยักยอกรถยนต์นำไปจำนำที่บ่อนการพนันแห่งหนึ่ง โดยมี พ.ต.ท.วิทวัฒน์ ชินคำ รอง ผกก.(ป.)สน.ลาดพร้าว เป็นคนส่งมอบกุญแจรถยนต์คันดังกล่าวคืนให้
นายนพดลกล่าวว่า ตนกับเพื่อน 2 คนได้ไปเที่ยวที่ร้านคาราโอเกะ ย่านลาดพร้าว หลังจากเข้าไปแล้วได้สั่งสุรา เมื่อเวลา 01.00 น. ยี่ห้อเรด ชุดเล็กมาดื่มพร้อมทั้งเด็กนั่งดริงก์มา 2 คน ซึ่งทางร้านคิดดริงก์ละ 150 บาท และสั่งอาหารมารับประทานอีก 4 อย่าง กระทั่งเวลา 03.00 น.ได้สั่งเช็กบิล ปรากฏว่าเสียค่าดริงก์ตามปกติ แต่เมื่อทางร้านคิดค่าอาหารเป็นเงิน 1.5 หมื่นบาท ก็ตกใจเพราะตอนนั้นมีเงินอยู่เพียง 5,000 บาท รวมเงินกับเพื่อน 2 คนจ่ายให้ทางร้านเพียง 4,700 บาท ซึ่งยังติดทางร้านประมาณ 1 หมื่นบาท
นายนพดล กล่าวอีกว่า ตอนนั้นบอกทางร้านว่าหาเงินไม่ได้เพราะดึกแล้ว จึงนำกุญแจรถที่ขับมาให้ทางร้าน เพื่อเป็นประกันว่ากลางวันจะนำเงินที่ค้างมาจ่าย ตนก็สั่งทางร้านว่าอย่าเคลื่อนรถยนต์ไปไหน หลังจากนั้นก็ออกจากร้านไป แต่ช่วงกลางวันต้องไปทำงาน จึงให้เพื่อนที่มาด้วยกันนำเงินส่วนที่เหลือมาจ่ายให้ทางร้าน โดยโทรศัพท์หานายพุฒิภูมิ คนดูแลร้านที่ตนฝากกุญแจรถไว้ แต่นายพุฒิภูมินัดให้ไปจ่ายเงินที่เดอะมอลล์ บางกะปิ เมื่อไปถึงนายพุฒิภูมิบอกว่ารถยนต์ยังรับไม่ได้ เพราะนำไปจำนำบ่อนพนันแห่งหนึ่งที่จ.สระบุรี แต่ติดเสาร์-อาทิตย์ ต้องไปเอาคืนวันจันทร์ ตนรู้สึกไม่สบายใจบอกว่าขอคืนวันเสาร์-อาทิตย์ ได้หรือไม่เพราะต้องใช้รถยนต์
"นายพุฒิภูมิยังบอกว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 3,000 บาทเป็นค่าจอดรถ ตอนนั้นคิดว่าเริ่มมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้ว จึงเข้าแจ้งความที่สน.ลาดพร้าว ผมก็พยายามติดต่อนายพุฒิภูมิ แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งให้ตำรวจตรวจสอบพบว่า รถยนต์ถูกนำไปจำนำที่บ่อนพนันแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯ ผมก็ไปตามหาแต่ไม่พบรถ แต่มีคนที่บ่อนบอกว่านายพุฒิภูมินำมาจำนำ 1.5 แสนบาท จากนั้นก็ติดต่อนายพุฒิภูมิได้ ก็บอกว่าให้ผมออกเงินครึ่งหนึ่งช่วยนำรถออกมา ผมก็ไปคุยกับทางร้านแต่ร้านถูกตำรวจปิดมาตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา กระทั่งวันนี้ทางร้านได้ประสานให้มารับรถที่สน.ลาดพร้าว ผมได้รับรถคืนแต่พบว่ารถมีรอยถลอกด้านหลังซ้าย จะดำเนินคดีกับนายพุฒิภูมิให้ถึงที่สุดและเรียกร้องค่าเสียหายกับทางร้านเพราะต้องเสียเวลาในการทำงาน" นายนพดลกล่าว
ด้าน ร.ต.อ.มณเดช กล่าวว่า คดีดังกล่าวผู้เสียหายสามารถติดตามรถคืนกลับมาได้แล้ว แต่สำหรับนายพุฒิภูมิ ผู้ต้องหาที่นำรถไปจำนำ พนักงานสอบสวนได้ส่งหมายเรียกเพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา หากยังไม่มาก็จะออกหมายจับในข้อหายักยอกทรัพย์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังร้านดังกล่าว แต่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงพนักงานในร้านรายหนึ่งอ้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทางร้านไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เป็นการกระทำของนายพุฒิภูมิเพียงคนเดียว ซึ่งนายพุฒิภูมิเพิ่งมาทำงานที่ร้านเพียง 2 เดือน ทางร้านจึงไม่ทราบประวัติมากนัก

ชาวนครศรีฯ บุกห้องทำงานผู้ว่าฯ เหตุ ธ.ออมสินเบี้ยวนัดจ่ายเงินน้ำท่วม ก่อนได้ข้อสรุปจ่ายเหมือนเดิมแต่เลื่อนวัน ด้าน ส.ส.นครศรีฯ เตือนรัฐบาลปู อย่าเลือกปฏิบัติ




เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (18 ส.ค.) ประชาชนชาวนครศรีธรรมราชต่างเข้าคิวรอรับเงินช่วยเหลือน้ำท่วม ณ บริเวณลานศาลาโรงละคร อบจ.นครศรีธรรมราช เป็นจำนวนมาก ซึ่งเงินดังกล่าวนี้ นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประสานกับธนาคารออมสินเพื่อเบิกจ่ายเงินชดเชยน้ำท่วมที่ยังตกค้างอยู่อีกกว่า 5.4 หมื่นรายของจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมเป็นเงินกว่า 275 ล้านบาท โดยมีกำหนดเบิกจ่าย 2 วันคือ 18-19 ส.ค. 2554
แต่เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินได้แจ้งว่า ทางสำนักงบประมาณกระทรวงการคลังได้สั่งระงับการเบิกจ่ายเงินดังกล่าวไว้ก่อน ทำให้ประชาชนร่วม 100 คนไม่พอใจ และทยอยเดินทางไปยังชั้น 2 ของศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อทวงถามกับนายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายและแตกตื่นของบรรดาข้าราชการบนศาลากลางจังหวัด พร้อมทั้งมีการเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประสานไปยังสำนักงบประมาณ ถึงการโอนเงินจ่ายให้แก่ครอบครัวที่ประสบอุทกภัย ครอบครัวละ 5,000 บาท ในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช แล้ว จำนวน 8,240 ราย ซึ่งทราบว่ามีการสั่งระงับมาเป็นลำดับจากกระทรวงการคลัง เนื่องจากรัฐบาลต้องการงบประมาณดังกล่าวไปทำอย่างอื่นก่อน
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ยืนยันถึงความจำเป็นในการดำเนินการ จนสำนักงบประมาณได้ประสานกับธนาคารออมสินอีกครั้ง เพื่อให้มีการสำรองจ่ายเงินไปก่อน แล้วจึงจะโอนเงินงบประมาณมาในภายหลัง
จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงหารือกับ นายชัยณรงค์ สุรินทวงศ์ ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขานครศรีธรรมราช จนได้ข้อยุติกำหนดจ่ายเงินให้แก่ครอบครัวที่ประสบอุทกภัยนอกเขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช กำหนดวันที่ เวลาเดิม คือ วันที่ 19 สิงหาคม 2554 ส่วนผู้ที่อยู่ในเขตเทศบาล ที่มารอรับเงินในวันนี้ ให้ไปรับเงินช่วยเหลือครอบครัวที่ประสบอุทกภัย ครอบครัวละ 5,000 บาท ในวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม 2554 เวลาเดิม ที่ลานกีฬาข้างโรงละคร องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำให้ผู้ที่มาประท้วงปิดหน้าห้องผู้ว่าราชการจังหวัดพอใจสลายตัวไปในที่สุด
นายธีระ มินทราศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า งบประมาณส่วนนี้เป็นงบประมาณที่ต้องจ่ายอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเกิดปัญหาภายใน ซึ่งอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่รัฐบาลชุดใหม่ ทั้งนี้ ตนได้ยืนยันไปแล้วว่าเงินส่วนนี้ไม่สามารถระงับได้จะต้องจ่ายให้แล้วเสร็จ
ขณะที่นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารออมสินที่รับผิดชอบทราบว่า ทางธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ได้มีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าวในช่วงเช้าวันเดียวกัน โดยเป็นคำสั่งลงมาตามสายบังคับบัญชาเป็นทอดๆ ทำให้ธนาคารไม่สามารถจ่ายเงินให้กับผู้ประสบภัยจำนวน 8,240 ราย ในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ทั้งหมด
โดยก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินได้รับหนังสือจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงวันที่ 16 ส.ค. 2554 แจ้งว่า ให้จ่ายเงินแก่ผู้ประสบภัยจำนวน 8,240 รายดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 19 ส.ค. นี้ ธนาคารออมสินจึงดำเนินการประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง จัดเตรียมการจ่ายเงิน โดยแจ้งผู้มีรายชื่อมารับเงินในวันที่ 18 และ 19 ส.ค. ตามสถานที่ที่กำหนด ทุกอย่างพร้อมหมด แต่สุดท้ายก็ต้องเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด
นอกจากนี้ นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลและทางธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่จะต้องแจ้งเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเร็ว ว่าทำไมจึงระงับการจ่ายเงิน เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วได้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมจะดำเนินการ แต่มาสั่งระงับในนาทีสุดท้าย ขอเตือนว่าปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องมีความละเอียดอ่อน อย่าให้กรณีนี้กลายเป็นเรื่องการเลือกปฏิบัติ เพราะจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ทำให้ปัญหาลุกลามบานปลายได้ และต้องไม่ลืมว่าอีก 2-3 เดือนข้างหน้าภาคใต้ก็ต้องเผชิญปัญหาอุทกภัยอีกรอบ จะทำให้การแก้ไขปัญหายากลำบากขึ้น

อ้างเป็นเพื่อนป่วยหนักโทรฯหลอกเงิน



เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 18 ส.ค. น.ส.สกาวรัตน์ ปัญญาอุตม์ อายุ 38 ปี ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังทำงานอยู่ที่บริษัท จู่ๆ มีโทรศัพท์เข้ามาปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงอ้างตัวเป็นเพื่อนสนิทตนคนหนึ่งชื่อว่าป๋อ กำลังป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และโรคหัวใจรั่ว รักษาตัวที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง มีปัญหาทางการเงิน เนื่องจากต้องใช้เงินเป็นค่ารักษากว่า 77,000 บาท แต่เงินทางบ้านไม่พอขอยืมเงิน 50,000 บาท โดยจะใช้คืนในวันที่ 17 ส.ค.ตนไม่ทันเอะใจ เนื่องจากเสียงปลายสายเสีย
คล้ายกับเพื่อนที่ชื่อป๋อมากๆ ประกอบกับด้วยความเป็นห่วงเพื่อนกำลังเดือดร้อน ซึ่งปลายสายบอกว่าจะส่งข้อความเอสเอ็มเอส เลขที่บัญชีของธนาคารแห่งหนึ่งไปให้ ก่อนจะวางสายไป จากนั้นผ่านไป 20 นาที คู่กรณีโทรฯมาสอบถามอีกครั้งว่าโอนเงินมาให้หรือยัง ตนตอบไปว่ายัง เนื่องจากกำลังทำงานอยู่ ช่วงเย็นถึงจะจัดการโอนเงินไปให้
ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า ทันทีที่ตนพูดประโยคนี้ปลายสายคล้ายกับมีอารมณ์ก่อนจะตอบว่าไม่ได้ ต้องโอนให้ไม่เกินเวลา 13.00 นี้ เนื่องจากต้องการใช้เงินอย่างเร่งด่วน เมื่อเจออีกฝ่ายเร่งและพยายามพูดชักจูงทำให้ตนเชื่อมั่นว่าเป็นเพื่อนซึ่งกำลังเดือดร้อนอยู่จริง เลยตัดสินใจโอนเงินไปให้ 10,000 บาท ด้วยความเป็นก็รีบโทรฯสอบถามว่าได้รับเงินหรือยัง ปรากฏว่าปลายสายถามว่าทำไมโอนมาให้แค่ 10,000 บาท หาให้อีก 2-3 หมื่นบาทได้หรือป่าว ตนปฏิเสธไปว่าไม่ได้ เนื่องจากมีเงินอยู่เท่านั้น โดยคู่กรณีกลับต่อว่าตน ทั้งนี้หลังผ่านไป 1 วัน ปรากฏว่าตนติดต่อกับเพื่อนที่ชื่อป๋อซึ่งเจ้าตัวถึงกับงง ระบุว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาล หรือเดือดร้อนเรื่องเงินแต่อย่างใด ทำให้ตนรู้ว่าถูกแก๊ง 18 มงกุฎโทรฯมาหลอกเอาเงิน อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุตนได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ไว้เรียบร้อยแล้ว
ด้าน ร.ต.อ.ธีรวิทย์ เปรมธนารัตน์ ร้อยเวรเจ้าของคดี กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะประสานตรวจสอบกับทางธนาคารเพื่อขอดูภาพวงจรปิดจากตู้เอทีเอ็มที่คนร้ายไปกด หลังจากนี้จะออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีที่ผู้เสียหายโอนเงินไปให้มาสอบปากคำอย่างละเอียด เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป

ผู้ปกครองแจ้งจับนายทหารยศ “พ.ท.” เผยพฤติกรรมส่อไปทางอนาจาร ชวน นร.หนุ่มๆ ช่วยขนของส่งที่ห้องพัก ได้จังหวะลวนลาม- หอมแก้ม ขณะที่คู่กรณีปฏิเสธ


เมื่อเวลา11.00น. วันที่ 18 ส.ค. ร.ต.อ.สิปปภาส จาดคล้าย ร้อยเวร สน.ดินแดง ได้รับการติดต่อจาก น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หน.ฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิชายหญิงก้าวไกลและในฐานะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนดุริยางค์ ทบ.จำนวน 3 ราย เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายทหารยศ พ.ท. คนหนึ่ง ข้อหากระทำอนาจาร โดยเหตุเกิดภายในโรงเรียนดุริยางค์ ทบ.ข้าง รพ.ทหารผ่านศึก ริมถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก แขวงสามเสนใน เขตพญาไท เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้สอบสวนนายเอก (นามสมมุติ) นร.ดุริยางค์หนึ่งในสามที่มาแจ้งความ และมีอายุเกินเยาวชน ให้การอ้างว่า พวกตนมีทั้งหมด 20 คนเป็นเพศชายล้วน เข้าเรียนรุ่นที่ 26 และ 27 พักที่หอพักภายใน โรงเรียนดังกล่าว โดยมีนายทหารผู้ก่อเหตุเป็นอาจารย์ และถือว่าเป็นรุ่นพี่ เนื่องจากจบรุ่นที่ 1
ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า พฤติกรรมส่อไปในทางอนาจาร พยายามชวน นร.หนุ่มๆ ไปช่วยขนของส่งที่ห้องพัก เมื่อได้โอกาสจะมีการลวนลามจับมือ หอมแก้ม พร้อมชวนหลับนอนในห้องพัก บางครั้งฉวยโอกาสทำทีบีบไหล่ ก่อนที่จะรูดซิปลูบคลำอวัยวะเพศ เป็นต้น หลังจากเกิดเหตุพวกตนปรึกษากันจนมีความเห็นเดียวกันว่า ควรที่จะบอกผู้ปกครองจนนำไปสู่การร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาในชั้นต่างๆ ทั้งระดับเจ้ากรมสวัสดิการทหารบก และ ผบ.ทบ.จนมีการตั้งคณะ กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง รวมทั้งมีการระงับยศแต่งตั้งระดับ พ.อ.กับทาง พ.ท.คนดังกล่าว แต่ทางเจ้าตัวยืนกรานกับคณะกรรมการสอบสวนปฏิเสธ ไม่ยอมรับผิดในการกระทำแต่อย่างใด ทำให้พวกตนพร้อมบรรดาผู้ปกครองไม่พอใจ เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีทางอาญาเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายที่อายุเกินกว่ากฎหมายกำหนดไว้แล้ว ส่วนในรายที่ยังเป็นเยาวชน พนักงานสอบสวนจะได้นัดมาสอบปากคำต่อหน้าเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับทาง พ.ท.ผู้ถูกกล่าวหาต่อหน้าทหารพระธรรมนูญต่อไป

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เตือนภัยไอเดียอุบาทว์! ‘กล้องถุงหูหิ้ว’ ส่องใต้กระโปรงผู้หญิง

คืนวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจนอกเครื่องแบบของสถานีตำรวจปั้วซู่หลิน สาขาเป้ยหลิน เมืองซีอาน กำลังตรวจตราบริเวณหอกลอง และก็ได้เห็นชายคนหนึ่งท่าทางพิกลตรงป้ายรถประจำทาง
“เขาไม่สนเลยว่ารถที่เข้าป้ายมาจะมีคนมากคนน้อย ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขึ้นรถเสียที มือถือถุงสีดำใบหนึ่ง สีหน้าดูตื่นเต้น เมื่อเห็นสาวๆก็รีบเดินเข้าไปใกล้” ตำรวจเล่า ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเจ้าหนุ่มท่าทางพิกลคนนั้นจะวิ่งราวกระเป๋า แต่เฝ้าดู 10 นาที ก็ไม่ลงมือเสียที
ตำรวจนอกเครื่องแบบจับตาดูชายท่าทางพิกลต่อไป กระทั่งนึกเอะใจขึ้นมา “ถุงใส่หูหิ้วสีดำนั่น!” มันมักจะอยู่ตรงชายกระโปรงผู้หญิง “ดูจะไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว!”
ตำรวจจึงตรงเข้าไปรวบตัวเจ้าหนุ่มถือถุงสีดำ และเมื่อค้นดูในถุงดำก็พบกล้องขนาดเท่านามบัตร 2 ตัว บันทึกภาพวีดิโอใต้กระโปรงผู้หญิง 20 กว่าภาพ แต่ละภาพมีความยาว 10 กว่านาที สถานที่ถ่ายภาพเหล่านี้ ได้แก่ ป้ายรถประจำทาง ทางเดินใต้ดินหอกลอง และตามริมถนน
ถุงใส่ของสีดำของเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา ที่ก้นถุงมีรู 2 รู กล้อง 2 ตัวถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษแข็ง และใช้เทปผ้าสีดำยึดเลนส์กล้องไว้ที่ก้นถุงตรงกับรู 2 รู และยังมีกล่องกระดาษห่อไว้อีกชั้น
หนุ่มเจ้าของ ‘กล้องถุงหูหิ้ว’ สารภาพ เขาได้คิดถุงแบบนี้ขึ้นมาเอง และทำกล่องเล็กๆช่วยปรับทิศทางเลนซ์ เมื่อพบผู้หญิงสวมกระโปรงสั้น ก็เริ่มเปิดปุ่มบันทึกภาพ หย่อนถุงลงต่ำ
ชายหนุ่มสารภาพ เขาเป็นคนถงชวน มารับจ้างทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในเมืองซีอาน เงินเดือนราว 1,000 หยวน มีครอบครัวแล้ว ความคิดอุบาทว์ของเขาเกิดขึ้นเมื่อได้พบเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ซึ่งมีสมาชิก 600 กว่าคน เป็นเว็บไซต์ภาพลามก เพื่อที่จะได้ดูภาพมากกกว่านี้เขาจึงยอมจ่ายเงิน 300 หยวน ลงทะเบียนในเว็บไซต์เป็นสมาชิกพีไอพีเป็นเวลาหนึ่งปี เขาได้พูดคุยกับสมาชิกเว็บไซต์ ต่อมาเขาอยากได้แต้มคะแนนมากขึ้น จึงคิดประดิษฐ์ ‘กล้องถุงหูหิ้ว’นี้ถ่ายภาพด้วยตัวเอง

มรส.รับเพิ่มนศ.พยาบาลนำร่องปี55-58ปีละ70คน

ตามที่ผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาการพยาบาลได้เข้าตรวจเยี่ยมคณะพยาบาลศาสตร์ มรส. เพื่อรับรองสถาบันการศึกษาการพยาบาลและการผดุงครรภ์ใหม่ ประจำปีการศึกษา 2554 นั้น ผลการตรวจเยี่ยมปรากฏว่า สภาการพยาบาลมีมติให้การรับรองสถาบันการศึกษาการพยาบาลและการผดุงครรภ์ของ มรส. เป็นเวลา 1 ปีการศึกษา ซึ่งถือเป็นการรับรองอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ปีแรกที่เปิดคณะพยาบาลศาสตร์ขึ้นมา นอกจากนี้สภาการพยาบาลยังเห็นชอบแผนการรับนักศึกษาของคณะที่จะรับนักศึกษาเพิ่มขึ้นในปีการศึกษา 2555-2558 ปีละ 70 คน อีกด้วย
นพ.บรรจบ มานะกุล อุปนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีและผู้อำนวยโรงพยาบาลทักษิณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงคณะพยาบาลศาสตร์ มรส. ว่า หลักสูตรพยาบาลศาสตร์ถือเป็นหลักสูตรที่สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น ที่กำลังเผชิญกับปัญหาสุขภาพและสุขภาวะ ซึ่งถือเป็นปัญหาระดับชาติ ในขณะเดียวกัน บุคลากรสาธารณสุขก็กำลังขาดแคลน และในอีก 5-10 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่ภาวะขาดแคลนอย่างหนัก หลักสูตรดังกล่าวซึ่งผลิตบุคลากรออกมาป้อนการสาธารณสุขจึงถือเป็นหลักสูตรที่มาถูกทางและสามารถช่วยเหลือท้องถิ่นได้ในระยะยาว

กทม.พร้อมรับมือน้ำเหนือไหลเข้ากรุง 3 วันนี้


นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่ากรุงเทพมหานครกล่าวถึงแผนรับมือฝนตกในกทม.ว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากปริมาณน้ำเหนือไหลลงมายังในแม่น้ำเจ้าพระยา กทม.อยู่ที่ 1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งอีก 2-3 วัน กรมชลประทานจะปล่อยน้ำเหนือจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระราม 6 ระลอกใหม่ออกมาประมาณ 1,200-1,500 ลูกบาศก์ต่อเมตรต่อวินาที
ทั้งนี้ กทม.ได้เตรียมความพร้อมรองรับปริมาณน้ำเหนือ โดยเตรียมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่ประจำประตูระบายน้ำจำนวน 200 จุด ให้มีความพร้อม 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตทั้ง 50 แห่ง เข้าดูแลในพื้นที่และจัดเจ้าหน้าที่จากหน่วยเบสท์กว่า 700 นายอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนหากเกิดเหตุน้ำท่วม
สำหรับชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ 13 เขต 27 ชุมชน รวมประมาณ 1,200 ครัวเรือน ยังได้รับผลกระทบจากน้ำขึ้น น้ำลง และทำให้น้ำท่วมเล็กน้อย ซึ่งกทม.ได้มอบกระสอบทรายและไม้ให้กับชุมชนดังกล่าวไว้แล้วอย่างไรก็ตาม หากเกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง กทม.ได้เตรียมโรงเรียนในสังกัด กทม.ไว้รองรับการอพยพ
ทั้งนี้ การเจรจากับชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ได้เจรจาเสร็จสิ้น 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังมีชุมชนบางส่วนยังต้องการอาศัยอยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ แต่กทม.จะเดินหน้าเร่งดำเนินการก่อสร้างแนวกันน้ำที่เหลืออีก 1.8 กิโลเมตร ให้แล้วเสร็จภายในปี 2555 นี้

ยิงดับเสี่ยบ่อกุ้ง กลางงานวัดพังงา


เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 15 ส.ค. พ.ต.ท.ศุภชัย เกื้อเซ้ง สารวัตรเวร สภ.ทับปุด จ.พังงา รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต บริเวณเวทีจัดงานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วัดอุทัยราษฎร์บำรุง ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชลิต ถิ่นธานี ผบก.ภ.จว.พังงา พ.ต.อ.สุวัฒน์ แก้วพรหม ผกก.สภ.ทับปุด พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ สงโพยม ผกก.กก.สืบสวน ภ.จว.พังงา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน
ที่เกิดเหตุบริเวณเวทีพบเลือดกองเต็มพื้น ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่ง ร.พ.พังงา ทราบชื่อคือ นายณัฐพล แก้วน้อย หรือเสี่ยนุ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/2 บ้านโคกเลือด หมู่ 7 ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด จ.พังงา เป็นเจ้าของฟาร์มบ่อกุ้ง ถูกยิงที่บริเวณลำคอ 1 นัด แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะผู้ตายกำลังยืนอยู่บนเวทีกลาง เพื่อเตรียมมอบรางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่มาแสดงฟ้อนรำภายในงาน ขณะนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ก่อนที่ผู้ตายจะล้มลงกองกับพื้นที่และมีเลือดทะลักออกจากลำคอไหลนองเต็มพื้นเวที จนเพื่อนฝูงต้องเร่งนำตัวขึ้นรถยนต์ส่งโรงพยาบาล
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่มุ่งประเด็นการก่อเหตุไปที่ความขัดแย้งเกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่น เนื่องจากผู้ตายเตรียมจะลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่ง นายกอบต.มะรุ่ย ที่จะสิ้นสุดวาระประมาณกลางปีหน้า และกรณีความขัดแย้งธุรกิจส่วนตัว

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สาวนอนดึก...จะรอเธอตลอดไป...

จั๊กกะบุ๋ม‘ปฏิเสธล่วงเกินโคโยตี้สาว


"จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม" ยืนยัน ไม่ได้ล่วงเกินโคโยตี้สาวและไม่คิดหลบหนี ขณะขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหาเป็นวันที่ 17 ส.ค. เหตุติดถ่ายละคร พร้อมฟ้องกลับโคโยตี้สาวและตำรวจคู่กรณี
นายสมชาติ ทรงกลด หรือ จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม นักแสดงตลกชื่อดัง กล่าวถึงกรณีที่สาวโคโยตี้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังว่า ในคืนเกิดเหตุตนไม่ได้ทำอะไรล่วงเกินโคโยตี้สาว คนดังกล่าว และขณะเกิดอุบัติเหตุไม่ได้คิดจะหลบหนี เพราะหากจะหลบหนีคงไม่ทิ้งรถไว้ในที่เกิดเหตุ เพื่อให้ตำรวจลากรถไปเก็บไว้ที่ สน.พหลโยธิน และตนอยากให้ประกันดำเนินการในช่วงเช้า เพราะเป็นประกันชั้น 1 ประกอบกับ ด.ต.ไชยา เครือโป้ อายุ 45 ปี นายตำรวจสังกัดกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนซึ่งเป็นคู่กรณี พูดจาไม่ดีกับตนก่อนและยังยุยงโคโยตี้สาวแจ้งความดำเนินคดีกับตนด้วย ส่วนกรณีที่พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน จะเรียกตนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันพรุ่งนี้ ตนคงจะต้องขอเลื่อนไปก่อนเพราะติดถ่ายละคร และอาจจะเข้าพบพนักงานสอบสวน ในวันพุธที่ 17 สิงหาคมนี้ และจะให้การปฏิเสธทุกข้อหา เนื่องจากไม่ได้ทำอะไรผิดและขณะนี้ได้ปรึกษากับทนายความ เพื่อเตรียมดำเนินการฟ้องกลับทั้งนายตำรวจและโคโยตี้สาวแล้ว

ฆ่าปาดคอหนุ่มใต้ ทิ้งซ.รามฯ 53


(14 ส.ค.) พ.ต.ท.สำรวย แสนสม พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุมีชายถูกมีดปาดคอเสียชีวิตภายใน ซ.รามคำแหง 53 ใกล้กับบ่อปลา ห่างจากบ้านเรือนประชาชน ราว 50 เมตร จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบศพชาย 1 ราย สภาพนอนหงาย ขาพาดกิ่งไม้ สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้น สีน้ำตาล สวมกางเกงขาสั้นสีขาว ลายสีแดง บริเวณลำคอถูกอาวุธมีดปาดคอจนเกือบขาด ที่บริเวณท้องมีบาดแผล คล้ายถูกของมีคม ทราบชื่อผู้ตายต่อมา คือ นายปาริศ จาเก๊ะ อายุ 32 ปี ตรวจสอบใกล้ตัวผู้ตาย เจ้าหน้าที่พบมีดทำครัวตกอยู่จำนวน 1 เล่ม นาฬิกาข้อมือ 1 เรือน หมวกแก๊ป 1 ใบ ในกระเป๋าพบบัตรประจำตัวประชาน บัตรเอทีเอ็ม และเงินสดจำนวน 180 บาท จากการสอบถามชาวบ้านใกล้กับจุดเกิดเหตุทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. มีเสียงสุนัขเห่าผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้แปลกใจ จนกระทั่งมาพบศพในช่วงสายของวันนี้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า ผู้ตายน่าจะถูกสังหารจากที่อื่น ก่อนนำศพมาทิ้งเพื่ออำพรางคดี
พ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ สารวัตรสืบสวนสอบสวน สน.วังทองหลาง เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดว่า ภายหลังการเข้าตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นที่เรียบร้อย พบว่า ผู้ตาย น่าจะเสียชีวิต เมื่อเวลา 02.00 น. ของคืนที่ผ่านมา ส่วนจะเป็นการฆาตกรรมในที่เกิดเหตุ หรือ นำศพมาโยนทิ้งหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งบริเวณดังกล่าว มีน้ำขังและค่อยข้างรก หลักฐานจึงยังไม่ชัดเจน ล่าสุด เจ้าหน้าที่ ได้นำร่างของผู้ตายมาเก็บไว้ที่ สน.วังทองหลาง แล้ว พร้อมพยายามประสานไปยังญาติของผู้ตายให้ติดต่อเข้ามา แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการประสานเข้ามาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ พ.ต.ท.วิวัฒน์ กล่าวว่า แนวทางการสืบสวนเบื้องต้นนั้น เจ้าหน้าที่ ได้สอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง รวมถึง ส่งทีมไปสอบถามยังอพาร์ตเมนต์และคอนโด ที่อยู่ในพื้นที่แล้ว โดยเฉพาะ จุดที่คนใต้พักอาศัยอยู่จำนวนมาก คาด จะทราบว่าผู้ตายเป็นใคร และทำอาชีพใดในเร็ว ๆ นี้ ส่วนสาเหตุการสังหารอย่างเลือดเย็นนั้น ตำรวจ ตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ ยาเสพติด / ชู้สาว และขัดแย้งผลประโยชน์ ซึ่งเชื่อว่า คนร้าย น่าจะมีความแค้นเคืองผู้ตายอย่างรุนแรงถึงได้ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งตำรวจจะเร่งสืบสวนว่า ผู้เสียชีวิตเป็นใคร และสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ รวมถึง ตรวจสอบพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีโดยเร็ว

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ออกหมายจับ'โจรจี้ร้านทอง มูลค่ากว่า 5 แสนบาท

จากกรณีที่มีคนร้ายเป็นชายไม่ทราบอายุ ผิวคล้ำ สูงประมาณ 165 เซนติเมตร ใส่หมวกแก๊ปสีดำและคาดผ้าปิดจมูกสีขาวปิดบังใบหน้า การแต่งกายสวมเสื้อคลุมสีครีม นุ่งกางเกงยีน ใส่รองเท้าผ้าใบสีขาว มีกระเป๋าสะพายสีดำคาดสะพายแล่งอีก 1 ใบ ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์บุกเดี่ยวชิงทรัพย์ห้างทองเพชรทองใบเยาวราช ตั้งอยู่บนชั้นที่ 2 ของห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาเอกชัย-บางบอน ได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 2 บาท รวม 10 เส้น มูลค่ากว่า 507,000 บาท ขับขี่ รถ จยย.หลบหนีไปอีกทั้งยังใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ รปภ.เพื่อสกัดไม่ให้ติดตามจนกระจกห้างแตกกระจายตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า วันนี้(12 ส.ค.54) พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบก.น.9 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ สน.บางขุนเทียน และ กก.สส.บก.น.9 ช่วยกันตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุย้อนหลังไปอีกหลายวัน โดยใช้เวลาเฝ้าจับตาดูกันทั้งคืนปรากฏว่า พบภาพชายต้องสงสัยคนหนึ่งซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกันกับคนร้ายมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในบริเวณห้างเมื่อวันที่ 10 ส.ค.54 คล้ายกับการเดินทางมาดูลาดราวก่อนลงมือ 1 วัน
อย่างไรก็ตามขณะนี้พนักงานสอบสวนได้นำภาพคนร้ายที่ใส่หมวกแก๊ปคาดผ้าปิดจมูกอำพรางใบหน้าขณะก่อเหตุไปขออำนาจศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับตามตำหนิรูปพรรณดังกล่าวเอาไว้แล้ว สำหรับรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีเทา ที่พยานเห็นคนร้ายใช้ขับหลบหนีตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีรถที่เข้าข่ายอยู่กว่า 600 คัน และยังไม่ทราบว่าคนร้ายติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอมหรือไม่ต้องค้นหาภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป

รวบโจ๋ร่วมก่อคดีโทรมหญิง


วันที่ 12 ส.ค. พ.ต.ท.ศาสตรา อ่อนรัศมี สว.สส.สน.บางรัก พ.ต.ท.คฑายุทธ โรจน์วงศ์สุริยะ สว.สส. ร.ต.ท.สมชาย ธนะเจริญขวัญ รอง สว. พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ร่วมกันจับกุม นายคมกฤษณ์ หรือหนุ่ย อยู่กระทุ่ม อายุ 21 ปี ได้ที่ถนนนเรศ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ ตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี ที่ จ.33/2549 ลง 17 มีนาคม 2549 ในข้อหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภรรยาตน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยใช้อาวุธปืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

เมื่อปี พ.ศ.2549 ที่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี มีกลุ่มคนร้ายจำนวน 4 คน ใช้อาวุธปืนบังคับข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวแล้วหลบหนีไป ก่อนสืบทราบว่านายคมกฤษณ์เป็นหนึ่งในคนร้าย จึงติดตามจับกุม นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี สำหรับผู้ต้องหาที่เหลือจะได้สืบสวนติดตามจับกุมต่อไป

ฉุนเพื่อนยามรุ่นน้องพูดจาดูถูกว่าเป็นคนลาว ชักมีดพับจ้วงแทงคอกับท้องปางตาย.

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 ส.ค. ร.ต.อ.บูรพา ทะนงรักษ์ธรรม ร้อยเวร สน.พหลโยธิน รับแจ้งมีเหตุแทงกัน ที่หน้าตึกช้างทาวเวอร์ แขวงจอมพล เขตจตุจักร รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบ นายเสงี่ยม คงชูดี อายุ 43 ปี เป็น รปภ.ตึกช้าง ถูกแทงด้วยมีดที่ลำคอกับหน้าท้อง บาดเจ็บสาหัส มูลนิธิป่อเต็กตึ้งรีบนำตัวส่ง รพ. ในที่เกิดเหตุพบมีดพับยาว 10 นิ้วเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 เล่มจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนคนร้ายหลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้าไปในตัวตึกช้าง ทราบชื่อ นายชวลิต ทองประโคน อายุ 48 ปี เป็น รปภ.ที่เดียวกับคนเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังปิดล้อม จนไปพบตัว นายชวลิต หลบซ่อนตัวที่ลานจอดรถ จึงคุมตัวไปสอบปากคำ
จากการสอบสวน นายชวลิตให้การว่า ตนเข้าเวรกะดึกออก 8 โมงเช้า จากนั้นได้ดื่มเหล้ากับเพื่อนที่ห้องพัก รปภ. กระทั่งเวลา 10.00 น. ตนเดินไปตอกบัตรเพราะตอนออกเวรลืมตอกบัตร จากนั้นได้กลับมาที่ห้องพัก รปภ.เพื่อเก็บของกลับบ้าน ระหว่างนั้น นายเสงี่ยมเดินตามมาพร้อมกับพูดจาตำหนิตนที่ออกเวรแล้วไม่ตอกบัตรทันที แถมยังพูดจาดูถูกตนว่าเป็นคนลาว ทำให้เรามีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ด้วยความโมโห เลยชักมีดพับที่พกติดตัวเป็นประจำ จ้วงแทง นายเสงี่ยมจนล้มทรุดกองเลือด จากนั้นหลบหนีไปซ่อนตัวที่ลานจอดรถ กระทั่งถูกตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว.

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Bangladesh braces for war crimes trial

الصورة الشغب بعد انتفاضة الحكومة البريطانية دائما حرق ثلاث مدن.



تقارير وكالات الأنباء العالمية من لندن ، انكلترا في 9 آب ، وقال ديفيد كاميرون ، رئيس الوزراء البريطاني. الغاء عطلة في ايطاليا يوم الاثنين الماضي. ثم عاد الى انكلترا على الفور. رئيس "كوبرا" أو لجنة الطوارئ التابعة للحكومة البريطانية في صباح اليوم الثلاثاء في 9:00 بالتوقيت المحلي. لتحديد استراتيجية لمنع المزيد من أعمال العنف من هذا. وتقييم الوضع. العنف ، في الماضي ثلاث ليال من التمرد. دمرت المنازل. وانتشرت عمليات النهب للممتلكات وبسرعة. مفاجأة لموظفي الدولة هائلة.

تقارير اخبارية تقول. القرويين الذين يعيشون حول منطقة لندن. إلى الإسراع في تنظيف الزجاجات والزجاج والطوب كسر ، والتي تضم متاجر ومستودعات للشركة ، سوني للإلكترونيات ، والذي يقع في Wentworthville. شمال لندن. من أسوأ أعمال الشغب في بريطانيا في العقود الماضية. نتيجة لمجموعة من الشباب للشباب. تنسيق التعاون. استخدام الهاتف المحمول. الاجتماعية. كأداة للتواصل مع بعضها البعض.

وانتشرت أعمال الشغب من المنطقة في مناطق مختلفة من لندن ، وامتدت الى ما لا يقل عن 3 نقاط في مدينة بريستول. الجنوب الغربي. وسط مدينة برمنغهام وليفربول. شمال غرب البلاد. ومع ذلك ، منذ يوم الاثنين المساء. وقد خفضت من مستوى العنف انخفض. الحطام الذي تم حرقها. مرئية على نطاق واسع في الشوارع. كما أن لديها سيارة من عامة الناس أن اللصوص فروا من الانتهازية الإجرامية. ولا سيما في مجال ويتش. شرق لندن. التي يعيش بها الفقراء. نهبت متاجر وأحرقت عناصر الفوز في الممتلكات.

يمكن للشرطة اعتقال يمكن أن يسبب المتاعب في لندن وحوالي 334 100 شخص في برمنغهام وهناك ثلاثة اشخاص الذين اعتقلوا لأنهم كانوا المشبوهة أن ضباط الشرطة الذين حاولوا قتل واحد. سائق حادث سيارة. بالإضافة إلى ذلك ، ذكرت محطة اطلاق النار في مكان ما في لندن ان الحريق بما فيه الكفاية للتعامل مع الحريق. في سبب الضرر النار ، ومع ذلك ، قالت قوة الشرطة المساعدة لمساعدة الشرطة في لندن في 1700 صفقة مع قضية المتمردين.

ولاحظ المحللون أن أعمال الشغب في لندن في هذا الجزء من التخفيضات في الميزانية للخدمات الاجتماعية. جاء الاعلان بعد. يجب على الحكومة البريطانية انقاذ هذه السياسة. وخفض نفقات الميزانية. لحل العجز في الميزانية. وعلاوة على ذلك. في قضية أحداث الشغب وقعت أيضا في المناطق التي تشهد معدلات بطالة مرتفعة. إلا أن الفقراء الذين يعيشون في بمعنى وقطعوا أو عدم الحصول على مجتمع عادل. في اليوم الأول من أعمال الشغب التي وقعت في حي النسيج. شلتنهام ، جنوب لندن. لأن الناس غير راضين أن القضية المتهم كان الافتراس استثنائية.

قد اعمال الشغب التي وقعت في المملكة المتحدة تأثير على لندن لاستضافة المنافسات الأولمبية. وستعقد "لندن الالعاب" عام 2012 في شهر يوليو من العام المقبل ، اصدرت الانكليزي لكرة القدم بيانا يطلب إلغاء مباراة كرة القدم الودية. بين انكلترا وهولندا ، والذي من المقرر أن السباق في ولاية نيو جيرسي التجمع في لندن يوم الأربعاء ، 10 أغسطس ، ويرجع ذلك إلى أعمال الشغب التي وقعت. واتخذ قرار بالغاء قبل فريق هولندا لكرة القدم سيتوجه الى لندن.

ฝรั่งเมืองน้ำหอมหม่ำสปาเกตตีดับอนาถคาร้าน



เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 10 ส.ค. ร.ต.อ.เฉลียว บุญคุ้ม ร้อยเวร สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก รพ.พัทยาเมโมเรียล มีชาวต่างชาติมาเสียชีวิตที่ รพ. หลังจากนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง รีบไปตรวจสอบในห้องฉุกเฉินพบศพนายโธมัส เบอร์นาร์ด อายุ 61 ปี สัญชาติฝรั่งเศส สภาพเนื้อตัวเขียวคล้ำ ตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยถูกทำร้ายแต่อย่างใด โดยมีเพื่อนชาวต่างชาติยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยความเศร้าสลด แพทย์ระบุว่าได้เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล
จากการสอบถามอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ฯ พัทยา ซึ่งเป็นคนนำผู้ตายส่งรพ.ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับแจ้งจากร้านอาหารแห่งหนึ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้ามากินอาหารแล้วเกิดติดคอช็อกหมดสติ เลยรีบไปนำตัวส่งรพ.แต่นายโธมัสเสียชีวิตระหว่างนำส่งรพ.
หลังได้ข้อมูลเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบร้านที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวชั้นเดียว โต๊ะด้านในเป็นโต๊ะที่ผู้ตายนั่งกินอาหารมีจานสปาเกตตีวางอยู่ 4 จาน แก้วและขวดไวน์ยี่ห้อหนึ่ง โดยผู้ตายรับประทานเส้นสปาเกตตีเหลืออยู่ครึ่งจาน เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายมากินอาหารกับครอบครัว 4 คน สั่งสปาเกตตีมารับประทาน ขณะกินอยู่นั้น จู่ๆ นายโธมัสชักเกร็งล้มตกเก้าอี้ ญาติๆ รีบนำส่งรพ.แต่ไม่ทันเสียชีวิตไปก่อน ด้าน ร.ต.อ.เฉลียว กล่าวว่า จากการสอบถามแพทย์ยังไม่สรุปสาเหตุ แต่ในหลอดอาหารพบมีเส้นสปาเกตตีอยู่ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ตายอาจจะรับประทานสปาเกตตีเข้าไปจนติดคอเสียชีวิต หรือไม่ก็หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทั้งนี้ต้องรอผลผ่าศพพิสูจน์สาเหตุที่แท้จริงต่อไป.

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ตำรวจบุกรวบนักร้องหนุ่มถ่ายภาพวิวแบล็คเมล์สาว ขู่รีดเงินและไม่นำภาพเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต


เมื่อเวลา 20.00 น.วันนี้( 8 ส.ค.) พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.ดส. แถลงผลการจับกุม นายสุริยา บัวชมนา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 11 ต.นาทม อ.นาทม จ.นครพนม ในข้อหากรรโชกทรัพย์และข่มขืนใจผู้อื่น การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากน.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ว่าถูกนายสุริยาหรือต้น บัวชมนา ซึ่งเป็นนักร้องอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านรังสิตคลอง 2 ขู่ว่าจะนำคลิปวีดีโอขณะมีเพศสัมพันธ์กัน ไปเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต และร้านซีดีทั่วไป หากไม่นำเงินจำนวน 10,000 บาทมาให้ ซึ่งก่อนหน้านี้น.ส.เอเคยโอนเงินให้นายสุริยาไปแล้วครั้งหนึ่ง จำนวน 2,500 บาท เพื่อแลกกับการลบคลิปวีดีโอดังกล่าว พร้อมทั้งนายสุริยายังเคยเรียกน.ส.เอ ไปร่วมหลับนอนอีก 4 ครั้ง เพื่อแลกกับการไม่นำคลิปไปประจานในอินเตอร์เน็ต แต่นายสุริยายังไม่พอใจเรียกเงินเพิ่มอีก 7,500 บาท จึงทำให้น.ส.เอตัดสินใจแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในเขตอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือที่ใช้ส่งข้อความและคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ภายในยังมีคลิปการร่วมเพศของนายสุริยากับหญิงสาวอื่นอีก 3 คนก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวงดำเนินคดีต่อไป

สั่งฟ้อง พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ พยายามฆ่าหมอมุกพรุ่งนี้


9 ก.ค.54 พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กล่าวถึงความคืบหน้าคดี พันเอกศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ที่ขับรถชน พันตรีแพทย์หญิงหทัยพร อิ่มวิทยา หรือ”หมอมุก” แพทย์ประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้รับบาดเจ็บสาหัสว่า
ภายหลังจากพนักงานสอบสวน ได้เชิญ พันเอกศักดิ์สิทธิ์ มาสอบปากคำเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จากนั้นพนักงานสอบสวน ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนสามารถสรุปสำนวนการสอบสวนได้เป็นที่ยุติแล้ว และเมื่อวานที่ผ่านมา ตนได้เซ็นอนุมัติคำสั่งการสรุปสำนวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พันเอกศักดิ์สิทธิ์ ในข้อหา “พยายามฆ่า” แล้ว พร้อมกับได้นัดผู้ต้องหา โดยส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการศาลทหาร ในวันพรุ่งนี้ (10ส.ค.)
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดย พันเอกศักดิ์สิทธิ์ ได้ขับรถพุ่งชนหมอมุก ที่หน้าบ้านพักย่านสามเสน เนื่องจากไม่พอใจที่หมอมุก จอดรถขวางทางออก จากนั้น พันเอกศักดิ์สิทธิ์ ได้หลบหนีไป และเมื่อคดีนี้เป็นข่าวครึกโครม พันเอกศักดิ์สิทธิ์ ทนกระแสสังคมไม่ไหว จึงเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว

พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑

การแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
การออกจากตำแหน่งของผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
มาตรา ๑๒ ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
(๒) อายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปีบริบูรณ์ในวันรับเลือก
(๓) มีภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นประจำ และมีชื่อในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรในหมู่บ้านนั้นติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปีจนถึงวันเลือกและเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพเป็นหลักฐาน
(๔) เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองตามรัฐธรรมนูญด้วยความบริสุทธิ์ใจ
(๕) ไม่เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
(๖) ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ วิกลจริต จิตฟั่นเฟือน ไม่สมประกอบ ติดยาเสพติดให้โทษ หรือเป็นโรคตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
(๗) ไม่เป็นสมาชิกรัฐสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ หรือของรัฐวิสาหกิจ หรือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือลูกจ้างของส่วนราชการ หรือลูกจ้างของเอกชนซึ่งมีหน้าที่ทำงานประจำ
(๘) ไม่เป็นผู้มีอิทธิพลหรือเสียชื่อในทางพาลหรือทางทุจริต หรือเสื่อมเสียในทางศีลธรรม
(๙) ไม่เป็นผู้เคยถูกให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทุจริตต่อหน้าที่ และยังไม่พ้นกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันถูกให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก
(๑๐) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ และยังไม่พ้นกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันพ้นโทษ
(๑๑) ไม่เป็นผู้เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิดเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ กฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า กฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยศุลกากร กฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ในฐานความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ กฎหมายว่าด้วยที่ดิน ในฐานความผิดเกี่ยวกับที่สาธารณประโยชน์ กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง และกฎหมายว่าด้วยการพนัน ในฐานความผิดเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก
(๑๒) ไม่เป็นผู้เคยถูกให้ออกจากตำแหน่งตามมาตรา ๑๔ (๖) หรือ (๗) และยังไม่พ้นกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันถูกให้ออก
(๑๓) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล หรือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน และยังไม่พ้นกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันถูกให้ออก ปลดออกหรือไล่ออก
(๑๔) มีพื้นความรู้ไม่ต่ำกว่าการศึกษาภาคบังคับ หรือที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบไม่ต่ำกว่าการศึกษาภาคบังคับ เว้นแต่ในท้องที่ใดไม่อาจเลือกผู้มีพื้นความรู้ดังกล่าวได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาจประกาศในราชกิจจานุเบกษายกเว้นหรือผ่อนผันได้
(มาตรา ๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๒)

พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Libyan rebel commander buried amid questions

ทองคำขยับวันเดียว8ครั้ง...


วันนี้(8ส.ค.) นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำในประเทศทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) โดยราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นถึง 7 ครั้งภายในวันเดียวหรือเพิ่มขึ้น 550 บาท ซึ่งทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 23,950 บาท ขายออกบาทละ 24,050 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 23,604.12 บาท ขายออกบาทละ 24,450 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 6 ส.ค. ราคาทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 23,400 บาท ขายออกบาทละ 23,500 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 23,058.36 บาท ขายออกบาทละ 23,900 บาท หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น1,714.78 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เป็นผลจากนักลงทุนกังวลปัจจัยลบต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส หรือเอสแอนด์พี ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลง 1 ขั้นจากทริปเปิ้ลเอ (เอเอเอ) ลงสู่ดับเบิ้ลเอ พลัส (เอเอบวก)
“ราคาทองวันนี้ผันผวนมาก ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยวันนี้มีการปรับราคารวมทั้งสิ้น 8 ครั้ง เป็นการปรับเพิ่มขึ้น 7 ครั้ง ทำให้ราคาทองขึ้นไปรวดเดียวถึง 650 บาท และช่วงบ่ายราคาลดลงมา 1 ครั้ง 100 บาท ซึ่งระหว่างวันยังต้องติดตามต่อไป” นายจิตติกล่าวและว่า สำหรับ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกในเดือนส.ค. นี้คงผันผวนมาก เนื่องจากมีปัจจัยจากเศรษฐกิจในสหรัฐฯที่นักลงทุนยังให้ความกังวลอยู่ แม้สหรัฐฯจะสามารถแก้ไขร่างกฎหมายเพดานหนี้ได้แล้วก็ตาม แต่ความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจสหรัฐฯยังสร้างความกังวลเป็นอย่างมาก หลายฝ่ายยังคงติดตามสถานการณ์ว่า สหรัฐฯจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือกลับมาได้หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น เช่น อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน โดยแข็งค่าขึ้นด้วย
นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราห่วงในขณะนี้คือปัญหาฟองสบู่ในราคาทองคำ เพราะเมื่อราคาเพิ่มขึ้นมากและเร็ว มีโอกาสที่ราคาทองจะลงเร็วเช่นกัน โดยต้องจับตากองทุนต่างๆว่าจะมีการเทขายทองคำออกมามากหรือไม่ แต่แนวโน้มระยะสั้นราคาทองคงไม่ลดลงไปมาก เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจต่างประเทศยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ทั้งสหรัฐ และยุโรป ส่งผลให้นักลงทุนวิ่งหาสินทรัพย์ปลอดภัยไว้ก่อน ดังนั้น นักลงทุนที่ถือทองคำอยู่ ควรทยอยแบ่งขายทำกำไร และรอราคาย่อตัวก่อนเข้าลงทุนใหม่
ช่วงบ่าย นายจิตติ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นถึง 9 ครั้งภายในวันเดียวหรือเพิ่มขึ้น 650 บาท ซึ่งทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 24,050 บาท ขายออกบาทละ 24,150 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 23,695.08 บาท ขายออกบาทละ 24,550 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 6 ส.ค. ราคาทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ 23,400 บาท ขายออกบาทละ 23,500 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ 23,058.36 บาท ขายออกบาทละ 23,900 บาท หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น1,715.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เป็นผลจากนักลงทุนกังวลปัจจัยลบต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส หรือเอสแอนด์พี ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลง 1 ขั้นจากทริปเปิ้ลเอ (เอเอเอ) ลงสู่ดับเบิ้ลเอ พลัส (เอเอบวก)
“ราคาทองวันนี้ผันผวนมาก ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยวันนี้มีการปรับราคารวมทั้งสิ้น 9 ครั้ง เป็นการปรับเพิ่มขึ้น 8 ครั้ง ทำให้ราคาทองขึ้นไปถึง 750 บาท และเวลา 14.00 น. ราคาลดลงมา 1 ครั้ง 100 บาท ส่งผลให้ราคาทองทั้งวันปรับขึ้นมาอยู่ที่ 650 บาท”นายจิตติ กล่าว

ไล่ยิงอริกระสุนพลาดโดนชาวบ้านตาย.



วันนี้(8 ส.ค.) พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ เกศะรัตน์ พงส.(สบ3) สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ภายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาเบญจมิตร ปากซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 46 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ ไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รองผบก.น.2 พ.ต.อ.เชิดชาย สัตบุตย์ ผกก. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มีร่องรอยของหัวกระสุนปืน ขนาด.38 ตกอยู่ 5 นัด และมีร่องรอยของรูกระสุนปืนอีก 2 รู เมื่อเข้าไปตรวจสอบด้านในร้านดังกล่าว พบผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย นอนตายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้นสีครีม สภาพศพนอนหงายอยู่บริเวณประตูทางเข้าร้าน ทราบชื่อต่อมานายอโนชา เกิดเมืองบัว อายุ 45 ปี ถูกกระสุนปืนยิงเข้าบริเวณกลางหลังด้านขวา 1 นัด กระสุนตัดขั้วหัวใจ
สอบสวนนายสุชีพ แก้วมาลา อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถจยย.รับจ้างบริเวณปากซอยสมถวิล ตรงข้ามที่เกิดเหตุให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนจอดรถอยู่บริเวณฝั่งตรงข้าม ได้ยินเสียงดังขึ้นหนึ่งครั้ง ก็เลยวิ่งข้ามฝั่งมาดู เห็นจยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีฟ้า 1 คัน ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน พร้อมด้วยจยย.แบบผู้หญิงอีก 1 คัน ไม่ทราบรุ่นและสี มีคนขับขี่และคนซ้อนท้าย รวม 4 คน สวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำ และสวมหมวกนิรภัยแบบเต็มใบ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ วัยรุ่น 2 คน ที่กำลังวิ่งหนีอยู่ ก่อนกระสุนปืนจะพลาดไปถูกผู้ตาย ซึ่งกำลังจะเดินเข้าไปในร้านกับภรรยา ก่อนคนร้ายที่ก่อเหตุจะขับรถหลบหนีไป
ด้านพ.ต.อ.เชิดชาย กล่าวว่า จากกาสอบพยานแวดล้อมเบื้องต้น ทางคนร้ายมีการเตรียมการที่จะลงมือก่อเหตุ โดยสวมเสื้อพร้อมหมวกนิรภัยมาเป็นอย่างดี ด้านผู้ตายนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ที่ถูกลูกหลง โดยคนร้ายต้องการที่จะทำร้ายเด็กวัยรุ่น 2 คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าร้านดังกล่าว ซึ่งทั้งนี้ 1 ใน 2 เป้าหมายก่อเหตุได้รับบาดเจ็บ ถูกยิงที่บริเวณขาขวา 1 นัด ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่รพ.บางโพ โดยทราบชื่อแล้ว อายุ 20 ปี เป็นนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่ง ส่วนวัยรุ่นอีกคนทางเจ้าหน้าที่จะตามตัวมาสอบปากคำต่อไป เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคู่อริต่างสถาบัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำผู้เสียหายและผู้บาดเจ็บ และจะเร่งนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป.