วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การใดที่เข้าใจตรงกัน...ย่อมบอกเจตนาว่า คนสีใดในชาติไทยก็คือ ลูกของแผ่นดิน รักษาชาติ รักษาสถาบัน รักษาพระศาสนา รักษาประโยชน์ชาติ ย่อมชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ "ข้อความนี้ชอบด้วยกฎหมายตามหลักนิติธรรม "

ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป คลิปที่ดูแล้วน้ำตาซึม ในหลวงของพวกเราสุดยอดกษัตริย์

ส่งสาส์นถึง นางปูหรือนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และส.ส.คณะรัฐบาล วิเคราะห์ การกระทำใดๆ ไม่ว่า ส.ส. คนใดก็ตาม จะใช้อำนาจนิติบัญญัติ มาลบล้าง คำพิพากษาของอำนาจตุลาการ มิได้ การออกกฎหมายช่วยทักษิณ ชินวัตรให้พ้นผิดนั้นเป็นการทำลาย ท่านผู้พิพากษาทุกคน ที่เป็นตัวแทนเป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การกระทำเยี่ยงนี้... มิสมควร มิบังอาจ เป็นเจตนากระทำต่อสถาบันสูงสุด ที่ปวงชนชาวไทยเทิดทูล เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของสถาบันชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อมีอำนาจ มีลาภ มียศ มีตำแหน่ง ก็เสื่อมลงได้ จงสำนึกสำเนียกการกระทำของตนเป็นสำคัญ "ข้อความนี้ชอบด้วยกฎหมายตามหลักนิติธรรม"

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ยิงดับส.อบต.ตะพงขณะขับรถกลับบ้าน


เมื่อเวลา 21.50 น. วันที่ 29 พ.ค. ร.ต.ท.พรชัย  สุขเจริญ  พงส.( สบ 1 )  สภ.เมืองระยอง รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธปืนยิงและมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ในรถยนต์ พลิกคว่ำชนป้ายข้างทางเหตุเกิดเลยหน้าศูนย์เบนซ์ ถนนสาย 36 หมู่ 5 ต.เชิงเนิน ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สุกิตติ ไสวเกียรติ ผกก.ฯ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานระยอง ที่เกิดเหตุพบรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน สีเขียว ทะเบียน บน 4369 ระยอง บรรทุกแก๊ส 3 ถังพร้อมเตา พลิกคว่ำตกอยู่ข้างทาง ภายในรถยนต์พบศพนายภิญโญ หรือเปี๊ยก  ภิริโย อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 171/1 หมู่ 4 ต.ตะพง มีตำแหน่งเป็น ส.อบต. หมู่ 4  สภาพถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าตามร่างกายหลายนัดสอบสวนทราบว่า ผู้ตายมีอาชีพรับจ้างทำอาหารโต๊ะจีน ก่อนเกิดเหตุได้เก็บข้าวของเครื่องใช้หลังเสร็จงานเลี้ยงในบริเวณบ้านพักพนักงานบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) สี่แยกบ้านแลง แล้วขับรถกระบะกลับบ้าน ระหว่างทางถูกคนร้ายคาดน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คนพร้อมอาวุธครบมือขับรถมาประกบแล้วยิงปืนใส่ เบื้องต้นทางญาติคนตายระบุว่านายภิญโญ ไม่มีเหตุโกรธแค้นกับบุคคลใดทำให้ไม่ทราบสาเหตุที่ถูกสังหารในครั้งนี้แต่เจ้าหน้าที่คาดน่าจะมีความขัดแย้งส่วนตัว หรือการเมืองท้องถิ่นหรือขับรถปาดกันบนท้องถนน ซึ่งจะติดตามคนร้ายดำเนินคดีต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

SEXY THE ONE HATYAI.mp4

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (27 พ.ค.) พ.ต.ท.มนต์ชัย อรุณส่องแสงดี พงส.(สบ 3) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งพบศพชายนอนเสียชีวิตใต้ทางเดินคอนกรีต ซอยแก้วเงินทอง 27 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
ที่เกิดเหตุบริเวณใต้ทางเดินคอนกรีตเข้าซอย พบศพชายไม่ทราบชื่อ อายุ 30-40 ปี นอนหงาย สวมเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีเทา ถูกมัดมือด้วยปลอกหมอนข้างสีเขียว พบบาดแผลที่ศีรษะด้านขวาถูกแทงด้วยของมีคมแผลลึกถึงกะโหลก มีรอยฟกช้ำตามใบหน้า หน้าอกมีบาดแผลฉกรรจ์ แขนขามีรอยถลอก ตรวจสอบในร่างกายไม่พบเอกสารระบุบุคคล แพทย์ระบุว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชม.
สอบสวนนางมะลิวัลย์ สาตประเสริฐ อายุ 44 ปี ชาวบ้านในซอย ให้การอย่างตื่นเต้นว่า เมื่อช่วงเช้าลูกชายออกไปเก็บขวดใกล้ที่เกิดเหตุ ก่อนจะวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกว่าพบศพชาย ตนจึงรีบมาดู ก็ตกใจมาก รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เพราะไม่รู้จักผู้ตาย สอบถามเพื่อนบ้านต่างก็บอกตรงกันว่าไม่เคยเห็นผู้ตาย มาก่อน
พ.ต.ท.มนต์ชัย กล่าวว่า จากการสอบสวนพยานใกล้ที่เกิดเหตุระบุว่าเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาได้ยินเสียงคน ทะเลาะกันก่อนเงียบไป กระทั่งช่วงเช้ามาพบศพชายถูกฆ่าปริศนา คาดว่าผู้ตายน่าจะเป็นรปภ. ละแวกใกล้เคียงมาหาเพื่อนแล้วเคลียร์ปัญหาส่วนตัวไม่ลงตัวจึงทะเลาะกันก่อน ฆ่ากันตาย จะเร่งหาเบาะแสผู้ตายและหาชนวนสังหารที่แท้จริงต่อไป.

บ่อแก๊สมรณะ คนงานซ่อมวาวดับ5ศพ.flv

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตร.จับโจรลักทรัพย์ ชะล่าใจไม่ใส่กุญแจมือ-คนร้ายรอตอนเผลอใช้จอบจามหัวแบะ

  เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 25 พ.ค.  พ.ต.ท.พุฒินนท์  คงเสมอ พงส.สบ.3 สภ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ รับแจ้งเหตุตำรวจถูกฆ่าตาย พื้นที่หมู่ 1 ถนนสายล่าง บ้านในเมือง ต.ในเมือง อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ และรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบเป็นลานกว้างหน้าบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้น ห่างจากตัวบ้านประมาณ 3 เมตร พบศพตำรวจแต่งกายครึ่งท่อน สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงสีกากี นอนจมกองเลือดอยู่ ทราบชื่อภายหลังว่า ด.ต.นิคม  ทิมพรม อายุ 50 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปราม สังกัด สภ.พิชัย หัวหน้าสายตรวจตำบลคอรุม
จากการชันสูตรพลิกศพพบบาดแผลบริเวณศีรษะด้านซ้ายถูกตีด้วยของแข็ง มีบาดแผลลึกเป็นทางยาว 10 เซนติเมตร และที่บริเวณใบหูซ้ายพบบาดแผลยาว 3.5 เซนติเมตร ที่บริเวณลำคอมีรอยเขียวคล้ำ กรามบวม พบเส้นผมจำนวนหนึ่งในมือผู้ตาย ห่างจากศพพบรองเท้าผ้าใบสีดำคาดว่าเป็นของคนร้ายตกอยู่ 1 คู่ พบซองปืนซึ่งเป็นของผู้ตายตกอยู่ข้างศพแต่ปืนพกขนาด .38 หายไป และพบจอบสำหรับขุดดินยาวประมาณ  1 เมตร มีรอยเลือดติดอยู่ตกห่างจากศพราว 2 เมตร และพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน กวท-667 อต.จอดอยู่ในดงป่ากล้วยข้างบ้านห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 12 เมตร
ที่สำคัญคือพบเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของนายมณฑล  รุ้งสองแคว อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 28/1 หมู่ 8 ต.ท่าสัก อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ตกอยู่ที่พื้น คาดว่าเป็นของคนร้าย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บ
เอาไว้เป็นหลักฐาน

 จากการสอบสวนพยานทราบว่า ผู้ตายแวะมาที่บ้านเพื่อทำธุระส่วนตัว และพบเห็นขโมยขึ้นมาที่เรือนไม้ชั้นบนจึงได้จับกุมคนร้ายไว้โดยที่ไม่ได้สวมกุญแจมือ และนำตัวมายังจุดที่คนร้ายจอดรถจักรยานยนต์บริเวณป่ากล้วยข้างบ้าน เพื่อตรวจสอบหาเอกสารหลักฐานที่มาของคนร้าย ก่อนที่จะนำตัวส่งสถานีตำรวจ
  ในระหว่างที่ค้นพบเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน คนร้ายได้คว้าจอบขุดดินฟาดเข้าที่ศีรษะด.ต.นิคม ตอนเผลอจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จากนั้นคนร้ายขโมยปืนพกแล้วหลบหนีไป
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จ.อุตรดิตถ์ และชุดสืบสวนสภ.พิชัย จำนวนเกือบ 100 นาย ได้กระจายกำลังปิดล้อมเส้นทางเข้าออก หมู่ 1 บ้านในเมือง พร้อมนำสำเนารูปถ่ายนายมณฑล คาดว่าเป็นคนร้ายรายนี้ออกแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในพื้นที่เพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดี และเชื่อว่าคนร้ายยังหลบอยู่ภายในหมู่บ้าน ไม่นานก็ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบเห็นคนร้ายกระโดดหนีลงแม่น้ำน่านซึ่งห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร
 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกระจายกำลังไปดักรออยู่ฝั่งแม่น้ำน่านตรงข้ามบริเวณตำบลคอรุม  พบคนร้ายว่ายน้ำขึ้นฝั่ง และวิ่งหนีข้ามถนนสายพิชัย-อุตรดิตถ์ เพื่อหนีเข้าทุ่งนาในเขตพื้นที่บ้านคลองกล้วย ต.คอรุม อ.พิชัย จึงติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้ได้ 
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยเป็นนักศึกษาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.พิชัย เคยต้องโทษคดียาเสพติดมาแล้ว ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าถูก ด.ต.นิคม จับได้ว่าบุกเข้าไปลักทรัพย์ถึงในบ้าน ระหว่างถูกจับกุมตัวกลัวจะถูกยิง จึงจำเป็นต้องฆ่าก่อนพร้อมขโมยอาวุธปืนหลบหนีออกมาด้วย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ในหลวงเสด็จฯทุ่งมะขามหย่อง

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

König Bhumibol Adulyadej v. Thailand / พระ Bhumibol ของประเทศไทย

القبض على مؤيدين العوا لتوزيعهم دعايا أمام اللجان

แก๊งกะเทยมอมยารูดทรัพย์นักธุรกิจโสม-ใช้วิธีอมยาทำทีจูบก่อนคายใส่ปากเหยื่อ!!


เมื่อ 23 พ.ค. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.สุทธิสาร  ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว แก๊งกระเทยแสบ ก่อเหตุมอมยานักธุรกิจและนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี  โดยผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายศริตาหรือหนึ่ง ฟ้าหวั่น อายุ 25 ปี นายภิญญาพันธ์ หรือนาเดียร์ กรประภาพรรณ อายุ 27 ปี ทั้ง 2 คนเป็นสาวประเภทสอง และน.ส.กนกพร หรือเก๋ กิตติญาณ อายุ 25 ปี  พร้อมของกลางทรัพย์สินหลายรายการมูลค่า 3.8 ล้านบาท พร้อมทั้งยาโซแลม ซึ่งเป็นยานอนหลับชนิดรุนแรงและจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ซึ่งผู้ซื้อจะต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ จำนวนกว่า 10 แผง
  พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค. เจ้าหน้าที่ ตร.สน.สุทธิสาร ได้รับแจ้งจาก นายคิม จังอุง  นายชา ดาวุน และ นายโช คิวซิค  3 นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ ว่าถูกคนร้ายก่อเหตุมอมยาแล้วรูดทรัพย์ เหตุเกิดที่วัฒนาแมนชั่น ภายในซอยรัชดาภิเษก 17 แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายทั้ง 3 ราย  ไปเที่ยวตระเวนราตรีย่านอาร์ซีเอ ก่อนที่นายนาเดียร์ จะทำทีเข้ามาทักทาย เป็นภาษาเกาหลีก่อนชักชวนให้ผู้เสียหายไปเที่ยวต่อ
  จากนั้นจึงมีการชักชวนกันมาร่วมหลับนอน ที่แมนชั่นที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นห้องที่ผู้เสียหายพักอยู่ ก่อนที่จะนำยานอนหลับผสมเข้าไปในเครื่องดื่ม เมื่อสบโอกาสจึงปลดทรัพย์ ซึ่งมีทั้ง เงินสดเป็นเงินสกุลดอลลาส์ สหรัฐ เงินเยน เงินวอน และเงินบาท พร้อมทั้งทรัพย์สินต่างๆ อาทิ นาฬิกาคาร์เทียร์ ราคาเรือนละ 1 ล้าน 8 แสนบาท นาฬิกากุชชี่ ราคา 7 แสน 5 หมื่นบาท และทรัพย์สินอื่นของผู้เสียหายทั้ง 3 ราย รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ก่อนจะหลบหนีไป
  พล.ต.ต.สำเริง กล่าวต่อว่า หลังรับแจ้งทางฝ่ายสืบสวนสน.สุทธิสาร ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางแมนชั่น จนทราบรูปพรรณของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ก่อนจะสามารถติดตามตัวทั้งหมดพร้อมของกลางได้ เมื่อช่วงดึกของ คืนวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา จากการสอบสวน นายนาเดียร์ ให้การรับสารภาพว่าตนเองและเพื่อนได้ตระเวนหาเหยื่อตามสถานบันเทิง เมื่อพบเจอเหยื่อก็จะนำยานอนหลับ ยี่ห้อโซแลม ที่ซื้อมาจากร้านขายยาในราคาแผงละ 208 บาท ก่อนจะเคี้ยวปนกับเหล้าแล้วทำทีอมไว้ในปาก จากนั้นจะทำทีจูบกับผู้เสียหาย แล้วคายเหล้าที่ผสมยาดังกล่าวเข้าไป เมื่อยาออกฤทธิ์ ก็ลงมือจะปลดทรัพย์
 โดย นายนาเดียร์ ยอมรับด้วยว่า มีการใช้ยาโซแลม เป็นประจำขณะเที่ยวตามสถานบันเทิง ทำให้พอมีภูมิต้านทานบ้าง และยาดังกล่าวเมื่อกินผสมกับเหล้าจะทำให้มีฤทธิ์มากขึ้น ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาเคยก่อนเหตุในลักษณะดังกล่าว มาหลายครั้งแล้ว โดยล่าสุดก่อเหตุในท้องที่ สน.ทองหล่อ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และหากท่านใดเคยถูกก่อเหตุใน ลักษณะดังกล่าว ติดต่อขอดูตัวได้ที่สน.สุทธิสาร

โตโยต้า วีโก้ ไม่ผ่านการทดสอบ

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

บุกทลายโรงงานผลิตกาแฟปลอมยี่ห้อดัง

 เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 พ.ค. พล.ต.ต.สุชาติ กาญจนวิเศษ ประธาณคณะทำงานชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พร้อมพ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. และนายภูมิ สาระผล รมช.กระทรวงพาณิชย์ นำกำลังพร้อมหมายค้น เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา เลขที่ 11/318 ซ.เอกชัย 94 แยก 4 ถ.เอกชัย แขวงบางบอน เขตบางบอน
 จากการตรวจค้นพบซองบรรจุกาแฟสำเร็จรูป ชนิดผง ยี่ห้อเนสกาแฟ แบบทรีอินวัน ริช อโรมา พร้อมจำหน่าย จำนวน 158,400 ซอง เครื่องบดผสมกาแฟ จำนวน 2 เครื่อง เครื่องซีลหีบห่อกาแฟ 8 เครื่อง ถุงบรรจุกาแฟ น้ำตาล ครีมเทียม และซองกาแฟ ยี่ห้อเนสกาแฟ ที่ยังไม่บรรจุอีกจำนวนมาก จึงควบคุมตัวนายมาโนชย์ สุภาจันทร์สุข อายุ 40 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ เจ้าของ พร้อมแรงงานต่างด้าว 4 คนดำเนินคดีข้อหาปลอมเครื่องหมายการค้า และให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าว
 นายมาโนชย์รับสารภาพว่า เปิดโรงงานผลิตกาแฟได้ 1 ปี ลงทุนซื้อเครื่องบรรจุกาแฟมูลค่า 2 ล้านบาทผลิตได้วันละ 10,000 ซอง ก่อนนำไปส่งที่บางปะอิน แล้วจะมีคนมารับต่อไปขายที่ชายแดนไทย ลาว เขมร ไม่ได้ส่งขายในกทม. และเป็นกาแฟจริง ตนผสมเองโดยลดปริมาณกาแฟ น้ำตาล และครีมเทียมลงเพื่อลดต้นทุน ก่อนนำเอามาบรรจุหีบห่อยี่ห้ออื่นเท่านั้นเอง

พิลึก!โคโยตี้สาวประเภทสองถือยาบ้าขึ้นโรงพัก-เผยอยากติดคุกหาแฟนใหม่



 เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 พ.ค. นายกรทอง หรือน้องตี้ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี สาวประเภทสอง ชาวจ.หนองคาย เดินทางเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ต.พันธ์เพชร เหล่ากำเนิดเพชร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี โดยแจ้งว่าตนเพิ่งเสพยาบ้ามาและมียาบ้าเหลือติดตัวอยู่อีก 1 เม็ด แล้วก็หยิบเอายาบ้าเม็ดสีส้มห่อในพลาสติกใสให้ดู พร้อมทั้งแจ้งให้จับกุมตัวดำเนินคดี ทำเอาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนพิรุณงงไปตามๆ กัน 
 นายกรทอง ให้การต่ออีกว่า ตั้งแต่เล็กๆ ตนก็อยากเป็นผู้หญิง ทำให้ทางบ้านไม่พอใจ เมื่อเรียนจบ ม.3 ก็ติดเพื่อนเสพยาบ้า ถูกจับคดีลักรถจักรยานเมื่ออายุ 16 ปี อายุ 17 ปี ถูกจับมียาบ้าในครอบครองและนำเข้ายาบ้า ติดคุก 4 ปี ที่บ้านกาญจนานครปฐม ปี 53 ถูกจับมียาบ้าในครอบครองติดคุกที่เรือนจำหนองคาย ปี 54 ถูกจับคดีมียาบ้าอีก และล่าสุดถูกจับเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา รวมถูกจับคดียาบ้า 4 ครั้ง ทำให้ชินชีวิตในคุกมากกว่าในเมือง
 นายกรทอง ให้การอีกว่าช่วงที่อยู่นอกเรือนจำก็ทำอาชีพเต้นโคโยตี้ตามผับตามบาร์ในภาคอีสานหลายจังหวัด เมื่อพ้นโทษออกมากลับไปอยู่บ้านก็ไม่มีใครยอมรับ จึงคิดอยากกลับเข้าไปอยู่ในคุกเพื่อหาสามีในคุก ระบุมีความสุขกว่าอยู่นอกคุก ที่ผ่านมามีสามีหลายคนแต่ก็ไม่มีใครจริงใจ แต่มีสามีในคุกได้อยู่ด้วยกันตลอดไม่หนีไปไหน
 ด้าน พ.ต.ต.พันธ์เพชร เปิดเผยว่า ตามกฎหมายก็ต้องจับกุมดำเนินคดีเพราะผู้ต้องหาเสพยาบ้าและมียาบ้าในครอบครอง เท่าที่สอบถามพูดคุยกับผู้ต้องหา ทราบมาว่าเคยติดคุกที่หนองคายและมีสามีเป็นชายแท้อยู่ในคุก และต้องการที่จะเข้าไปหาสามีใหม่ในคุกเมืองอุดร ที่มีนักโทษชายเยอะเลือกได้ซึ่งก็แปลกดี พ.ต.ต.พันธ์เพชร กล่าว 

ตร.ทล.จับยาบ้ามูลค่า 112 ล้านบาท

 วันนี้ (21 พ.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. พ.ต.อ.ทัศนัย พรั่งพิบูลย์ ผกก.5 บก.ทล. พ.ต.ท.กานตภณ วรรณา สว. ส.ทล.1 กก.5 บก.ทล. (ตาก) แถลงข่าวผลการจับกุม นายอภิชีพ ชิดติดสวรรค์ หรือ นายดำริ แซ่เฮ่อ ชาวจีนม้ง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/1 หมู่ที่ 11 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก และน.ส.ชฎาพร อุไรรุ่งโรจน์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/61/1 หมู่ที่ 10 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 450,000 เม็ด มูลค่า112,500,000 บาท รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน ฒญ 8424 กรุงเทพมหานคร เงินสด จำนวน 72,400 บาท และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้บนทางหลวงหมายเลข 1 กิโลเมตรที่ 414-415 หมู่ที่ 1 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร
 พล.ต.ต.นรบุญ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 02.00 น.ของ เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงตากร่วมกันตั้งจุดตรวจที่ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ช่วงกิโลเมตรที่ 414-415 ตำบลคลองขลุง อำเภอคลองขลุง จ.กำแพงเพชร พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์-เงิน หมายเลขทะเบียน ฒญ 8424 กรุงเทพมหานครต้องสงสับจึงได้ทำการเรียกตรวจค้นรถดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในรถคันดังกล่าวพบยาบ้าซึ่งบรรจุห่อกระดาษสีน้ำตาลเคลือบมัน และหุ้มด้วยพลาสติกใส มัดละประมาณ 2,000 เม็ด จำนวน 225 มัด อยู่ในกระเป๋าผ้าร่มสีดำวางที่พื้นรถด้านซ้ายของคนขับ 1 ใบ โดยมีน.ส.ชฎาพรนั่งอยู่เบาะด้านข้างคนขับ และกระเป๋าวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง น.ส.ชฎาพรอีก 1 ใบ จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลาง
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนนั้นรับขนยาเสพติดให้กับนายทุนซึ่งเป็นชาวลาวชื่อยัว ที่เป็นคนนำยาบ้าข้ามมาจากฝั่งลาวเพื่อนำมาส่งให้กับตนจากจังหวัดเชียงราย แล้วเปลี่ยนถ่ายรถขนยาบ้ากันบริเวณจังหวัดพะเยา เพื่อให้ตนมุ่งหน้าไปส่งยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยทำมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกได้ค่าจ้าง จำนวน 400,000 บาท จนครั้งที่ 2 ถ้าทำงานสำเร็จจะได้ค่าจ้าง จำนวน 500,000 บาท แต่มาถูกตรวจค้นและจับกุมตรงด่านตรวจเสียก่อน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป

KNOWING รหัสวินาศโลก 1

Killer Elite 3 โคตรโหดพันธุ์ดุ [พากย์ไทย] 1

تامل DVD چیرنا کوڈ.

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ประกบยิงอดีตผู้ใหญ่บ้านดับอนาถกลางตลาดสดท่ายาง


ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตทราบชื่อภายหลังคือนายมานะ คชกูล อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 ต.บางจาก อ.เมือง จ.เพชรบุรี ถูกยิงเสียชีวิตอยู่บนพื้นถนนลาดยางหน้าร้านจำหน่ายโทรศัพท์ติดกับตลาดสด อ.ท่ายาง ติดกับท้ายรถกระบะตอนครึ่งสีบรอนซ์ทองยี่ห้อโตโยต้าทะเบียน บธ660 เพชรบุรี ในกระบะท้ายมีตะกร้าใส่พืชผักและผลไม้วางซ้อนกันอยู่จำนวนหนึ่ง
 สภาพศพผู้ตายนอนคว่ำหน้ามีเลือดไหลนองพื้นถนน นุ่งกางเกงขาสั้นใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้น ใกล้ร่างผู้ตายพบถุงใส่ผักตกอยู่ 1 ถุง ห่างจากศพเล็กน้อย พบรถเข็นจอดอยู่ 1 คัน ที่มีพืชผักที่บรรจุอยู่ในถุงใส่อยู่ในรถเต็มคัน ตรวจสอบพบบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณลำตัว คอ แผ่นหลัง หน้าท้อง คอ หน้าอก หน้าต้นแขนซ้าย และชายโครงด้านซ้าย รวม 10 แผล พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 7 ปลอก ขนาด 11มม.จำนวน 1 ปลอก ตกกระจายอยู่บนพื้นถนน และในท้ายรถกระบะคันที่อยู่ใกล้ศพผู้ตาย
 สอบสวนทราบว่าผู้ตายอดีตเคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ต.บางจาก อ.เมืองเพชรบุรี มีอาชีพค้าขายสินค้าอุปโภคทั่วไปร่วมกับพี่น้อง ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถกระบะออกจากบ้านมาพร้อมน้องสาว คือนางจำเรียง ทับทิมทอง อายุ 41 ปี น.ส.จำรัส คชกูล อายุ 37 ปี โดยแวะซื้อผักและสินค้าในตลาดสดเมืองเพชรบุรีเพื่อนำมาขายบริเวณแผงขายในตลาดสด อ.ท่ายาง เมื่อเดินทางมาถึงตลาดสดท่ายาง ได้จอดรถอยู่บริเวณที่เกิดเหตุห่างจากแผงขายของประมาณ 100 เมตร
 โดยน้องสาวทั้ง 2 คน เดินนำของบางส่วนไปเปิดแผงเพื่อเตรียมขาย ส่วนผู้ตายอยู่ระหว่างนำพืชผักและสินค้าอุปโภคทั่วไปอีกหลายชนิดไปส่งที่แผงโดยมีนายฉลอง เนาวบุตรอายุ 40 ปี ที่รับจ้างเข็นของในตลาดนำรถเข็นมาใส่สินค้าเพื่อไปส่งยังแผงขาย ช่วงที่ผู้ตายกำลังนำผักและสินค้าที่อยู่ในท้ายรถกระบะใส่รถเข็นที่จอดอยู่ท้ายรถ ได้มีรถกระบะตอนครึ่งยี่ห้อโตโยต้ายกสูงสีบรอนด์เงินเบื้องต้นยังไม่ทราบหมายเลขทะเบียน วิ่งมาจอดประกบรถกระบะของผู้ตาย จากนั้นคนที่นั่งอยู่ท้ายรถกระบะ 1 คน สวมหมวกไหมพรมสีดำ และคนขับรถกระบะคันดังกล่าวได้ใช้ปืนสั้นกระหน่ำยิงนายมานะ และขับรถหลบหนีออกจากพื้นที่อย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้เห็นเหตุการณ์หลายราย
 ส่วนสาเหตุเบื้องต้นตำรวจสันนิฐานว่าน่าจะขัดแย้งส่วนตัวหรือไม่ก็ขัดแย้งธุรกิจมืดเพราะจากการตรวจสอบประวัติข้อมูลของผู้ตายเบื้องต้นตำรวจพบว่าผู้ตายมีประวัติพัวพันกับยาเสพติดและยังต้องสงสัยร่วมฆ่าผู้อื่นอีกด้วยอย่างไรก็ตามตำรวจได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณแยกต่างๆ ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ มาตรวจสอบอย่างละเอียดหาหมายเลขรถกระบะคันที่ก่อเหตุเพื่อติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฏหมาย 

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เรื่อง การตรวจค้นและการจับกุม...ร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ต ควรทำอย่างไร !

บทความเรื่อง การตรวจค้นและการจับกุมของพวกรีดไถลิกขสิทธิ์ ร้านเกมส์ ร้านอินเตอร์เน็ต ควรทำอย่างไร !
ข้อกฎหมาย
หลักการค้นและการจับที่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อเป็นการให้ความรู้แก่ร้านเกมส์เอาไว้ป้องกันตนเองจากพวกรใช้เงินซื้อให้เป็นตัวแทน รับมอบอำนาจเรื่อง การละเมิดลิขสิทธิ์ มารีดไถหรือขู่กรรโชก กับผู้ประกอบการที่ไม่รู้ข้อกฎหมาย ถือว่า เป็นพวกกาฝากสังคม
การค้น มี  1.ค้นในที่รโหฐาน  2.ค้นตัวบุคคล 
การค้นในที่รโหฐาน กรณีที่ต้องมีหมายค้น ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ม.238 และป.วิ อาญามาตรา 57 หมายค้นออกได้โดยศาลเท่านั้น
ที่รโหฐาน หมายถึง ที่ต่างๆซึ่งไม่ใช่ที่สาธารณสถาน  คือสถานที่ใดๆที่ประชาชนไม่มีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้เช่น เคหสถาน หมายความว่า ที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย ฯ ป.อาญา มาตรา 1(4)
การหากค้นที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้น และไม่เข้าข้อยกเว้น เจ้าพนักงานที่ทำการค้นอาจมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามป.อาญามาตรา 157 และผิดฐานบุกรุกด้วย
การค้นโดยไม่ต้องมีหมายค้น ทำได้ในกรณีดังนี้ ป.วิอาญามาตรา 92 (1)-(5)
(1)เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วยมาจากข้างในที่รโหฐาน
(2)เมื่อปรากฏความผิดซึ่งหน้าซึ่งกระทำลงในที่รโหฐาน
(3)เมื่อบุคคลที่ได้กระทำความผิดซึ่งหน้า ขณะที่ถูกไล่จับหนีเข้าไปหรือมีเหตุอันแน่นแฟ้นควรสงสัยว่าได้เข้าไปซุกซ่อนตัวอยู่ในที่รโหฐานนั้น
(4)เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าสิ่งของที่ได้มาโดยการกระทำความผิดได้ซ่อนหรืออยู่ในน้นและหากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ สิ่งขิงนั้นจะถูกโยกย้ายไปเสียก่อน
(5)เมื่อที่รโหฐานนั้นผู้จะต้องถูกจับเป็นเจ้าบ้าน และการจับนั้นมีหมายจับตามมาตรา 78
การค้นในที่รโหฐานต้องทำกลางวัน คือระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและตก เว้นแต่ ถ้ายังไม่เสร็จจะค้นต่อเวลากลางคืนก็ได้
ผลของการค้นโดยมิชอบ ผลในทางกฎหมายอาญา
1.ผู้จะถูกค้นต่อสู้หรือขัดขวางการค้น ไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและทำร้ายร่างกาย (ฎีกาที่ 575/2483,244/2491,1035/2536)
ฎีกาที่1036/2536 .....เมื่อผู้เสียหายกับพวกเข้าจับกุมจำเลยโดยไม่มีหมายค้นจึงเป็นการจับกุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการจับกุมโดยไม่มีอำนาจ จำเลยจึงชอบที่จะป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการจับกุมโดยไม่ชอบเช่นนี้ได้ หากจำเลยต่อยผู้เสียหายก็เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ และไม่เป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่และทำร้ายร่างกาย
2.เจ้าพนักงานที่ทำการค้นอาจมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามป.อาญามาตรา 157 และผิดฐานบุกรุกด้วย
ผลในทางกฎหมายแพ่ง
ผู้ค้นต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการกระทำละเมิดตามปพพ.มาตรา 420,438 (ฎีกาที่ 6301/2541)
ผลในทางกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
1.ของกลางที่ได้ไม่สามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ตามมาตรา 226 เพราะถือว่าได้มาโดยมิชอบ
2.การค้นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้การจับไม่ชอบตามไปด้วย (แม้จะจับตามหมายจับ) (ฎีกาที่ 1035/2536) แต่การค้นและการจับที่ไม่ชอบไม่ทำให้การสอบสวนและการฟ้องของอัยการเสียไป (ฎีกาที่ 495/2500,2699/2516)
วิเคราะห์
1.ร้านเกมส์ในเวลาที่เปิดให้บริการจึงเป็นสาธารณสถาน ไม่ต้องมีหมายค้น แต่ถ้าเป็นเวลาปิดทำการต้องมีหมายค้น
2.อาจจะมีผู้เห็นแย้งว่า ถ้าร้านเกมส์มีชั้นที่ 2 ใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย จะต้องมีหมายค้น(ดูฎีกาที่605/2521 ที่เขียนไว้ข้างบน)ในเวลาที่ร้านเปิดทำการควรต้องแยกร้านออกเป็น 2 ส่วน ส่วนชั้นล่างที่เป็นร้านเกมส์ ถือเป็นสาธารณสถานเพราะประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปเล่นเกมส์ได้ ไม่ต้องมีหมาย ส่วนชั้นบน รวมทั้งชั้นล่างที่ทำครัวหรือรับประทานอาหารถือเป็นเขตที่อยู่อาศัย เป็นที่รโหฐานต้องมีหมายค้น(เพราะฉะนั้นตำรวจจะเข้าไปหลังร้านหรือชั้นบนเพื่อค้นหาแผ่นเกมส์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์โดยไม่มีหมายค้นไม่ได้ ถ้าฝ่าฝืนเข้าไป เราต่อสู้ขัดขวางได้ ถ้าทำพอสมควรแก่เหตุไม่มีความผิด)
การจับ
จะอธิบายเฉพาะที่เกี่ยวกับร้านเกมส์ ถ้าจับในที่รโหฐานต้องมีทั้งหมายจับและหมายค้น 
เว้นแต่เข้าข้อยกเว้น
การจับโดยไม่มีหมายจับ ป.วิอาญา มาตรา 78 ,65,117 ให้อำนาจพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจหรือบุคคลอื่นมีอำนาจจับบุคคลโดยไม่มีหมายจับได้ ดังนี้
1.เมื่อได้กระทำความผิดซึ่งหน้า (ตามมาตรา 80)
2.เมื่อพบบุคคลนั้นกำลังพยายามกระทำความผิด หรือพบโดยมีพฤติการณ์อันควรสงสัยว่าผู้นั้นจะกระทำความผิดฯ
3.เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้นั้นได้กระทำความผิดมาแล้วและจะหลบหนี
4.เมื่อมีผู้ขอให้จับโดยแจ้งว่าบุคคลนั้นได้กระทำความผิด และแจ้งด้วยว่าได้ร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบแล้ว
5.ตามมาตรา 65 (ไม่เกี่ยวกับร้านเกมส์)
6.กรณีนายประกันจับตามมาตรา 117
ความผิดซึ่งหน้า หมายถึงความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำหรือพบในอาการใดซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่าเขาได้กระทำความผิดมาแล้วสดๆ
อำนาจจับของราษฎร  ข้อกฎหมายราษฎรไม่มีอำนาจจับ
ข้อยกเว้น....ให้ราษฎรมีอำนาจจับได้ ดังนี้
1.เป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้าตามม.80 และความผิดซึ่งหน้านั้นต้องได้ระบุไว้ในบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วย (ป.วิอาญาม.79) ได้แก่
1.1ความผิดฐานประทุษร้ายต่อพระบรมราชตระกูล ป.อาญา ม.79 และ 99
1.2ความผิดฐาขบถ ม.101-104
1.3ความผิดฐานขบถนอกราชอาณาจักร ม.105-111
1.4ความผิดต่อทางพระราชไมตรีกับต่างประเทศ ม.112
1.5ความผิดฐานทำอันตรายแก่ธงหรือเครื่องหมายของต่างประเทศ ม.115
1.6ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ม.119-122 และ 127
1.7ความผิดฐานหลบหนีจากที่คุมขัง ม.163-166
1.8ความผิดต่อศาสนา ม.172,173
1.9ความผิดฐานก่อการจราจล ม.183,184
1.10ความผิดฐานกระทำให้เกิดภยันตรายแก่สาธารณชน ม.185-194 ,196,197 และ199
1.11ฐานปลอมแปลงเงินตรา ม.202-205 , 210
1.12ฐานข่มขืนกระทำชำเรา ม.243-246
1.13ฐานประทุษร้ายแก่ชีวิต ม.249,251
1.14ฐานประทุษร้ายแก่ร่างกาย ม.254-257
1.15ฐานกระทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ ม.268,270 ,276
1.16ฐานลักทรัพย์ ม.288-296
1.17ฐานวิ่งราว ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ และโจรสลัด ม.297-302
1.18ฐานกรรโชก ม.303
2.เจ้าพนักงานผู้จัดการตามหมายจับขอความช่วยเหลือให้จับ (ป.วิอาญาม.82)
ข้อสังเกต ถ้าไม่ใช่กรณีเจ้าพนักงานจัดการตามหมายจับ ราษฎรก็ไม่มีอำนาจจับ
ตัวอย่างเช่น ราษฎรจอมรีดไถมาจับร้านเกมส์แม้จะมาจับพร้อมตำรวจและตำรวจเรียกให้ช่วยจับ ตัวราษฎรก็ไม่มีอำนาจจับแม้จะเป็นความผิดซึ่งหน้า และตำรวจเรียกให้จับ เพราะความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าตามที่ระบุไว้ในท้ายป.วิอาญา(ดูที่ผมเขียนไว้ข้างบน ข้อ1.1-1.18 ) และตำรวจทีมาจับร้านเกมส์ไม่มีหมายจับ จึงไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะทำให้ราษฎรมีอำนาจจับ
แต่อย่างไรก็ตาม ราษฎรไม่มีอำนาจจับในที่รโหฐานแม้ว่ากำลังพบเห็นความผิดซึ่งหน้าและเป็นความผิดที่ระบุไว้ในบัญชีท้ายประมวลฯ
ผลของการจับโดยไม่ชอบ
กรณีตำรวจ
1.ผู้ถูกจับอ้างป้องกันได้ ไม่ผิดฐานต่อสู้ขัดขวาง/ทำร้ายร่างกาย
2.ตำรวจมีความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังตามป.อาญา ม.310
3.ตำรวจมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ถูกจับ ป.อาญาม.157
4.ตำรวจต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการทำละเมิดตามป.พ.พ.ม.420,438
5.การจับโดยไม่ชอบทำให้การคุมขังต่อเนื่องจากการจับนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหมายตามไปด้วย ผู้ถูกคุมขังยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ปล่อยตัวได้ ตามรัฐธรรมนูญม.240 และป.วิอาญาม.90 (ฎีกาที่ 466/2541)
กรณีราษฎรจับโดยไม่ชอบ
1.ผู้จะถูกจับโต้ตอบกลับมาโดยอ้างป้องกัน ตามป.อาญามาตรา 68 ได้ (ฎีกาที่ 2353/2530)
2.ราษฎรผิดฐานทำให้ผู้อื่นเสียเสรีภาพตาม ป.อาญามาตรา 310
3.ผู้ที่ต่อสู้ขัดขวางการจับโดยไม่ชอบของราษฎรนั้น ไม่มีความผิดตามป.อาญามาตรา 138 เพราะการที่จะผิดตาม ม.138 ต้องเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือ"ผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฎิบัติหน้าที่" ซึ่งหมายความว่า "ผู้ซึ่งต้องช่วยนั้น"ต้องมีอำนาจในการจับก่อน
ตรงนี้สำคัญ ตำรวจไม่มีอำนาจจับกุมใดๆ ถ้าหากเป็นความผิดซึ่งยอมความได้หรือความผิดต่อส่วนตัวและความผิดนั้นผู้เสียหายตามกฎหมายไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ (ความผิดตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ เป็นความผิดต่อส่วนตัว ต้องแจ้งความร้องทุกข์ก่อน ตำรวจจึงจะมีอำนาจจับ)
สรุป
1.จับร้านเกมส์ต้องแจ้งความร้องทุกข์ก่อน ตำรวจจึงจะมีอำนาจจับดูเวลาในบันทึกจับกุม กับเวลาที่ลงในบันทึกการแจ้งความ
2.ต้องจับในเวลากลางวัน
3.ถ้าตำรวจมาจับโดยไม่มีหมายจับ ต้องจับในขณะกระทำความผิดซึ่งหน้าคือจับขณะมีคนกำลังเล่นเกมส์ละเมิดลิขสิทธิอยู่เท่านั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นตำรวจมาแต่ไกล ให้รีบปิดสวิทซ์ไฟแล้วยกเครื่องที่เปิดเกมส์ละเมิดลิขสิทธิ์หนีไปเก็บไว้ในส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย หรือใช้วิธีตามแต่ท่านจะคิดได้โดยเน้นว่าไม่ให้เป็นความผิดซึ่งหน้า
4.ค้นและจับได้เฉพาะในส่วนที่เป็นร้านเกมส์ ถ้าเป็นส่วนที่อยู่อาศัยก็ค้นและจับไม่ได้ต้องมีหมายค้นและหมายจับ
5.อย่าให้ยกเครื่องไป หรือให้ยกได้เฉพาะเครื่องที่ละเมิด ไม่ใช่ยกไปทั้งหมด ถ้ายกไปทั้งหมดผู้ยกมีความผิดตามกฎหมายอาญา
6.ราษฎรจับร้านเกมส์ไม่ได้ไม่ว่ากรณีใดๆ แม้ตำรวจจะขอให้ช่วยจับ ถ้าฝ่าฝืนราษฎรจะมีความผิดทางอาญา
7.แผ่นเกมส์ละเมิดลิขสิทธิ์ต้องเก็บไว้ในส่วนที่อยู่อาศัย เพราะจะค้นได้ต้องมีหมายค้น ถ้ามันฝ่าฝืนจะเข้าไปค้นทำการป้องกันได้ และฟ้องกลับได้ หรือ วิธีง่ายๆ ทำลายหักแผ่นทิ้ง ก็จบ ของที่ใช้การไม่ได้ ก็ไม่เป็นการละเมิด อ้างได้ว่า ลูกค้าหรือพวกล่อซื้อลิขสิทธิ์ มีเจตนาร้ายต่อผู้ประกอบการ เมื่อพบมีเจตนาบริสุทธิ์จึงทำลายเสีย หากซื้อบื้อจะจับก็อาจถูกฟ้องกลับ แบบหมดรูปได้
แถม ผู้ที่เข้ามาใช้บริการอินเตอร์เน็ต แล้วดาวโหลดเพลงมาที่โทรศัพย์หรือแฟลตไดร์เอง ต่อมาพวกรับมอบอำนาจเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ ซึ่งได้วางแผนนี้มาก่อนแล้วรีบเข้ามาเจอ บอกว่า เรากระทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ แล้วก็ขู่ให้กลัว ปลอบให้ยินยอมความ เรียกเอาเงินชดใช้ค่าเสียหาย
ข้อกฎหมาย บัญญัติไว้ว่า ผู้ประกอบการมิใช่ผู้กระทำผิด ให้นำวีดีโอมาถ่ายบันทึกภาพและเสียงของพวกรับมอบอำนาจเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ไว้ ถ้าจะสั่งสอนมันก็ให้โทรศัพท์ไปที่สน.ที่เกิดเหตุ แจ้งว่า มีเหตุกรรโชกทรัพย์ เราเป็นเจ้าทุกข์รออยู่ โดยไม่ต้องสนใจตำรวจที่มันพามา งานนี้โทรหานักข่าวด้วย ก็จะได้ฝังคนเลวๆแบบตอกฝาโลงได้เลย
อุทาหรณ์
นักนิติศาสตร์ทุกท่านไม่ว่า จะประกอบอาชีพ อาจารย์สอนกฎหมาย ทนายความ อัยการ ผู้พิพากษา
 ใจต้องมีมโนธรรม ใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรม บ้านเมืองก็สงบสุข 
ส่วน พวกรับมอบอำนาจเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ ส่วนใหญ่ไม่ใช่นักกฎหมาย รู้ข้อกฎหมายปูๆปลาๆ อาศัยใจกล้า ใช้อำนาจผิดๆถูกๆ กับ คนที่ไม่รู้ข้อกฎหมาย สังคมไทยเลยเสื่อม.
รู้เขารู้เรา ใช้ข้อกฎหมายต่อสู้กัน ก็เสมือนว่า มีมีดคนละเล่ม
 อย่างที่ท่านชมวีดีโอตัวอย่างด้านซ้าย ร้านเกมส์เปิดเวลาทำการ ถือว่า เป็นที่สาธารณะ ประชาชนใครก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ เมื่อ พวกรับมอบอำนาจเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ จะเข้ามาขอตรวจค้น เจ้าของร้านบอกไม่ให้เข้า ให้ไปนำหมายค้นของศาลมา ข้อความตรงนี้สำคัญเพราะ 1. ข้อกฎหมายว่า ต้องกระทำความผิดสำเร็จ ไปแจ้งความ นำหมายจับมาจับตัวได้ แต่ค้นไม่ได้ถ้าไม่มีหมายค้น 2. จับได้ถ้าเป็นความผิดซึ่งหน้า 3. เจ้าของร้านลั่นวาจาว่า ไม่อนุญาตให้เข้าร้าน พวกรับมอบอำนาจเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ก็หมดมุขหมดปัญญาทำอะไรเราแล้ว  สังเกตุดีๆ ตำรวจรู้ข้อกฎหมายที่มาด้วยยังไม่อยากเสี่ยงเข้าค้นเลย เพราะ กฎหมายลิขสิทธิ์เป็นความผิดต่อตัวต่อบุคคล คดีสามารถยอมความได้ เมื่อตำรวจยังไม่เสี่ยงเข้าค้นหนังชีวิตก็จบ ส่วนชายที่จะขอเข้าค้นก็ไม่กล้าแสดงตน เพราะ กลัวเหมือนกันว่า ถ้ากระทำพลาดไปเข้าข่ายผิดกฎหมาย ข้อหากรรโชกทรัพย์ ก็จะโดนเจ้าของร้านสวนแจ้งความกลับ สรุป งานนี้ชายคนนั้นรีบหายตัวไป ส่วนวีดีโอตัวอย่างด้านขวา เจ้าของร้านต่อสู้ใช้สิทธิตามกฎหมายเบื้องต้นทุกประการ
ถ้ากรณีรู้ว่า พวกนี้จะมาก่อกวน วิธีหลีกเลี่ยง 1. ปิดร้าน 2. ปิดไม่ทันก็ทำป้ายแขวน ข้อความว่า ร้านปิด หรือ หยุด 1 วัน 3. ปิดไม่ทัน ไม่มีป้าย ดับไฟทั้งร้านถอดฟิวส์ออก 4. หาคนมาแทนเราว่า เป็นผู้จัดการร้าน 
5. พวกที่กล้ามากทั้งตำรวจ ทั้งพวกขยะ กล้าเข้ามาค้น ก็ไม่ต้องลงชื่อใดๆ ในเอกสารที่พวกมันเขียนขึ้นมาหรือนำมา รวมทั้งคนในร้านก็ไม่ต้องลงชื่อใดๆเพื่อจะเป็นพยานการกระทำของพวกมัน โดยอ้างว่า ต้องพบกับผู้รู้กฎหมายหรือทนายก่อน เลือกวิธีเอาตามเหตุการณ์ 
สำคัญ กรณีมีหมายค้นของศาล ต้อระบุ วัน เวลา ผู้ขอหมาย เรื่องที่ค้นเกี่ยวกับอะไร สถานที่บ้านเลขที่ตรงไหม ศาลท่านจะระบุหมด อ่านให้ดีถ้าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็เข้าค้นไม่ได้ เราสามารถกำหนดให้เข้ามาค้น สัก 2-3 คนได้ มิใช่มันเข้ามาเป็นกองทัพ ป้องกันการกลั่นแกล้ง เราสามารถเรียกใครก็ได้มากันเยอะๆมาเป็นเพื่อนเราและเราสามารถถ่ายวีดีโอการกระทำของทุกคนได้เป็นสิทธิตามกฎหมาย เมื่อค้นเสร็จ ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ตำรวจต้องให้เราลงชื่อรับทราบ ข้อกฎหมายบัญญัติว่า เมื่อตำรวจตรวจค้นเสร็จ ต้องถ่ายสำเนาหมายค้นของศาลให้กับเจ้าของบ้านหรือคนในบ้านเราที่นำตำรวจเข้าค้น 1 ฉบับ ถ้าไม่ให้หรือประมาทลืม มีความผิดตามกฎหมาย ให้เราเข้าร้องทุกข์กับสำนักงานอัยการในวันรุ่งขึ้นทันที จะมีหน่วยงานที่เรียกว่า ให้คำปรึกษษข้อกฎหมายกับประชาชน พานักข่าวไปด้วย เมื่อได้รับคำแนะนำว่าจะทำอย่างไร ก็ไปสน.เข้าแจ้งความกล่าวหา ตำรวจชุดเข้าค้นว่า ละการปฎิบัติหน้าที่ ม. 157  ห้ามไปร้องตำรวจก่อนเพราะ ตำรวจจะแก้เกมส์ว่า ถ่ายสำเนามาแล้ว ลืมแล้วรีบมาให้ หรือ ถ้าข้ามวันอ้างลืมไม่ได้ ก็จะมีนายตำรวจมาขอร้องให้ยอมกัน โดยอ้างเป็นเรื่องเล็กน้อย ความจริงเป็นเรื่องใหญ่โทษถึงออกจากราชการ แล้วมีโทษจำคุกเป็นเดิมพัน...








พตอ.คดีปล้นรถขนเงินเปิดห้อง-แบ่งเงิน

บุกรีสอร์ตดังกำแพงเพชร พิสูจน์จุดพ.ต.อ.คุมทีมปล้นรถขนเงินมาพักและแบ่งเงินผจก.รีสอร์ตยันมากันจริง 4 คน ตกใจเมื่อรู้ข่าวเป็นแก๊งปล้นรายใหญ่ ผกก.ไทรงามติดต่อผู้การกำแพงเพชรอีก นัดมอบตัวหลังเบี้ยวไม่ยอมมาตามนัด รองผบ.ตร.ปานศิริย้ำไม่มีเงื่อนไขการมอบตัว ถ้ายังเบี้ยวก็ต้องตามจับ สั่งเค้นประเด็นทำไมคิดสั้นก่อเหตุ ผู้การสิงห์บุรีคุม 2 สมุน พ.ต.อ.ทำแผนฯตั้งแต่ตามรถขนเงินจากนคร สวรรค์จนถึงนาทีลงมือที่อินทร์บุรี
จากคดีอุกฉกรรจ์สั่นสะเทือนวงการสีกากีไทย กรณีศาลจังหวัดสิงห์บุรีออกหมายจับ พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ ผกก.สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ส.ต.อ.นารายณ์ ทิพย์ปรีชาธร ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.ภ.จ.นครสวรรค์ นายนิรุธ เพชรรัตน์ อายุ 37 ปี ชาวจ.อุทัยธานี นายพรชัย พูลเกษม อายุ 27 ปี ชาวจ.กำแพง เพชร นายศิวัช วารี อายุ 32 ปี ชาวจ.อุทัยธานี นายมนธร ถาวัน อายุ 18 ปี ชาวจ.นครสวรรค์ และนายคมกฤช กล้าณรงค์ อายุ 36 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาร่วมกันปล้นรถขนเงินแบงก์กสิกรไทย 2 ล้านบาท กลางตลาดอินทร์ บุรี กลางวันแสกๆ ตอนสายวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตามแนวทางการสืบสวนสอบสวน พ.ต.อ.พิจิตรผู้บงการขับรถเก๋งแอคคอร์ด สีบรอนซ์ทอง คุ้มกันรถกระบะลูกน้องทีมปล้นที่ขับติดตามรถขนเงินมาตั้งแต่ จ.นครสวรรค์ ก่อนลงมือโดยใช้อาวุธปืนอาก้า และ .38 ปล้นในพื้นที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งกล้องวงจร ปิดจับภาพไว้ได้ ทีมคลี่คลายคดีของบช.ภาค 1 นำโดยพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาการผบช.ภาค 1 ยังได้ภาพทีมปล้นขับรถเข้าไป รีสอร์ตแห่งหนึ่งหลังลงมือสำเร็จ สามารถจับภาพ พ.ต.อ.พิจิตรได้ชัดเจน นำมาสู่การจับกุมทีมปล้นมาได้แล้ว 3 คน ประกอบด้วยนายนิรุธ นายพรชัย และนายคมกฤช ขณะที่พ.ต.อ.พิจิตรนัดมอบตัวแต่เบี้ยวไม่มาตามนัด พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. จึงสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมกับส.ต.อ.นารายณ์ ผู้ต้องหาอีกคน ขณะที่ชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ว่า สภ.ไทร งามเป็นโรงพักอาถรรพ์ ก่อนหน้านี้ผกก.ถูกยิงดับ สว.สส.ผูกคอตาย ล่าสุดผกก.คนปัจจุบันก็ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ จึงเตรียมทำบุญใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น


ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. พล.ต.ต.ประเสริฐ กาฬรัตน์ ผบก.ภ. จ.กำแพงเพชร ในฐานะผู้บังคับบัญชา ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ พ.ต.อ.พิจิตร กรมประเสริฐ ผกก.สภ.ไทรงาม ติดต่อยืนยันจะเดินทางมามอบตัวที่บก.ภ.จ.กำแพงเพชร แน่นอน แต่เวลายังไม่ชัดเจน ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ได้หลบหนีไปไหน และยังอยู่ในพื้นที่ คาดว่าน่าจะอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อต่อสู้คดี
ขณะที่ พล.ต.ต.โกศล บัวประเสริฐ ผบก.ภ. จ.สิงห์บุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการเข้ามอบตัวของพ.ต.อ.พิจิตร หลังจากไม่ยอมมามอบตัวเมื่อวันที่ 15 พ.ค. ตามที่นัดหมายไว้ ล่าสุดพ.ต.อ.พิจิตรติดต่อขอเข้ามอบตัวอีกครั้งวันนี้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเข้ามอบตัวที่ใด ระหว่างบช.ภาค 6 บก.ภ.จ.กำแพงเพชร บก.ภ.จ.สิงห์บุรี หรือสภ.อินทร์บุรี พื้นที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนกำลังติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 2 คน ประกอบด้วย นายมนต์ธร หาวัน และนายศิวัช วารี อย่างกระชั้นชิด
พล.ต.ต.โกศลเปิดเผยอีกว่า คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนอะไรมาก แต่พื้นที่การสืบสวนค่อนข้างกว้าง ทำให้ต้องใช้เวลาหาข้อมูลนาน ขณะนี้สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว สำหรับรีสอร์ตที่คนร้ายเอาเงินไปแบ่งกัน และภาพกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพพ.ต.อ.พิจิตรได้นั้นตั้งอยู่ในพื้นที่อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งชุดสืบสวนเก็บหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว และอยู่ในสำนวนการสอบสวนทั้งหมดแล้วเช่นกัน สำหรับวันนี้จะนำผู้ต้องหา 3 คนแรก ที่จับกุมตัวได้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ. ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานจากผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร ว่าได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากพ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ ผกก.สภ.ไทรงาม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสิงห์บุรี คดีร่วมกันปล้นทรัพย์รถขนเงิน โดยพ.ต.อ.พิจิตรแจ้งว่าจะเข้ามอบตัวกับผบก.ภ.จว.กำแพงเพชรวันนี้ จากนั้นผบก.ภ. จว.กำแพงเพชรจะส่งตัวต่อให้ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี นำตัวไปสอบสวนต่อที่สภ.อินทร์บุรี ท้องที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ ทราบว่าพ.ต.อ.พิจิตรอยู่ในตำแหน่งนี้นานปีกว่าแล้ว จึงย้ำสั่งการให้สืบสวนสอบสวนว่าเหตุใดจึงมาก่อเหตุเช่นนี้ ทั้งนี้ได้รายงานต่อพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.แล้ว
รองผบ.ตร.กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนสอบ สวนขยายผลพบหลักฐานการใช้โทรศัพท์ที่ เกี่ยวพันกับการก่อเหตุ มีการนำหลักฐานไปเผาทำลายหลังเกิดเหตุ ทั้งกล่องเก็บเงิน โทรศัพท์ ซึ่งชุดสืบสวนหาพบตามรายทางต่างๆ นอก จากนี้หลังก่อเหตุยังพบหลักฐานการไปเช่าพัก รีสอร์ต มีภาพต่างๆ ชัดเจน โดยเฉพาะพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ อาทิ รถของผกก.สภ. ไทรงามที่ไปปรากฏในที่เกิดเหตุ หลักฐานการใช้โทรศัพท์ในที่เกิดเหตุ ได้ย้ำให้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดเหตุให้แน่นหนาที่สุด
"หากผกก.สภ.ไทรงามไม่มามอบตัวก็ต้องจับ กุมทันที เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ายังอยู่ในประเทศ" รองผบ.ตร.กล่าวและว่า ในส่วน การตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนั้น สั่งการพล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผบช.ภาค 6 ตรวจสอบประเด็นที่ผู้บังคับบัญชาต้องสอดส่องพฤติกรรม ผู้ใต้บังคับบัญชาตามคำสั่งกรมตำรวจที่ 1212/2537 กรณีนี้หากผลสอบวินัยพบมีผู้ปล่อยปละละเลย หรือเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็ดำเนินการเช่นเดียวกัน สำหรับทางคดีพยานหลักฐานคดีนี้ ผู้ต้องหาเกี่ยวข้องยังอยู่ในวง 7 คน ส่วนจะมี ผู้อิทธิพลหรือผู้อยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่ สั่งการสืบสวนขยายผลแล้ว ส่วนเหตุจูงใจนั้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาที่จับได้ประกอบกับการสืบ สวน และวันนี้หากมีการมอบตัวเพิ่มเติม สอบ สวนผู้ต้องหาแล้วจึงจะบอกได้ แต่ขณะนี้ทราบประเด็นกว้างๆ แล้ว เป็นเรื่องของตัวผกก.เอง และเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลอีกส่วนหนึ่ง ตอนนี้ขอพูดแค่นี้เพราะกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ


พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า ผกก.สภ.ไทรงามไม่มีสิทธิ์ต่อรองใดๆ ยื่นเงื่อนไขไม่ได้ในการเข้ามอบตัว การให้ประกันตัวหรือไม่อยู่ที่ดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน ส่วนจะยอมรับว่าก่อเหตุจริงหรือไม่ต้องรอคำให้การในสำนวน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีชุดติดตามจับกุมผกก.สภ.ไทร งามแล้ว หากไม่มามอบตัวก็ต้องจับ
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกตร.กล่าวว่า สำหรับส.ต.อ.นารายณ์ ผู้ต้องหาอีกคนยังไม่ติดต่อเข้ามอบตัวกับใครแต่อย่างใด ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาการผบช.ภาค 1 ฝากแจ้งความคืบหน้ามาว่า ตอนนี้หมดเวลาเข้ามอบตัวแล้ว ได้จัดชุดไล่ล่าออกติดตามแล้ว เชื่อว่าจะจับกุมได้ไม่ยาก
ผจก.รีสอร์ตเปิดเผยว่า รู้จักกับนายตำรวจที่ตกเป็นข่าวเป็นอย่างดี เพราะมาเปิดห้องพักบ่อยครั้ง แต่ทราบเพียงว่าเป็นตำรวจ ไม่ทราบยศ ตำแหน่ง วันที่มาพักประมาณวันที่ 26 มี.ค. มากันจำนวน 4 คน แต่ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวพันกับเรื่องคดีร้ายแรงนี้ โดยเปิดห้องหมายเลข 12 และ 14 เข้าพักเวลาประมาณ 3 ทุ่ม จนถึงเวลาเที่ยงของอีกวันก็เช็กเอาต์ออกไป
ผจก.รีสอร์ตเปิดเผยอีกว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวคนชื่อตั้ม ไม่ทราบนามสกุล มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทางรีสอร์ตให้ความร่วมมืออย่างดีตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็นจนถึง 2 ทุ่ม ตอนนี้รู้สึกกลัวมากว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น หลังจากรีสอร์ตเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีร้ายแรงนี้ สำหรับกล้องวงจรปิดนั้นทางรีสอร์ตยังไม่ได้ติดตั้ง เจ้าหน้าที่อาจจะสืบและค้นหาได้จากกล้องตัวอื่นๆ ที่ติดตั้งอยู่บริเวณถนนเจริญสุข ทางเข้ารีสอร์ตมากกว่า
เมื่อเวลา 12.00 น. พล.ต.ต.โกศล บัวประ เสริฐ ผบก.ภ.จ.สิงห์บุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่นำตัวนายนิรุธ เพชรรัตน์ และนายพรชัย พูลเกษม 2 ใน 3 ผู้ต้องหาที่จับกุมได้แล้ว ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยรับช่วงต่อจากการทำแผนฯที่จ.นครสวรรค์ เริ่มจากนั่งดื่มกาแฟรอรถขนเงินที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. อ.เมือง จ.นคร สวรรค์ จากนั้นขับรถติดตามตามเส้นทางผ่านเขาเขียวเข้าจ.ชัยนาท และเตรียมลงมือปล้นที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาตลาดชันสูตร ต.โพชนไก่ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี แต่เห็นว่าถนนคับแคบเกรงจะหนีไม่สะดวก จึงล้มแผนแล้วติด ตามต่อไปยังสาขาอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี กระทั่งสบโอกาสลงมือเนื่องจากถนนกว้าง และใกล้กับถนนสายเอเชีย
นายนิรุธให้การว่า ตนนั่งอยู่เบาะหน้าด้านซ้ายของรถ เมื่อเห็นพนักงานขนเงินไขประตูตู้นิรภัยท้ายรถเพื่อนำเงินมาเก็บ ได้รีบลงจากรถใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ทันที จนพนักงานขนเงินทั้ง 2 คนต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด จากนั้นนายมนต์ธร หาวัน เข้าไปลากถุงบรรจุเงินที่คาอยู่ประตูตู้นิรภัย จังหวะเดียวกับคนขับรถขนเงินรีบเร่งเครื่องหนี พวกตนจึงรีบวิ่งกลับขึ้นรถขับไล่ตามอย่างกระชั้นชิด
ด้านนายพรชัยกล่าวว่า ตนนั่งอยู่ประตูหลังด้านซ้ายของรถ หลังจากรถขนเงินขับหลบหนีได้ติดตามไปได้ประมาณ 500 เมตร เห็นว่าไล่ทันแล้ว จึงลดกระจกลงพร้อมใช้ปืน .38 ยิงใส่รถขนเงินเพื่อบังคับให้จอด แต่ไม่เป็นผลจึงตามไปยิงสกัดอีกครั้งบนถนนสายเอเชีย แต่รถขนเงินยังไม่ยอมจอดจึงตัดใจขับรถหลบหนีไปตามถนนสายเอเชีย ขาขึ้น เลี้ยวเข้าจ.สระบุรี ผ่าน อ.มวกเหล็ก เพื่ออ้อมกลับไปทางจ.นครสวรรค์ มุ่งหน้าจ.กำแพงเพชร จากนั้นขับรถเข้าไปยัง รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองกำแพงเพชร เพื่อแบ่งเงินกัน พวกตนได้เงินมา 2 แสนบาท ส่วนผกก.ไทรงามได้เท่าไหร่ไม่ทราบ ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนีกระทั่งถูกจับกุมในที่สุด
ภายหลังหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหากลับไปยัง สภ.อินทร์บุรี เพื่อเตรียมเอกสารส่งตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดสิงห์บุรี
พ.ต.ท.เดช เขาทอง สว.สส.สภ.อินทร์บุรี กล่าวว่าในอดีตเคยร่วมงานกับพ.ต.อ.พิจิตร ที่สภ.เมืองนครสวรรค์ เมื่อปี 2547 ขณะนั้น พ.ต.อ.พิจิตร ยศร.ต.อ. ตำแหน่งรองสวส. ถือ เป็นนายตำรวจที่ขยันทำงานมาก สามารถปิดคดีฆาตกรรม 5 ศพที่เขาเขียว ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังในเวลานั้นได้ในเวลาไม่นาน แต่ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร หรือคิดอย่างไร จึงลงมือก่อเหตุร้ายแรงดังกล่าวขึ้น
ค่ำวันเดียวกัน พล.ต.ต.ประเสริฐ กาฬรัตน์ ผบก.ภ.จ.กำแพงเพชรให้สัมภาษณ์ว่า ตลอดทั้งวันที่ผ่านมาพ.ต.อ.พิจิตรยังไม่ติดต่อเข้ามอบตัวตามที่นัดหมายแต่อย่างใด รวมทั้งไม่สามารถติดต่อได้ จึงสั่งการจัดชุดออกติดตามจับกุมแล้ว เบื้องต้นยังไม่พบตัว จึงสันนิษฐานได้ว่าอาจจะหลบหนีการจับกุมและพยายามหาหนทางสู้คดีอยู่ ทั้งนี้จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้
จากนั้นผบก.ภ.จ.กำแพงเพชรรายงานความคืบหน้าถึงพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัติ รองผบ.ตร. ซึ่งรองผบ.ตร.สั่งการเร่งติดตามจับกุมตัวพ.ต.อ.พิจิตรมาให้ได้โดยเร็ว และประสานด่านตม.เพื่อสกัดไม่ให้หนีออกนอกประเทศ

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข่าวเด่น...ศาลออกหมายจับพ.ต.อ.พัวพันคดีปล้นเงิน 2 ล้าน




ความคืบหน้าตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน(บก.สส.)กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 นำกำลังจับกุมนายคมกริช กล้าณรงค์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ร่วมกันพยายามฆ่า ร่วมกันมีและพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไปในเมืองหรือหมู่บ้าน  หลังร่วมกับพวก ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ศธ 6097 กรุงเทพมหานคร ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงถล่มและปล้นรถขนเงินของธนาคาร กสิกรไทย จำกัด(มหาชน)บริเวณถนนสุขาภิบาล 1 ทางเข้าตลาดอินทร์บุรี ต.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เป็นเหตุให้นายธเนศ วรยาโณ อายุ 35 ปี พนักงานประจำรถขนเงิน ของธนาคาร กสิกรไทย  ถูกยิงเข้าที่ขาขวา 1 นัด อาการสาหัส และคนร้ายหยิบเอาถุงเงินได้เงินสดไปประมาณ 4.1 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา

 ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม รายงานข่าวแจ้งว่า บก.สส.ภ.1 ได้จับกุมตัวนายนิรุธ เพชรรัตน์และนายพรชัย พูลเกษม ได้เพิ่มเติม โดยนายนิรุธ เป็นผู้ใช้อาวุธปืนอาก้า และนายพรชัย ใช้อาวุธปืนสั้นยิง  ขณะลงมือปล้นรถขนเงิน สำหรับทั้งสองคนเป็นลูกน้องของนักการเมืองระดับชาติคนหนึ่ง และรับสารภาพกับทีมสืบสวน บก.สส. บช.ภ.1 ว่าเคยรับงานยิงผู้รับเหมาก่อสร้างใน อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ 

รายงานข่าวแจ้งว่าทางพนักงานสอบสวน สภ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี  ได้ทำการออกหมายจับ นายมนต์ธร หาวัน อายุ 18 ปี อยู่อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี และนายศิวัช  วารี อายุ 32 ปี อยู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี  จากพยานหลักฐานพบว่านายมนต์ธร ทำหน้าที่หิ้วถุงเงิน และนายศิวัช หาอาวุธปืนและรถยนต์สำหรับก่อเหตุ  

สำหรับ พ.ต.อ. ผู้กำกับการสถานีตำรวจแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ จากพยานหลักฐานพบว่าในวันที่เกิดเหตุนายตำรวจคนดังกล่าวยังทำหน้าที่คุ้มกันให้กับกลุ่มคนร้ายโดยขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสันเซฟีโร่สีดำ ขับทำหน้าที่คุ้มกันให้กับกลุ่มคนร้ายและ ส.ต.อ.นายหนึ่งสังกัด กองบังคับการในจังหวัดทางภาคเหนือ โดยทำหน้าที่ร่วมกัน  และจากการสืบสวนทราบว่า พ.ต.อ.คนดังกล่าวยังเป็นผู้คอยวางแผนก่อเหตุอีกด้วย  โดยนายตำรวจและส.ต.อ.นั้นทางพนักงานสอบสวน สภ.อินทร์บุรี ก็ได้มีการออกหมายจับไว้แล้ว

 วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)   แถลงถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายปล้นรถขนเงินของธนาคารกสิกรไทย เหตุเกิดที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.สั่งการไปยัง พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผบช.ภ.6 ให้สั่งการให้ พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ ผกก.สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร และส.ต.อ.นารายณ์ ทิพย์ปรีชาธร ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.ภ.จ.นครสวรรค์  ออกจากราชการไว้ก่อน โดยให้มีผลทันที  ขณะเดียวกันได้ตั้ง คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยมี พ.ต.อ.ประวิทย์ เจียมตระกูล รองผบก.ภ.จ.กำแพงเพชร เป็นประธาน  พร้อมให้ พล.ต.ต.ศิรินทร์ ผดุงชีวิตร์ รอง ผบช.ภ.6 ลงไปกำกับดูแลการสืบสวนอย่างเคร่งครัด

 พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า คดีนี้มีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลและทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยมีภาพถ่ายของ พ.ต.อ.พิจิตร ซึ่งขณะนั้นยังดำรงตำแหน่ง รองผกก.ปป.สภ.ขาณุวรลักษณ์บุรี จ.กำแพงเพชร ปรากฏอยู่บริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ ซึ่ง ส.ต.อ.ณารายณ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้แล้ว ส่วน พ.ต.อ.พิจิตร ทราบว่ากำลังจะเข้ามอบตัว

 “คดีนี้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ความสำคัญ ซึ่งหากพบตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะไม่ปล่อยไว้ ขณะเดียวกันเมื่อทำการสืบสวนข้อเท็จจริงหากพบมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องอีกก็จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาดนอกจากการดำเนินการทางวินัยและทางอาญากับตำรวจทั้ง 2 นาย แล้ว พล.ต.อ.ปานศิริ ได้สั่งการให้มีการดำเนินการเอาผิดกับผู้บังคับบัญชาของนายตำรวจทั้ง 2 นาย ตามคำสั่งตร.ที่1212/2537  อีกด้วย”โฆษกตร. กล่าว

พล.ต.ต.ประเสริฐ กาฬรัตน์ ผบก.ภ.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า ศาลอนุมัติหมายจับพ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ ผกก.ไทรงามแล้ว ข้อหาบงการปล้นรถขนเงินธนาคารกสิกรไทย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี และส.ต.อ.นารายณ์ ทิพย์ปรีชาธร สังกัดกองกำกับการสืบสวนภูธรนครสวรรค์ ข้อหาจัดหาอาวุธปืน หลังตำรวจทั้ง 2 นายออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมกับตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับก่อนหน้านี้ให้การซัดทอด โดยพ.ต.อ.พิจิตร ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวในวันนี้ (15 พ.ค.) แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจเลื่อนการมอบตัวออกไปอย่างไม่มีกำหนดโดยอ้างว่ายังทำใจไม่ได้ ขณะนี้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง พร้อมสั่งการให้ พ.ต.อ.พิจิตร ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว

 พล.ต.ต.โกศล บัวประเสริฐ ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี กล่าวว่า คดีนี้ควบคุมตัวผู้ต้องหาในขณะนี้รวม 3 ราย รายแรกจับได้ที่ จ.อุทัยธานี ฝากขังไว้ที่เรือนจำจังหวัดสิงห์บุรี ส่วนอีก 2 รายควบคุมตัวไว้ที่ สภ.อินทร์บุรี ไว้สอบสวนเพิ่มเติม และ ได้ออกหมายจับรวม 6 ราย คงเหลือขณะนี้อีก 3 ราย หนึ่งในนั้นเป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับเข้ามาเกี่ยวข้อง

รวมข่าวต่างประเทศ

วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ยิงเซียนพนันดับชิงเงินสด3แสน

เมื่อเวลา  05.00 น.พ.ต.ท.ปรเมศท์ มหาศิริธนโรจน์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุชายถูกยิงเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 202/213 หมู่บ้านทวีทอง 3 ซ.11 ม.1 ต.บางเพรียง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมกับ พ.ต.อ.ฐาณุพงศ์ พรมสวัสดิ์กุล ผกก.สภ.บางบ่อ พ.ต.ท.ประเสริฐ อินทร์สุข สว.สส. พ.ต.ท.สุดใจ เหนือเกาะหวาย สวป. และจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น หน้าบ้านเกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีขาว ทะเบียน ฌง 6460 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ ภายในบ้านพบศพนายชัยเรศ ธรรมภัคดี อายุ49 ปี เจ้าของบ้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ศีรษะ 2 นัดไหล่ซ้าย1นัด ไหล่ขวา1 นัด รวม 4 นัด นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่กลางบ้านใกล้กับศพยังพบหัวกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 1นัด
จากการสอบสวน นส.วาสนา พุ่มยามเช้า อายุ 46 ปี  ภรรยาผู้ตายให้การว่า  ตนเองและสามี เพิ่งกลับจากเล่นการพนันย่านลาดกระบัง ระหว่างที่ขนของลงจากรถเข้าบ้าน ได้มีรถยนต์โตโยต้าวีโก้ สีบรอนทองขับมาจอดหน้าบ้าน จากนั้น มีชายออกมาจากฝั่งที่นั่งโดยสาร เดินเข้ามาหา ตนเห็นผิดสังเกตุ จึงบอกให้แฟนวิ่งหนี
จากนั้นตนเองได้วิ่งขึ้นไปหลบในน้องนอนชั้น2 ของบ้าน  และได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด    รอจนแน่ใจว่าคนร้ายไม่อยู่แล้ว จึงลงมาดูพบว่าสามีถูกยิงเสียชีวิตแล้ว และ คนร้ายได้เอาทรัพย์สินเป็นเงินสดในกระเป๋าจำนวน 3 แสนบาท  สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท พร้อมพระสมเด็จวัดระฆังเลี่ยมทอง 1 องค์ และสร้อยข้อมือฝังเพ็ชรของผู้ตายไป โดยเพื่อนบ้านเห็นรถยนต์คันก่อเหตุขับมาวนเวียนหน้าบ้านแล้ว 3 รอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ แฟนจะพกอาวุธปืนไว้ป้องกันตัวเป็นประจำ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ถูกตำรวจ สภ.บางเสาธง จับกุมในข้อหา พกพาอาวุปืนไปในทางสาธารณะ และประกันตัวออกมา กระทั่งมาถูกก่อเหตุดังกล่าว
เบื้องต้นตำรวจ สันนิษฐานว่า คนร้ายที่ลงมือคาดว่า มีไม่ต่ำกว่า 2 คน ส่วนสาเหตุ อาจจะมาจากการขัดผลประโยชน์ หรือความขัดแย้งส่วนตัว ส่วนการชิงทรัพย์น่าจะเป็นผลพลอยได้จากการก่อเหตุ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้เร็วที่สุด

Facebook ฮากระจาย

ตุ๊กกี้ แซวคนเล่น bb+facebook ฮาโคตรๆ

หนุ่มแบงก์ซิ่งเก๋งเสียหลักพุ่งขึ้นทางเท้าเฉี่ยวชน นศ.สาว ม.หัวเฉียวดับอนาถคาที่ ส่วนแม่ที่นั่งมาด้วยในรถอาการสาหัส

   วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา 00.10 น. พ.ต.ท.สมนึก สันติภาตะนันท์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุมีรถเฉี่ยวชนคนเดินเท้าเสียชีวิตและบาดเจ็บบริเวณหน้าปากซอยงามวงศ์วาน 44 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
       ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อซูบารุ รุ่นอิมเพรสซา ขับเคลื่อนสี่ล้อ สีขาว หมายเลขทะเบียน วณ 3363 กรุงเทพฯ สภาพด้านหน้าพังยับชนติดอยู่กับเสาไฟฟ้า ใกล้กันพบศพ น.ส.สรัญพร ลาภเจริญทรัพย์ อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะเภสัชกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว ชั้นปีที่ 3 นอนเสียชีวิตที่หน้าประตูร้านขายก๋วยเตี๋ยวเลขที่ 45 ข แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ซึ่งตั้งอยู่ปากซอย สภาพศพสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีดำ คอหัก กะโหลกศีรษะด้านซ้ายแตกเป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนผู้บาด
เจ็บอีกรายซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ตาย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี ทราบชื่อคือนายกอบบุญ กุยแสงธรรณ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 411/3 ม.9 ถ.สวรรค์วิถี ต.นครสวรรค์เหนือ อ.เมือง จ.นครสวรรค์
        ส่วนผู้ขับขี่รถยนต์ซูบารุ เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลวิภาวดี ทราบชื่อนายนิธิวัชร์ เรียบร้อยเจริญ อายุ 29 ปี พนักงานธนาคารยูโอบี อยู่บ้านเลขที่ 145 ซ.รัชดา 66 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ล่าสุดอาการปลอดภัย อีกคนที่นั่งมาด้วยเป็นแม่ของคนขับ คือ นางนิตย์รดี เรียบร้อยเจริญ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145 ซ.รัชดา 66 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. อาการสาหัส
        จากการสอบสวนทราบว่า นายนิธิวัชร์ขับรถมุ่งหน้ามาจากทางแยกเกษตร ถนนงามวงศ์วานขาออก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ใช้ช่องทางที่ 3 กำลังจะขึ้นสะพานที่จะข้ามถนนวิภาวดีไปยังฝั่งเดอะมอลล์งามวงศ์วาน แต่เกิดเสียหลักกะทันหันและปาดหน้ารถแท็กซี่ที่วิ่งมาตามช่องทางซ้ายสุด ก่อนจะพุ่งขึ้นบนทางเท้าแล้วชนผู้ตายที่เดินมากับนายกอบบุญเข้าอย่างจัง ก่อนจะชนกระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้าจนเกือบล้ม
       ด้าน นายนิธิวัชร์ให้การว่า ตนได้ไปทำธุระกับแม่ที่ย่านเกษตรนวมินทร์ ก่อนจะขับรถกลับ โดยผ่านแยกเกษตรจนมาถึงที่เกิดเหตุ กำลังจะออกช่องทางซ้ายไปทางถนนวิภาวดี แต่ขณะที่ขับอยู่ตนได้มองเห็นเสาสีแดงขาวที่ตั้งอยู่ตีนสะพานอย่างกะทันหันจึงตกใจหักรถหลบมาทางซ้ายทันที และปาดหน้ารถแท็กซี่ที่อยู่ช่องทางซ้ายสุดและเสยทางเท้าไปชนกับผู้ตายดังกล่าว
        เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาต่อนายนิธิวัชร์ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ส่วน พ.ร.บ.รถยนต์ ที่ไม่ได้ต่อทะเบียนนั้นต้องรอการตรวจสอบก่อน ขณะที่ผู้บาดเจ็บคนอื่นๆ ต้องรอให้อาการดีขึ้นก่อนจึงจะสอบปากคำ อย่างไรก็ตาม คดีนี้คาดว่าคงไม่ซับซ้อน เนื่องจากนายนิธิวัชร์ผู้ขับรถให้การยอมรับสารภาพแล้วว่าเป็นคนขับรถชนจริง

ยิงโจ๋เมืองพัทยาดับคามอเตอร์ไซค์



 เมื่อเวลา 05.30 น.วันที่ 13 พ.ค.พ.ต.ท.ประสิทธิ์ มั่นศรี พงส.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันมีผู้เสียชีวิต บริเวณหน้าร้านที่นอนพิ้งค์กี้แอนด์จิมมี่ พัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.อ.ธรรมนูญ มั่นคง ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผกก.ปป. พ.ต.ต.เศกสันต์ ฤาเวทย์ สวป.

 เมื่อไปถึงพบศพนายชนะพล จันทร์รักษา อายุ 20 ปี เสียชีวิตในสภาพนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่ สีชมพู ดำ ทะเบียน จขจ 501 ชลบุรี โดยมีไทยมุงจับกลุ่มสังเกตการณ์อยู่จำนวนมาก ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบเข้าที่แผ่นหลังด้านขวา 2 นัด คมกระสุนทะลุลำคอเสียชีวิตคาที่

 น.ส.รัชนี ป้อมทอง ผู้เห็นเหตุการณ์ให้การว่า ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับที่พักมาถึงจุดเกิดเหตุ จู่ๆ มีชายคนร้าย 2 คน ขับรถยนต์ สีบรอนซ์เทา ไม่ทราบยี่ห้อ รุ่น เลขทะเบียน ไล่เบียดรถจักรยานยนต์ของผู้ตายเพื่อให้ผู้ตายจอดรถ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงเร่งเครื่องแซงหนี และได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงหันกลับไปมองก็พบว่าคนร้ายได้ชักอาวุธปืนยิงผู้ตายจนเสียชีวิต ก่อนบึ่งรถหลบหนี อย่างไรก็ตามคนร้ายได้วนรถมาดูอีกรอบเพื่อความมั่นใจ ก่อนบึ่งรถหลบหนีไปทางปากทางเข้าพัทยาใต้

 นายณัฐพล เหล่าชนะพิญโย พี่ชายของผู้ตาย ให้การภายหลังเดินทางมาดูศพน้องชายว่า รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นของตน ซึ่งปกติจะใช้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ อปพร.เมืองพัทยา ทุกวัน แต่วันนี้หยุดงานนอนอยู่บ้าน น้องชายจึงเอารถจักรยานยนต์ออกไปใช้ ก่อนถูกยิงตายในที่สุด โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเป็นการยิงผิดตัว โดยคนร้ายน่าจะมีปัญหาบาดหมางหรือไม่พอใจที่เคยถูกนายณัฐพล จับกุม เมื่อเห็นผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบปิดบังใบหน้า จึงเข้าใจว่าเป็นนายณัฐพลจึงลงมือยิงอย่างเหี้ยมโหด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องคู่อริ ชู้สาว หรือการพนัน ทิ้ง และจะสอบสวนญาติของผู้ตายอย่างละเอียด พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงจุดเกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

المجرمين القاتل الغربية.ياكوزا

تأمين - وادي ساليناس الدولة سجن

ผลพวงของนักการเมืองทำให้ประชาชนแตกแยก คิดเห็นคิดต่างได้ แต่ไอ้คางคกจตุพรบอกเสื้อแดงรักสงบเคารพกฎหมาย!!!

ตำรวจยก"ทั้งรถ ทั้งการุณ"เข้าโรงพัก

ไฟไหม้วอดบ้าน 15 หลังชุมชนย่านคลองหลวง



พ.ต.ท.ฐานันท์ ทิมวัฒน์ รองผกก.ป.สภ.คลองหลวง รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่ามีเหตุไฟไหม้บ้านจำนวนหลายหลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้ไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยประสาน รถดับเพลิงจากหน่วยงานต่างๆมาฉีดน้ำดับไฟด้วย โดยเหตุเกิดภายในซอยบุญคุ้ม ม.5 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งหลังจากรับแจ้งเหตุแล้วจึงได้รีบวิทยุขอรถรถดังเพลิงจากหน่วยงานอปท.ใน พื้นให้ช่วยไประงับเหตุไฟไหม้ พร้อมกับ รายงานให้ พ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยะวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง ทราบ จากนั้นจึงไดเดินทางรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน ภาค 1 เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถดับเพลิงจาก เทศบาลนครรังสิต เทศบาลคลองหลวง อบต.คลองสาม เทศบาลท่าโขลง เทศบาลลำสามแก้ว รวมประมาณ 30 คันกำลังรถดมกันฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้โหมกระหน่ำบ้านเรือนของ ประชาชนซึ่งได้เผาไปแล้ว 15 หลังคาเรือน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ โดยค่าเสียหายประมาณ 20 ล้านบาท

จากการสอบถามนายสมปอง อายุ 45 ปี วินจยย.รับจ้างหน้าปากซอยที่เกิดเหตุ กล่าวให้ข้อมูลว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนนั้นตนเห็นว่าได้ยินเสียงระเบิดจาก หม้อแปลงบนเสาๆไฟฟ้าเสียงดังสนุ่นหวั่นไหว จากนั้นก็มีประกายไฟกระจายออกจากหม้อแปลงไฟเป็นระยะ จนกระทั่งประกายได้กระเด็นชกลงไปยังบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับหม้อ แปลงดังกล่าวซึ่งตอนนั้นยังไม่มากมายอะไร แต่จู่ๆก็มีลมกรรโชกแรงทำให้ไฟที่ไหม้บ้านแค่หลังเดียวกลายเป็นลามเป็นวง กว้างขนาดใหญ่ทำให้จนมีบ้านเรือนของชาวบ้านถุกไฟไหม้หลายสิบหลังคาเรือนดัง ที่เห็น

ด้าน พ.ต.ท.ฐานนันท์ ทิมวัฒน์ รองผกก.ป.กล่าวว่า จากการมาตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในชุมชนนี้ต่างก็ให้ ข้อมูลเป็นเสียงเดียวกันว่าเหตุต้นเพลิงนั้นเกิดจากสะเก้ดของไฟที่เกิดจาก หม้อแปลงบนเสาไฟระเบิดซึ่งก็ได้มีการเรียกรถดับเพลิงเข้ามาดับไฟไหม้แล้วแต่ ว่ารถดับเพลิงที่จะเข้ามาดับไฟไหม้นั้นก็ขับเข้ามาด้วยความยากลำบากเพราะซอย แคบมากประกอบกับในช่วงเวลาที่รถดับเพลิงกำลังจะมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีลม กรรโชกแรงจึงทำให้ไฟได้ลุกโหมเป็นวงกว้างจนลุกลามไปยังบ้านเรือนประชาชน ของชาวบ้านแถวจำนวน 15 หลังคาเรือนค่าเสียหายประมาณ 20 ล้านบาท แต่ในเบื้องต้นตนก็จะสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดต่อไป