วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

บทความ ความชอบธรรมคือ มติของมหาชน...

การที่คนรักชาติรักแผ่นดินมารวมตัวกัน เพื่อขจัดส.ส.โกงบ้านกินเมือง ขึ้นเวทีปราศรัยให้ความจริงกับประชาชน ให้ความรู้ทางการเมือง
เพื่อบรรลุเป้าหมาย การพัฒนาการเมืองไทยให้มีส.ส.ดีๆมาบริหารชาติบ้านเมืองนั้น เราเรียกท่านบุคคลเหล่านี้ว่า เป็นบุคคลที่มีความชอบธรรม

เมื่อมีความคิดต่างกันระหว่าง พรรคการเมืองใหม่พรรคหนึ่งกับมหาประชาชนคนรักชาติที่มาประท้วงรัฐบาล  ต่อมามีอาจารย์คนหนึ่งชอบละเมิดสิทธิและละเมิดความคิดของผู้อื่นออกมาต่อว่า ผู้นำของคนรักชาติ เพื่อหวังให้ฐานคะแนนเสียงคนเหล่านั้น มาลงคะแนเสียงให้พรรค โดยไม่ต้องการให้ฐานเสียงไปลงคะแนนโวตโน เพียงเพื่อ อยากจะเป็นส.ส. อย่างน้อยเป็นส.ส.สัก 1-5 คน จึงมีคำถามต่อมาว่า เป็นส.ส.ในระบบน้ำเน่า เป็นเสียงข้างน้อย ก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงการเมืองระบบส.ส.มีต้นทุนใช้เงินซื้อเสียงมาได้ แล้วอยากเป็นส.ส.ไปทำไม...

ส่วนเงินทุนที่พรรคได้มาจากผู้นำคนรักชาติ เพื่อดำเนินการจัดหาสถานที่ สิ่งของเครื่องใช้และเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ถ้ามามองดีๆก็จะพบความจริงว่า เงินที่พวกท่านได้มานั้นมันก็คือ เงินของประชาชาผู้รักชาติที่ช่วยกันเสียสละมอบให้มิใช่หรือ...

สงครามความคิดเป็นเรื่องไม่แปลก ถ้าบ้านเมืองปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่การไปต่อว่าใครนั้นเป็นการละเมิด ไม่ว่าจะเป็นความคิด ตรงนี้ก็คือ คุณกำลังดูถูกประชาชนคนรักชาติ แม้ว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเลืองตั้ง คุณยังละเมอเพ้อว่า ประชาชนคนรักชาติต้องเลือกคุณ
แล้วคุณไม่รู้เหรอว่า การไปใช้สิทธิการเลือกตั้งนั้น มันเป็นสิทธิของประชาชน คุณไม่สามารถไปต่อว่าใคร...

แล้วเวลา พวกคุณชอบใช้วาทกรรมว่า ส.ส.อย่าทำตัวประเภทพายเรือให้โจรนั่ง ก็อยากถามเหมือนกันว่า คุณกำลังทำตัวอยู่ในประเภทอยากนั่งเรือไปกับโจรหรือว่าไม่จริง...
สรุป คิดต่างกันอย่างไร ก็ต้องไปจบที่ความชอบธรรม ที่เราเรียกว่า มติมหาชนนั่นแหละ...
สำหรับท่านใดที่เป็นคนดีๆทุกคนที่อยู้ในพรรค ครั้งนี้ไม่สมัครลงเลือกตั้งก็ไม่เป็นไร ชาติกำลังต้องการพวกท่าน ขอให้ออกมาร่วมงานกับ
มหาประชาชนสานต่อภารกิจเพื่อชาติ พวกท่านทุกคนจะเป็นคนที่อยู่ในใจของประชาชนผู้รักชาติตลอดไป...




นครบาล มีคำสั่งให้ พ.ต.อ. มาโนช รัตนโชติ ผกก.สน.พระโขนง มาช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นเวลา 30 วัน ฐานปล่อยให้เปิด "ฟลิปผับ " โจ๋งครึ่ม

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีคำสั่งให้ “ผกก.สน.พระโขนง” มาช่วยราชการที่ บช.น.เป็นเวลา 30 วัน หลังจากที่ถูกตำรวจ บช.ปส.เข้าตรวจจับสถานบันเทิง “ฟลิปผับ” ซอยศรีนครินทร์ 40 (สุภาพงษ์ 3) ในท้องที่ เผยมี ผกก.ถึง 5 โรงพักถูกเด้งมาช่วยราชการพร้อมกันแล้ว
     
       วันนี้ (25 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. และผบก.อก. เปิดเผยว่า พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.มาโนช รัตนโชติ ผกก.สน.พระโขนง มาช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นเวลา 30 วัน มีผลตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.เป็นต้นไป ฐานปล่อยปละละเลยให้เปิดสถานบริการในพื้นที่เปิดเกินเวลา และมีเยาวชนเข้าใช้บริการไม่เข้มงวดกวดขันตามระเบียบคำสั่งของสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ (สตช.)
     
       พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรฐานเดียวกันกับท้องที่อื่น หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เข้าตรวจจับสถานบันเทิง “ฟลิปผับ” ซอยศรีนครินทร์ 40 (สุภาพงษ์ 3) ตรงข้ามกับห้างซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ หนองบอน ประเวศ กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 25 เม.ย. พบว่าเปิดเกินเวลาและไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบันเทิง
     
       โฆษก บช.น.กล่าวต่อว่า นอกจากมีคำสั่งย้าย ผกก.สน.พระโขนง มาช่วยราชการที่ บช.น.แล้ว ผบช.น.ยังมีคำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) เป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมคาดโทษผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้พล.ต.ต.สมชาย พัชรอินโต ผบก.5 พิจารณานายตำรวจระดับรอง ผกก.ที่อาวุโสมารักษาการแทน ผกก.สน.พระโขนง พร้อมกันนี้ยังคาดโทษท้องที่อื่นๆ ที่ปล่อยปละละเลยลักษณะดังกล่าวด้วยรวมถึงกรณีอบายมุข บ่อนการพนันและสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพราะเป็นเรื่องที่พูดกันมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งจากนี้ไปจะพิจารณาลงโทษนายตำรวจที่กำกับดูแล สน.นั้นๆ ด้วย จะไม่เฉพาะที่ ผกก.คนเดียวเท่านั้น
     
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายตำรวจที่ถูกคำสั่งย้ายมาช่วยราชการใน บช.น.เป็นเวลา 30 วันนั้น ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ดอนเมือง มาช่วยงานด้าน กฎหมาย (กม.) 2.พ.ต.อ.พุฒิพงศ์ ภู่เพียนเลิศ ผกก.สน.บางพลัด มาช่วยงานด้านงานแผนการเลือกตั้ง 3.พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผกก.สน.ภาษีเจริญ มาช่วยงานด้านกำลังพล 4.พ.ต.อ.ธีระพงษ์ คล้ายแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม มาช่วยงานด้านงบการเงิน และ 5.พ.ต.อ.มาโนช รัตนโชติ ผกก.สน.พระโขนง มาช่วยงานด้านมวลชนสัมพันธ์

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

ทหารรุมทำร้ายวิศวะกร

         หนุ่มวิศวกร ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก แต่ถูกคู่กรณีขับรถกระบะปาดหน้า บนถนนกลางเมืองเชียงใหม่ จึงลงไปต่อว่า แต่ถูกคู่กรณีรุมทำร้าย

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุชายฉกรรจ์ 4 คน ใช้ไม้เบสบอล รุมทำร้าย นายภานุพงษ์ ชำชองจิต วิศวกรบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง บริเวณ ถ.อัษฎาธร ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยไม่สนใจสายตาประชาชนที่เดินผ่านไปมาจำนวนมาก จากนั้นได้ขับรถกระบะและรถเก๋งหลบหนี ซึ่งพลเมืองดีบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ และเข้าช่วยเหลือนำตัวนายภานุพงษ์ส่งโรงพยาบาล โดยนายภานุพงษ์ศีรษะแตก กะโหลกร้าว แก้วหูแตก มีเลือดไหลตลอดเวลา อาการยังสาหัส และอยู่ในความดูแลของแพทย์ห้องไอซียู 

            จากการสอบสวนทราบว่า นายภานุพงษ์ ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก และถูกรถกระบะหมายเลขทะเบียน บบ 5821 เชียงใหม่ ขับปาดหน้าและเฉี่ยวชน นายภานุพงษ์ จึงลงไปต่อว่าคู่กรณี และโทรศัพท์แจ้งตำรวจ จากนั้นคู่กรณีได้โทรศัพท์เรียกพรรคพวกมารุมทำร้ายอาการสาหัส 

           จากนั้นในเวลาต่อมา พ.ต.ท.ทิฐิกรณ์ เนื่องหล้า สารวัตรสืบสวน สภ.ช้างเผือก ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามเจ้าของรถกระบะหมายเลขทะเบียน บบ 5821 เชียงใหม่ และทราบว่า เจ้าของรถคันดังกล่าวเป็นนายทหารยศร้อยเอก จึงได้ติดต่อไปยังต้นสังกัดเพื่อขอสอบปากคำนายทหารคนดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูลใด ๆ พร้อมกับระบุว่า ทราบแล้วว่ากลุ่มคนร้ายเป็นใคร และมั่นใจจะจับคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

โครงการเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน

บทความ คนไทยรวมใจปกป้องสถาบัน...

บทความ
คนไทยรวมใจปกป้องสถาบัน อย่าให้คนไม่ดีเข้ามามีอำนาจ ประชาชนจะไม่พาส.ส.น้ำเน่าเข้าสภาถ้ามีการเลือกตั้ง...
เมื่อรัฐบาลประกาศยุบสภา ประมาณเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554
 ขอให้คนไทยทุกคนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง รับบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง 2 ใบ ใบแรกให้กาเลือกส.ส ใบที่สองให้กาเลือกพรรคการเมือง
เมื่อลงทะเบียนรับบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง 2 ใบแล้ว เดินเข้าคูหา
บัตรใบแรกเลือกกาที่ช่อง ไม่ประสงค์จะเลือกใคร
บัตรใบที่สองเลือกกาที่ช่อง ไม่ประสงค์จะเลือกพรรค...
ถ้าจำนวนประชาชนไม่เลือกใคร ไม่เลือกพรรค มีมากกว่า คนใช้สิทธิกาเลือกส.ส.และกาเลือกพรรค
สรุป จะเกิดความชอบธรรมและสูญญากาศทางการเมือง ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งแบบเก่าที่ว่า ใครมีเงินก็เป็นส.ส.ได้
เพื่อให้เกิดระบบ การคัดสรรส.ส.ที่มาจากทุกสาขาอาชีพได้...  แล้วเราจะได้คนดีเข้าสภา...
เป็นโอกาสที่ ประชาชนคนไทยทุกคนจะได้ช่วยชาติไทยให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ที่ส.ส.คนไม่กี่คนมาครองเมืองและบริหารชาติล้มเหลว!!!

ปัญหาคนในชาติแตกแยก ข้าวของแพง เงินหายากแต่มีค่าน้อย คนรวยก็รวยล้นฟ้า ส่วนคนจนก็ไม่มีที่ยืนในสังคม ก่อให้เกิด ปัญหาอาชญากรรม ปล้น-ชิง-วิ่งราวก็มีให้เห็นทุกวัน ยาเสพติดก็มากหาซื้อก็ง่าย ด้านการศึกษาเยาวชนสอบตกไม่ผ่านทั้งระบบ ปัญหาน้ำท่วมก็ไม่แก้ไข ภาคใต้ก็ไม่สงบ นักการเมืองห่วงแต่จะเข้ามามีอำนาจใหม่...พูดอะไรไปหรือสัญญาอะไร อีกวันก็มาพูดอีกอย่างจากขาวเป็นดำ คิดว่า
ประชาชนจำไม่ได้ ที่น่ากลัวบอกว่า ประชาชนเดือดร้อนเพียงหนึ่งเสียงก็จะฟัง...ตามการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แล้วทำไม
ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลายคนไทยดีๆ ที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ.....................

            
      
           






วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

ข้าพระพุทธเจ้าจะขอจงรักภัคดีองค์พระมหากษัตริย์ไทยไปทุกภพทุกชาติ...


            ข้าพระพุทธเจ้าจะขอจงรักภัคดีองค์พระมหากษัตริย์ไทยไปทุกภพทุกชาติ...
ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ   ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ   ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ

บทความ วันฟ้าใหม่ของประเทศ โวตโน ตอนที่ 2.



บทความ วันฟ้าใหม่ของประเทศ โวตโน ตอนที่ 2.

จากบทความตอนที่ 1. ขอทวนประโยคคำถามก่อนว่า จะประชาสัมพันธ์อย่างไรให้ประชาชน 65 ล้านคน เข้าคูหากา "โวตโน" ที่หมายความว่า ทุกคนไปใช้สิทธิ์เข้าคูหา ไปกาในช่องที่ไม่เลือกใคร ไม่เลือกพรรคใด ทั้งสองบัตรที่ใช้ลงคะแนนเลือกตั้ง สังเกตุ จะเห็นตำแหน่ง ให้กาไม่เลือกใครและไม่เลือกพรรคใด จะอยู่ตรงด้านล่างมุมขวามือของบัตรเลือกตั้ง.

รัฐบาลปัจจุบันได้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า จะยุบสภาประมาณต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554 ถ้าเป็นจริงตามนี้ ลำดับต่อไปก็จะเป็นหน้าที่ขององกรค์อิสระที่มีชื่อว่า กกต. จะต้องประกาศวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งภายใน = 60 วัน ฉะนั้นในเวลานี้ก็จะมีพรรคการเมืองใหญ่ที่จะลงมาสมัครเลือกตั้ง 2 พรรค ต่างก็เป็นพรรคประเภทที่ประชาชนจับได้เรื่อง พรรคหนึ่งโกงชาติ,ล้มเจ้า ดูได้จาก พลพรรคแกนนำต่างโดนดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อีกพรรคหนึ่งขายชาติ,แต่ไม่ปกป้องเจ้า ดูได้จาก
การปล่อยปะละเลยให้มีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในเว็บต่างๆ ไม่เชื่อก็ลองเข้าไปที่เว็บ youtube พิมพ์เรื่องที่เกี่ยวกับเจ้า ทุกท่านก็จะพบมีอยู่ในเว็บมากมาย ส่วนพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กก็จ้องจะผสมพันธุ์กับพรรคใดก็ได้ เพื่อมามีอำนาจแบบส.ส.เฒ่าจะอยู่ค้ำฟ้า...

ตามข้อเท็จจริง การบริหารบ้านเมืองของประเทศไทยเรานั้น ไม่ว่า จะเป็นพรรคใดที่ชนะการเลือกตั้ง ต่างก็ใช้เงินซื้อเสียงประชาชนทั้งสิ้น พอมาเป็นรัฐบาลก็จะมาโกง กิน ขายชาติ อีก ไม่ต่างกับวาทกรรมที่ว่า ประชาชนไล่คุณอับปรีย์ไป แต่จะได้คุณจัญไรกลับมา ถ้ามีการเลือกตั้งต่างคนต่างเลือกส.ส.และพรรค ผลอาจจะได้ทั้งคุณอับปรีย์และคุณจัญไรมารวมกันมาเต็มสภา ที่เราเรียกว่าคุณโจร 500 เข้ามาเพื่อทำลายชาตินั่นเอง
สรุป เลือกตั้งไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าเราคิดว่า จะไปเลือกส.ส.และพรรค

เหตุผลที่น่าฟัง การพัฒนาประเทศหรือหาทางออกให้ประเทศไทย ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาชาติตามกระแสพระราชดำรัสขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า อย่าให้คนชั่วเข้ามามีอำนาจ ใครก็ตามถ้าเข้ามาทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เมื่อมีการเลือกตั้ง
ก็จะเป็นโอกาสของประชาชนที่มีสิทธิ์ไปเลือกตั้งทั่วประเทศว่า ข้าพเจ้าขอให้วาจาสัตย์สาบานว่า
ข้าพเจ้าจะไม่พาผู้สมัครส.ส.และพรรคใด ที่พวกเราเรียกว่า พวกคุณอับปรีย์และพวกคุณจัญไร เข้าสภาเด็ดขาด เพื่อการเปลี่ยนแปลง เปิดรับสมัครประชาชน แล้วเลือกกันเอง ที่เรียกว่า การตั้งสสร.นั่นเอง ต่อมาให้เหลือจำนวนที่เหมาะสม แล้วช่วยกันร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นใหม่แบบชัดเจน ไม่มีหมกเม็ด พร้อมร่างกฎหมายลูกไว้ด้วย ให้กฎหมายมีเจตนารมณ์เป็นคุณต่อประชาชนส่วนใหญ่อย่างเป็นธรรม ที่สำคัญแก้กฎหมายเรื่อง การทุจริตของนักการเมือง เช่น คดีอาญาไม่มีอายุความ มีโทษจำคุกสูง เมื่อคดีตัดสินให้มีความผิดต้องยึดทรัพย์และเว้นวรรคทางการเมืองตลอดชีวิต นักการเมืองไม่ต้องสังกัดพรรค เมื่อร่างกฎหมายเสร็จแล้ว ก็นำมาให้ประชาชนทั่วประเทศลงประชามติ คืนอำนาจประกาศให้มีการเลือกตั้งส.ส.ให้มีที่มาสองแบบคือให้มีการคัดสรรประชาชนทุกสาขาอาชีพเป็นตัวแทนไปนั่งในสภา ตามสัดส่วนของอาชีพ เริ่มต้นส.ส.ที่มาจากการคัดสรร 60 %  ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง 40 % เมื่อได้ส.ส.เป็นตัวแทนประชาชนแล้ว จำเป็นจะต้องมาสร้างระบบการเมืองในปัจจุบันที่ล้มเหลว ตัวอย่าง เวลาประชาชนออกมาบอกนักการเมืองให้แก้กฎหมาย บทลงโทษนักการเมืองเลวหรือกฎหมายที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม พวกส.ส.น้ำเน่าแบบเก่ากลับไม่ทำ ไม่เห็นหัวประชาชน แต่กลับจะแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนและพรรค หรือพวกส.ส. คุณ500 จะว่าไม่จริง!!!  ภายหลังการเลือกตั้งเราจะได้ส.ส.ดีๆมาปกครองบ้านเมือง
สรุป นักการเมืองไม่ว่าคนใด พรรคใด โกงชาติ ทำลายชาติก็เท่ากับทำร้ายพ่อของแผ่นดินเช่นกัน!!!

ขอตอบคำถาม บทความตอนที่ 1. เพียงสองบรรทัดว่า
คนไทยทุกคน, คนที่รักชาติ, คนรักพ่อของแผ่นดิน, คนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้องเพื่อบ้านเพื่อเมือง
จะขอร่วมมือกัน ไปเลือกตั้ง เข้าคูหา ไปกาในช่องไม่ประสงค์จะเลือกใครและไปกาในช่องไม่ประสงค์จะเลือกพรรคใด...

ด้วยเหตุผลที่พูดทุกครั้ง ก็น้ำตาไหลทุกที คือ หลับเถิดทหารกล้า ชาวประชาจะปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เอง............
เพราะ เบี้ยตัวสุดท้ายไม่กี่ท่าน ที่มีอานาจ มีเกียรติยศ ที่มีหน้าที่ตามพ.ร.บ.ทหาร คุณท่านไม่ทำหน้าที่ แบบนี้คนไทยที่เป็นผู้รักชาติ แต่ไม่มีอำนาจ คงจะต้องออกมาช่วยกันกู้ชาติให้พ้นวิกฤติร่วมกับทหารที่รักชาติทุกหมู่เหล่า ตำรวจ ข้าราชการ ประชาชน ที่มีหัวใจรักพระเจ้าแผ่นดินเหมือนกัน  เพื่อแก้ไขระบบส.ส.ที่โกงชาติ ขายชาติ ทุจริต ทำลายชาติ ให้ออกไปจากระบบ ประเทศไทยจะได้เจริญเสียที โดยไปเลือกตั้ง เข้าคูหา กาไม่เลือกใคร...  กาไม่เลือกพรรคใด... เพื่อไม่พาคนไม่ดีให้เข้ามามีอำนาจปกครองบ้านเมือง ตามรับส้่งพระราชดำรัสองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทย...





วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

บทความ การรณรงค์ โวตโน ตอนที่ 1.



บทความ การรณรงค์ โวตโน ตอนที่ 1.
ถ้าประชาสัมพันธ์เขียนว่า โวตโน ให้ประชาชน 10 ล้านคน น่าจะเข้าใจอยู่ว่า เข้าคูหาเลือกตั้งตนเองจะทำอย่างไร หมายถึงในหมู่ผู้ที่ติดตามดูข่าว astv แต่ถ้าประชาสัมพันธ์เขียนว่า โวตโน ให้ประชาชน 65 ล้านคน คนรากหญ้าที่เป็นเม็ดคะแนนจำนวนมากไม่เข้าใจ แอบบอกมาว่า หลานเอ๋ยเวลาย่า,ยายเดินเข้าคูหาสมองย่า,ยายยังจำคำของหลานพูดได้ว่า ให้โหวตโน แต่ว่า มันทำอย่างไร ในใบเลือกตั้งลงคะแนน ไม่มีเขียนบอกว่า ไอ้โวตโนมันทำอย่างไร ก่อนมาได้ไปถามลูกสาวลูกเขย กลับได้คำตอบว่า ไม่รู้ย่าไม่รู้ยาย ภาษาอังกฤษฉันไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเพลงดาราดังๆที่เขาฮิตขอให้บอก...ตอนนี้ยืนอยู่ในคูหามองดู มีแต่บัตรเลือกตั้งให้เลือกเบอร์ส.ส. อีกใบก็ให้เลือกพรรค แถมก่อนเข้าคูหาย่า,ยายยังได้ยินคนที่มาเลือกตั้งพูดกันอีกคำว่า โนโวต ยิ่งทำให้งงไปใหญ่ ปัญหา เวลาจะกาลงเลือกตั้งเมื่อกาแล้ว ลบไม่ได้ ขีดฆ่าไม่ได้ เสี่ยงต่อการกาผิด กาเลือกส.ส. เลือกพรรค ไปเลยหรือไม่ก็เป็นบัตรเสีย  ส่วนแรงจูงใจ-เหตุผลที่ต้องทำ ตอนรณรงค์ก็ได้อธิบายเหตุผลกันยาวเป็นรถไฟ ย่า,ยาย ฟังแล้วไม่เข้าใจ จำก็ไม่ได้ พยักหน้าไปอย่างนั้นกลัวหลานหมดกำลังใจ แต่ตอนนี้ย่า,ยายจะกาอย่างที่เคยทำดีกว่า เพราะคิดว่าตนเองใช้สิทธิ์แล้ว......................คำถาม ประชาสัมพันธ์ให้คนรากหญ้าเม็ดคะแนนอย่างไรจึงจะจำได้และ ทำได้แบบถูกต้องตามเป้าหมาย จำได้นานจนถึงวันไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง  พร้อมแรงจูงใจที่ว่า ระบอบประชาธิปไตรคืนอำนาจให้มีการเลือกตั้ง เมื่อเราเลือกเขาไปแล้ว พวกคุณก็มาข่มขืนประชาชนอีก...
คำตอบ เชิญติดตามตอนที่ 2. ครับ.

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

ศูนย์ข่าวศรีราชา-สายลับรายงานพบความเคลื่อนไหวใช้อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เป็นคลังแสง แหล่งสะสมกระสุนปืน สั่งตรงมาจากสาธารณรัฐเชคโกสโลวาเกีย หรือยุโรปกลาง ผกก.สภ.นาจอมเทียน สัตหีบ นำกำลังบุกเข้าตรวจสอบ ผงะพบกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 212,500 นัด เจ้าของอ้างซื้อมาใช้ในการประกอบธุรกิจสนามยิงปืนนาจอมเทียน แต่มีการส่งขายให้เครือข่าย ในเขตกรุงเทพมหานคร

วันนี้ (13 เม.ย.54) พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ นำลา ผกก.สภ.นาจอมเทียน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พ.ต.ท.พีระพงษ์ เหล่าธนาวิน รอง ผกก.ป.ฯ พ.ต.ท.วิทศวรุตม์ ไทยธานี สวป.ฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ติดถนนสุขุมวิท สาย 3 เลขที่ 102/4 หมู่ที่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ ซึ่งประตูเหล็กด้านหน้าปิดสนิท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียก จนในที่สุด นายธีระ ผาวันดี อายุ 44 ปี มีภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 45/330 ซอยวัดสุขใจ 13 แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เปิดประตูให้

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอเข้าตรวจสอบภายในอาคารดังกล่าวทั้ง 3 ชั้นบริเวณชั้นล่างพบกล่องบรรจุกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 ยี่ห้อ SELLIER and BELLOT วางเรียงอยู่ภายในห้องกรงเหล็กที่ปิดกั้นด้วยไม้มิดชิด จำนวน 750 กล่องใหญ่ และชั้นที่ 3 พบกล่องกระสุนปืนชนิดเดียวกันอีกจำนวน 100 กล่อง ภายในบรรจุกระสุนกล่องละ 250 นัด รวมกระสุนทั้งสิ้น 212,500 นัด มีทั้งแบบใส และสีแดงทึบ ในเบื้องต้นได้ทำการอายัดไว้เพื่อตรวจสอบ เอกสาร และความเป็นมาของกระสุนปืนชนิดนี้

จากการสอบสวน นายธีระ ผาวันดี (คนเฝ้า)ให้การว่า กระสุนปืนทั้งหมดนี้เป็นของ นายวิเชียร เษมศรี อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/4 หมู่ที่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้ทำการสั่งซื้อ และนำเข้ามาจากประเทศเชคโกสโววาเกีย หรือยุโรปกลาง เพื่อประกอบธุรกิจสนามยิงปืน พร้อมกับนำส่งขายให้ลูกค้าในเขตกรุงเทพมหานคร แต่ไม่สามารถนำส่งได้เพราะเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์มีด่านตรวจตลอดเส้นทาง จึงได้พักไว้ในอาคารพาณิชย์ โดยมีผู้นำมาส่งให้ตั้งแต่ วันที่ 4 เมษายน 2554 จำนวน 1,000 กล่อง แต่ได้ส่งขายให้ลูกค้าไปแล้ว 150 กล่อง จึงเหลือเพียง 850 กล่อง

ต่อมา นายวิเชียร เษมศรี เจ้าของกระสุนปืน ได้เดินทางมาพร้อมนำเอกสารใบอนุญาตสั่งหรือนำเข้าเครื่องกระสุน หรือใบ ป.2 จำนวน 270,000 นัด เพื่อประกอบกิจการสมาคมส่งเสริมกีฬายิงปืนนาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งออกจากที่ว่าการอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี นายชายชาญ เอี่ยมเจริญ นายอำเภอสัตหีบ และนายทะเบียนอาวุธอำเภอสัตหีบ เป็นผู้ลงนามอนุญาต ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2553 สิ้นสุดเดือน 13 มกราคม 2554 โดยได้มอบอำนาจให้ บริษัท ยีพี อินเตอร์อาร์ม จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ

ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอทำการอายัดกระสุนปืนดังกล่าวไว้ตรวจสอบการนำเข้า ถ้าตรวจสอบแล้วว่าไม่ตรงตามใบสั่งซื้อ หรือไม่ได้รับอนุญาตถูกต้องจะต้องดำเนินคดีในข้อหา นำพาเครื่องกระสุนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และตรวจสอบสนามยิงปืนในพื้นที่สัตหีบว่ามีสนามยิงปืนใดที่สั่งซื้อหรือมีการซ้อมยิงปืนลูกซองจริงหรือไม่
ผบ.ทบ.ส่งทหารพระธรรมนูญ แจ้งจับ “จตุพร-วิเชียร-แรมโบ้อีสาน” ปราศรัยหมิ่นเบื้องสูงบนเวที นปช.


วันนี้ (12 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ สน.สำราญราษฎร์ พ.อ.จีรพล หลงประดิษฐ์ นายทหารพระธรรมนูญจากสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก กองทัพบก รับมอบอำนาจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.นำเอกสารหลักฐานและซีดีบันทึกภาพเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.สำราษราษฏร์ ให้ดำเนินคดีกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย นายวิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และ นายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ในความผิดฐาน ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีแกนนำ นปช.ทั้ง 3 คน กล่าวปราศรัยด้วยถ้อยคำที่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงบนเวที นปช.บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา

ด้าน พ.ต.อ.จิรภัทร กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้พนักงานสอบสวนรับแจ้งความเอาไว้ ก่อนนำเอกสารและเทปบันทึกภาพและเสียงคำปราศัยของแกนนำนปช.ทั้งสามคน รวมทั้งสำนวนการสอบสวนเสนอให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พิจารณาว่าต่อไป เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่

MARY 2

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

เผยแพร่กฎหมายเพื่อประชาชน

กินแบบไหนถึงหาย “ร้อน”

กินแบบไหนถึงหาย “ร้อน”

หน้าสงกรานต์ทีไร ใครๆ ก็ต้องบ่นว่าร้อนเสียเหลือเกิน ถึงแม้ว่าเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมายังได้ใส่เสื้อกันหนาวกันอยู่ แต่พอความหนาวเย็นหายไป ความร้อนก็เข้ามาแทนที่ทันที

และเมื่อถึงหน้าร้อนแบบนี้ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการกินให้เข้ากับฤดูกาลด้วยเช่นกัน “108 เคล็ดกิน” มีวิธีกินที่จะทำให้คลายความร้อนในร่างกายลงไปได้บ้าง ซึ่งจะมีวิธีไหนบ้างนั้น ก็ลองไปดูกันดีกว่า

ลดการกินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ไขมัน และแป้ง เนื่องจากอาหารประเภทนี้ต้องใช้พลังงานในการย่อยค่อนข้างสูง ทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานหนัก ซึ่งจะเกิดความร้อนขึ้นภายในร่างกาย นอกจากนั้นก็ยังเป็นอาหารกลุ่มที่ให้พลังงานมาก ซึ่งถ้ากินมากเกินไปก็จะทำให้ได้รับพลังงานเกินความจำเป็น ดังนั้น ควรเปลี่ยนไปกินอาหารพวกผักและผลไม้มากขึ้น

ดื่มน้ำสะอาดเพิ่มขึ้น ในฤดูร้อนจะทำให้เราเสียเหงื่อได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจะต้องดื่มน้ำเข้าไปชดเชยเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ โดยเฉพาะคนที่จะต้องอยู่กลางอากาศร้อนจัด แดดแรง หรือต้องออกกำลังกายกลางแจ้ง ควรดื่มน้ำให้ได้ 4-6 แก้วต่อชั่วโมง ส่วนน้ำที่ใช้ดื่มนั้นควรเป็นน้ำสะอาดที่อุณหภูมิห้อง ควรหลีกเลี่ยงน้ำหวาน เพราะจะทำให้รู้สึกกระหายน้ำเพิ่มมากขึ้น และไม่ควรดื่มน้ำเย็นจัด เพราะจะทำให้ป่วยได้ง่าย เนื่องจากร่างกายปรับอุณภูมิไม่ทัน และควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยายตัวมากขึ้น ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย อีกทั้งในอากาศร้อน แอลกอฮอล์จะซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วกว่าปกติ ทำให้เมาได้ง่าย และอาจช็อกหมดสติได้

กินอาหารที่สด สะอาด และปรุงสุก เนื่องจากในหน้าร้อนเชื้อโรคจะเจริญเติบโตได้ดี ทำให้อาหารเน่าเสียได้ง่าย ซึ่งเมื่อกินเข้าไปอาจเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้ จะเห็นได้จากที่กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศเตือนให้ระวังอันตรายจากโรคในหน้าร้อน เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด เป็นต้น ซึ่งสามารถป้องกันได้จากการดูแลความสะอาดของอาหาร และน้ำดื่ม รวมถึงรักษาสุขลักษณะส่วนบุคคล

กินอาหารรสขมเย็น อาหารที่มีสรรพคุณทางยาในรสขมเย็น จะช่วยขับร้อน แห้กระหาย ถอนพิษไข้ แก้ร้อนใน ซึ่งอาหารในประเภทนี้ก็มีหลายชนิด เช่น มะระ ฟักเขียว ปวยเล้ง ผักกาดขาว แตงกวา ผักบุ้ง แตงโม สาลี่ เป็นต้น

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

ปส.ล่อซื้อยาไอซ์ จับ 2 หนุ่มพร้อมของกลาง 3 กก.
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 25 มีนาคม 2554 23:07 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาค้ายาไอซ์ ได้ที่ห้องพักโรงแรมย่านรัชดาภิเษก

ของกลางยาไอซ์ 3 กิโลกรัม


ปส.รับแจ้งจากสายลับมีแก๊งค้ายาไอซ์ในพื้นที่ กทม.จึงวางแผนจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาไอซ์ 3 กก. ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งอีกรายถูกจับกุมพร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก สารภาพรับค่าจ้าง 3 แสนบาท เบื้องต้นจึงดำเนินคดีข้อหาครอบครอง จำหน่ายยาเสพติด และความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน

วันนี้ (25 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.จิรเดช เกรียงศักดิ์พิชิต ผบก.ขส.บช.ปส. พ.ต.อ.ทีฆโชติ สุวรรณาคม รอง ผบก.ขส.บช.ปส.พ.ต.อ.ฉัตรชัย ศิริทรัพย์ รอง ผบก.บก.ปส.1 พร้อมพวก นำกำลังเข้าจับกุมนายจิราพงศ์ หรือฮั้ว ล้อภักดีสกุล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219 หมู่ 20 ต.เมืองพาน อ.พาน จ.เชียงราย นายยงซิน ฟู (MR. YONGXIN FU) อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนักรวมประมาณ 3 กิโลกรัม อาวุธปืนสั้นออโตเมติกยี่ห้อสตาร์ ขนาด 7.65 มม.จำนวน 1 กระบอก ซองกระสุนจำนวน 1 อัน กระสุนปืนขนาด 7.65 จำนวน 3 นัด กระเป๋าหนังสะพายและโทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง

พล.ต.ต.หาญพลเปิดเผยว่า เมื่อประมาณกลางเดือน มี.ค 54 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก. ปส.1 และบก.ขส. ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายจิราพงศ์กับพวกมีพฤติการณ์จำหน่ายยาไอซ์ให้กับลูกค้าทั่วไปในเขต กรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้วางแผนทำการล่อซื้อยาไอซ์ โดยให้สายติดต่อซื้อยาไอซ์จากนายจิราพงศ์จำนวน 3 กก.ในราคา 4,500,000 บาทโดยครั้งแรกนัดเจรจาซื้อขายและส่งมอบยาไอซ์กันที่โรงแรมสุดาพาเลซ ถนนสุทธิสาร แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.ในวันที่ 17 มี.ค.2554 เวลาประมาณ 16.00 น. แต่เมื่อนายจิราพงศ์และนายยงซินฟู ได้มาดูเงินและได้แจ้งว่าไม่สามารถส่งมอบยาไอซ์ ในวันดังกล่าวได้ โดยจะนัดส่งมอบของให้ในวันหลัง

พล.ต.ต.หาญพลกล่าวอีกว่า กระทั่งนายจิราพงศ์ได้ติดต่อให้สายลับไปรับยาไอซ์ที่โรงแรมคาลิปโซ่ (CALYPZO) ห้อง 605 ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตามที่นัดหมายและพบยาไอซ์วางอยู่ในตู้เสื้อผ้าของห้องดังกล่าว จึงเข้าทำการจับกุมทันที โดยสามารถจับกุมนายจิราพงศ์ได้ที่ห้องดังกล่าว ส่วนนายยงซิน ฟู จับกุมได้ที่บริเวณหน้าโรงแรมพาลาสโซ่ ถนนรัชดาภิเษก ขณะกำลังจะเดินทางไปรับเงินที่ใช้ในการล่อซื้อจากเจ้าหน้าที่ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายอาหงษ์ ไม่ทราบนามสกุล เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท โดยนายยงซิน ฟู มีหน้าที่ดูเงินและรับเงินไปให้นายอาหงษ์

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 หรือยาไอซ์ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” และได้แจ้งข้อหานายยงซิน ฟู เพิ่มอีก 1 ข้อหาว่า “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

good friends vol 1.

Good Friends Vol 1. Slideshow: Theerapun’s trip from ตุรกี to 2 cities ตูนิส and ลิเบีย was created by TripAdvisor. See another ตูนิเซีย slideshow. Take your travel photos and make a slideshow for free.