วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ตร.ชลบุรีโชว์ฝีมือจับยาบ้า-ไอซ์ บิ๊กลอต17ล้าน




  • เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจภูธร จ.ชลบุรี พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.2 แถลงข่าวการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี คือ นายอิทธิพล หรือไข่ พนายุทธชัย อายุ 31 ปี พร้อมด้วยของกลางคือ ยาบ้า 110,000 เม็ด มูลค่า 11 ล้านบาท ยาไอซ์ 3 กิโลกรัมมูลค่า 6 ล้านบาท ทรัพย์สินคาดว่ามาจากค้ายาเสพติดคือ รถยนต์เก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว หมายเลขทะเบียน กม-2567 ชลบุรี จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ดูคาติ สีแดง จำนวน 1 คัน และบัตรเครดิตธนาคารหลายใบ 

    ในการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ตำรวจจึงได้ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.ชลบุรี จนกระทั่งสืบทราบมาว่า นายอิทธิพลมีพฤติกรรมค้ายาบ้าในพื้นที่ จ.ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง พักอยู่ที่ห้องเช่าบ้านพรลักษณ์ อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงเข้าตรวจค้นห้องพักเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา พบยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

    ต่อมาได้มีนายต้า ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อ้างว่าเป็นนักโทษในเรือนจำกลางชลบุรี โทรศัพท์เข้ามาหาให้ไปเอายาบ้าที่ลูกน้องของนายต้าไปวางไว้บริเวณริมถนนสาย 36 ม.7 ต.หนองข้างคอก อ.เมือง จ.ชลบุรี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปกับนายอิทธิพลยังจุดนัดพบ และพบยาบ้า 50 มัด จำนวน 100,000 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 3 กิโลกรัม บรรจุรวมกันอยู่ในกระเป๋าเดินทางวางไว้ที่บริเวณดังกล่าว รวมของกลางยาเสพติด และทรัพย์สินที่ยึดได้ทั้งหมดกว่า 17 ล้านบาท

  • จำคุก 38 ปี-มือยิงอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม



    เวลา 09.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ห้องพิจารณาคดี 803 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 44 ปี อดีตตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว จำเลยในความผิดฐานร่วมกันกระทำผิดฐานก่อการร้าย กระทำให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ร่วมกันมีปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร รวม 38 ปี

     คดีนี้พนักงานอัยการฝ่าย คดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 จำเลยกับพวกอีก 1 คน ร่วมกันใช้เครื่องยิงจรวด อาร์.พี.จี.2  เล็งและยิงลูกระเบิดไปยังอาคารกระทรวงกลาโหม เขตพระนคร ทำให้นายศักดิ์ หาญสงคราม ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ สายเคเบิลโทรศัพท์ของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เสียหายเป็นเงินจำนวน 39,421 บาท โดยจำเลยกับพวกมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญ บังคับ รัฐบาลไทยให้ยุบสภา ทั้งยังสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือการก่อการร้ายของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยมีเครื่องยิงจรวด อาร์.พี.จี.2  จำนวน 1 กระบอก ลูกระเบิดแบบสังหาร เอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก ปืนกลมือ (เอ็ม3) ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืน .45 จำนวน 48 นัด เหตุเกิดที่แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงพระนคร เขตรพระนคร แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เกี่ยวพันกัน 

     ศาล พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยาน 2 ปาก เบิกความยืนยันว่าพบจำเลยก่อนเกิดเหตุระเบิด โดยจำเลยเข้ามาสอบถามและพยานได้พูดคุยด้วย แม้ว่าในเวลานั้นเป็นช่วงเวลากลางคืน แต่มีแสงสว่างเพียงพอที่พยานจะสามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้ นอกจากนี้ยังมีพยานที่จดจำใบหน้าจำเลย หลังก่อเหตุเห็นจำเลยมีท่าทางรีบร้อนลงจากรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตศ 9818 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีพิรุธที่รถบุบ กระจกแตก และขับขี่น่าหวาดเสียว อีกทั้งผลการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าลายนิ้วมือแฝงที่พบบนประตูรถกระบะดังกล่าว ตรงกับลายมือนิ้วข้างขวาของจำเลย รวมทั้งเสื้อแจ็คเก็ทที่ตรวจยึดได้ภายในรถนั้นมีรูปแบบสารพันธุกรรมของจำเลย ติดอยู่  เชื่อว่าพยานทุกปากเบิกความไปตามจริง มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกับรถคันเกิดเหตุ เมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองรถกระบะดังกล่าว ย่อมเป็นผู้ใช้เอกสารป้ายทะเบียนรถปลอมด้วย

     จากการตรวจสอบกล้อง โทรทัศน์วงจรปิด พบรถกระบะของจำเลยขับผ่านเข้าไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุ จากนั้นมีภาพแสงเปลวเพลิงระเบิด ที่ถนนแพร่งภูธร เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรถจำเลย ประกอบกับรถกระบะของจำเลยที่จอดทิ้งไว้ในลักษณะมีกุญแจรถเสียบคาไว้ ตรวจพบเครื่องยิงระเบิด อาร์.พี.จี.2 กระจกด้านซ้ายแตก กระจกที่บริเวณที่นั่งตอนหลังแตก มีคราบเขม่าภายในรถแสดงถึงการยิงจากในรถ เชื่อว่าจำเลยร่วมกับพวกยิงระเบิดดังกล่าว มีเป้าหมายที่กระทรวงกลาโหม แต่ลูกระเบิดไปติดที่สายเคเบิลจึงเกิดระเบิดก่อนถึงเป้าหมาย ขณะเกิดเหตุอยู่ในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มีการก่อวินาศกรรมหลายแห่ง รัฐบาลขณะนั้นจึงประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการออกข้อกำหนด ให้ประชาชนปฏิบัติตาม แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปลอดภัย วันเกิดเหตุกลุ่ม นปช.ชุมนุม ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่จำเลยกลับไม่ใยดี ก่อเหตุดังกล่าวการกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ สร้างความปั่นป่วน จึงมีความผิดฐานก่อการร้าย

     พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม จำคุก 2 ปี สำหรับความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ฐานร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ฐานร่วมกันยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดในที่ชุมชน เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น อันเป็นบทลงโทษหนักสุด จำคุก 20 ปี ฐานร่วมกันมีเครื่องยิงจรวดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี และความผิดตาม พ.ร.บ.ปืนฯ พ.ศ.2490 ฐานพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไปในเมือง ทางสาธารณะ จำคุก 1ปี รวมจำคุกจำเลยไว้เป็นเวลาทั้งสิ้นรวม 38 ปี และให้ริบของกลาง
     

    วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

    เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย


    เหตุฟ้องหย่าตามกฎหมาย
    มาตรา 1516
    (1) สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยาหรือภริยามีชู้อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
    (2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
    (ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
    (ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
    (ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยา
    มาคำนึงประกอบอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
    (3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ถ้าเป็นการร้ายแรงอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
    (4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปีอีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
    (4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอม
    หรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วยและการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะ เป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควรอีกฝ่ายหนึ่ง นั้นฟ้องหย่าได้
    (4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยา ได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปีหรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสาม ปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

    ฟ้องศาลใหม่หรือไม่ หลังไกล่เกลี่ยแล้วไม่จ่ายเงิน


    ต้องฟ้องศาลใหม่หรือไม่ หลังไกล่เกลี่ยแล้วไม่จ่ายเงิน
       1. กรณีไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันแล้วในศาล แต่ลูกหนี้ไม่ชำระเงินตามตกลง  เจ้าหนี้ต้องจ้างทนายความฟ้องร้องใหม่ เพื่อให้ศาลตัดสินหรือไม่  หรือฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ได้เลย
         2. กรณี ไม่ไกล่เกลี่ย ให้ศาลตัดสินคดีแล้ว หากลูกหนี้ไม่ยอมชำระเงิน  เจ้าหนี้ฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ได้เลยหรือไม่
    คำตอบ
             1. กรณีที่คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในชั้นศาล และศาลพิพากษาตามยอม แล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีต่อไป ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 138,271
             2. ส่วนกรณีที่ไม่มีการไกล่เกลี่ยกันหรือไกล่เกลี่ยกัน แต่ตกลงกันไม่ได้แล้วศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยชำระหนี้ แล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา กรณีนี้โจทก์ก็ต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแก่จำเลยเช่นเดียวกัน

    พบศพทารกเพศหญิงอายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน ถูกนำไปทิ้งภายในห้องน้ำห้้างดัง




    พนักงานสอบสวนตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี และแพทย์เวรสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกันตรวจสอบศพทารกอายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน ภายในห้องน้ำห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขารัตนาธิเบศร์ พบเป็นทารกเพศหญิง ทิ้งในถังขยะมีกระดาษชำระรองไว้ก้นถัง สายรกถูกตัดขาดด้วยของมีคม
    จากการสอบสวนพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำทราบว่า ขณะเข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำบริเวณชั้น 2 ของห้าง พบรอยเลือดจำนวนมาก เมื่อเปิดดูภายในถังขยะจึงพบศพทารก เบื้องต้นสันนิษฐานว่า หญิงสาวใจแตกตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ จึงไปซื้อยาขับเลือดตามที่โฆษณามาทานเอง เพื่อให้เด็กออก ก่อนนำไปทิ้งในถังขยะ ตำรวจจึงประสานขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งหมดภายในห้าง เพื่อตรวจสอบหาแม่ของเด็กมาดำเนินคดี

    พ่อแจ้งความ! ล่าหนุ่มรุ่นพ่อลักพาตัวลูกสาว


                                                     นายธนากร หริอ เด พุฒสาย อายุ 33 ปี

    (8 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามฯ ได้รับการแจ้งความร้องทุกข์จาก นายประชา กีระติสุนทร อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดชลบุรี ซึ่งเดินทางมาขอร้องให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายธนากร พุฒสาย หรือ เด อายุ 33 ปี หลังจากที่ลักพาตัว น้องเดียร์ (นามสมมติ) ลูกสาววัย 13 ปี หนีหายออกไปจากบ้านเกือบหนึ่งเดือนแล้ว
    นายประชา ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา น้องเดียร์ ลูกสาวได้หายตัวไปจากบ้านตั้งแต่ช่วงเช้ามืด จึงออกตามหาตลอดทั้งวัน จึงทราบเบาะแสว่าลูกสาวอยู่ที่ห้องเช่าของ นายธนากร จึงตามไปหา แต่เมื่อถึงที่ห้องเช่า พบว่าประตูห้องถูกล็อกกุญแจอย่างแน่นหนา จนกระทั่งตนได้ไปตามหา นายธนากร ที่ทำงานเป็นช่างเชื่อมที่อู่ซ่อมรถ เพื่อให้มาเปิดประตูห้องให้ดู เพราะสงสัยว่าได้กักขังลูกสาวเอาไว้ในห้องแต่ถูกปฏิเสธ ก่อนที่ นายธนากร จะขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ขี่ย้อนไปทางด้านหลังห้องเช่าและเปิดกระเบื้องหลังคา นำตัวลูกสาวหนีไปทางหลังคา ตนจึงได้เข้าแจ้งความไว้กับ สภ.เมืองชลบุรี แต่ยังไร้วี่แว่วและไม่ทราบชะตากรรมของลูกสาว
    จนกระทั่งล่าสุด เมื่อ วันพ่อแห่งชาติ (5 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ได้รับข้อความผ่านทางโทรศัพท์จาก น้องเดียร์ ว่า "รักพ่อ คิดถึงพ่อ อยากกลับไปกราบเท้าพ่อ" ตนจึงได้โทรศัพท์ติดต่อกลับไปแต่ถูกตัดสายทิ้งและปิดโทรศัพท์ ติดต่อไม่ได้อีกเลย ทำให้ในขณะนี้รู้สึกร้อนรนใจและเป็นห่วงลูกสาวมาก เกรงว่าจะได้รับอันตราย
    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามฯ ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นให้เร่งออกหมายจับผู้ต้องสงสัย รายดังกล่าวแล้ว อีกทั้งเมื่อตรวจสอบประวัติยังพบว่า นายธนากร ยังต้องคดีพรากผู้เยาว์ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ในพื้นที่ จ.เลย ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ต้องสงสัยอีกด้วย

    พัทยาดราก้อน


                      


     “พัทยาดราก้อน” ราชาธุรกิจอินเตอร์เม้นท์ ทุ่มงบกว่า30 ล้านบาท เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะ ชาบู ซูชิ ต้นตำรับความอร่อย หวังรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเมนูอาหารญี่ปุ่น

                     นางอนา วงษ์สิงห์ ประธานกรรมการบริหารธุรกิจในเครือพัทยาดราก้อน นายวิชา เบ้าพิมพา กรรมการบริหารธุรกิจในเครือพัทยาดราก้อน นางสาวกัลยกร ชัยจินดา กรรมการบริหารร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะ ร่วมเปิดตัวร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะ ชาบู ซูชิ ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์บุฟเฟต์ ภายใต้แนวคิดอร่อยดีและคุ้มจริง คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบที่สดใหม่เสมอพร้อมและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีแขกวีไอพีร่วมงาน
                   นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา นายสันตศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ ส.ส.จ.ชลบุรี แบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังชล นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ส.ส.จ.ชลบุรี แบบแบ่งเขต พรคคพลังชล และแขกผู้มีเกียรติร่วมงานคับคั่ง
                   นางสาวกัลยกร ชัยจินดา กล่าวว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะลงทุนกว่า 30 ล้านบาทเพื่อให้เป็นร้านอาหารสไตล์บุฟเฟต์ที่ดีที่สุดโดยเกิดขึ้นจากแนวคิด ในการสร้างร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีคุณภาพ เราเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพให้ลูกค้าได้รับการบริการ ทั้งอร่อยและคุ้มราคาด้วยความหลากหลายของเมนูให้รับประทานได้ไม่อั้นกับชาบู ในน้ำซุปเข้มข้นและซูซิสดใหม่ชนิดต้นตำรับอย่างแท้จริง ดารุมะ ชาบู ซูชิ จะทำให้คุณอิ่มอร่อยในอาหารระดับพรีเมี่ยมไม่ว่าจะเป็นซาซิมิชั้นดี ซูซิหลากหลายหน้า ทั้งแซลมอนกุ้ง ไข่หวาน ปูอัด ข้าวห่อสาหร่ายหน้าต่างๆ ที่ไหลเวียนมาตามสายพานไม่ขาดสาย
                  นอกจากนี้ภายในร้านยังตกแต่งสวยงามดั่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นพร้อมรองรับลูกค้า กว่า 100 คน อย่างไรก็ดีร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะ ชาบู ซูชิ ตั้งอยู่บนถนนพัทยาสายสอง หน้าโครงการพัทยาดราก้อน ศูนย์รวมสถานบันเทิงและอินเตอร์เทนเม้นต์ ราคาท่านละ 399 บาท สอบถามเพิ่มเติมโทร.038-412578 หรือเยี่ยมชมที่เวปไซต์ www.darumapattaya.com