วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แก๊ง ปล้นบ้านปลัดคมนาคมสารภาพกลางวงแถลงข่าวได้เงินสดไปกว่า 200 ล้านบาท

    แก๊ง ปล้นบ้านปลัดคมนาคมสารภาพกลางวงแถลงข่าวได้เงินสดไปกว่า 200 ล้านบาทหลังชุดสืบสวนนำโดย "ภาณุพงศ์" รองผบ.ตร. รวบได้ 2 คนจากทั้งหมด 6 คน ยึดของกลางเงินสดเกือบ 3 ล้านบาท "ไอ้ไก่" ที่โดนล็อกคนแรกสารภาพสิ้น แฉขั้นตอนปล้นส่งคนไปเช่าห้องในคอนโดฯ ใกล้บ้านเกิดเหตุจับตานานนับเดือน ก่อนลงมือใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ จากนั้นบุกเข้าไปจับแม่บ้านมัด เผยตอนเข้าไปในห้องพบเงินสดในกระเป๋าวางเรียงอยู่เพียบ แต่มีปัญญาขนออกมาได้แค่ 200 ล้าน อ้างยังเหลืออีก 700-1,000 ล้านบาท หลังลงมือสำเร็จไอ้โก้ให้เงินในกระเป๋าใบเล็กจำนวน 15 ล้านมาแบ่งกัน ที่เหลือบอกจะเอาไปให้ลูกพี่ซึ่งอ้างเป็นขรก. จำนวน 50% ไอ้โก้ได้ 30% และอีก 20% จะเอามาให้ทีมปล้น เร่งล่าเพิ่มไอ้โก้และพรรคพวกที่ยังหลบหนีอยู่ ตร.รู้แหล่งกบดานหมดแล้ว

ความคืบหน้าคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดคมนาคม ซึ่งตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายได้จำนวนหนึ่งให้การซัดทอดว่าร่วมลงมือทั้งหมด 6 คน มี "ไอ้โก้" ลูกน้องของเสธ.สนามม้า เป็นหัวโจก ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 17 พ.ย. พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.วินัย ทองสอง ว่าที่ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส. บช.น. พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชื่นชม อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135/46 ตรอกอาคาร 7 แขวง/เขตคลองเตย กทม. และนายเสาร์แก้ว หรือแก้ว นามวงค์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 238 หมู่ 7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ. เชียงราย ผู้ต้องหาปล้นบ้านนายสุพจน์ พร้อมของกลาง เงินสดประมาณ 3 ล้านบาท เครื่องชอร์ตไฟฟ้า เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ ไขควง คีม ประแจ สร้อยคอทองคำ 5 บาท 2 เส้น นาฬิกา 1 เรือน

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์แถลงว่า เนื่องมาจากเมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายบุกเข้าไปปล้นบ้านของนายสุพจน์ เลขที่ 77 ซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม. โดยกลุ่มคนร้ายอาศัยช่วงที่เจ้าของบ้านและคนในบ้านไม่อยู่ บุกเข้า ไปใช้เทปพันสายไฟมัดมือแม่บ้าน ก่อนพาขึ้นไปบนห้องนอนของนายสุพจน์ และรื้อค้นทรัพย์สิน หลบหนีไป

"จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุและตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายใช้รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว 4 ประตู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ออกจากที่เกิดเหตุมุ่งหน้าถนนเลียบด่วนรามอินทรา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว กระทั่งทราบเบาะแสว่า มีบุคคลต้องสงสัยซึ่งมีพฤติกรรมใช้เงินร่ำรวยผิดปกติ จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบพบนายสิงห์ทอง หรือไก่ จึงได้เชิญตัวมาสอบปากคำ ก็พบพิรุธหลายอย่างและไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ สุดท้ายจึงรับสารภาพว่าร่วมมือกับพวกรวม 6 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ดังกล่าวจริง" รองผบ.ตร.กล่าว

โดยนายสิงห์ทอง ถูกจับและตำรวจพาไปตรวจค้นห้องพักย่านคลองตัน พบเงินสด 5 แสนบาท สร้อยคอทองคำ หนัก 5 บาท 2 เส้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าจับกุมนายเสาร์แก้ว ได้ที่บ้านพัก จ.เชียงราย พร้อมของกลางเงินสด 1,050,000 บาท และนำตัวไปขยายผลได้เงินเพิ่มอีก 1,272,000 บาท รวมเป็นเงิน 2,322,000 บาท

ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนซัดทอดเพื่อนร่วมแก๊งอีก 4 คน คือนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 260 หมู่ 2 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา หัวหน้าแก๊ง, นายพงษ์ศักดิ์ นามวงค์ อายุ 35 ปี ลูกชายของนายเสาร์แก้ว, นายสมบูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 5 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย และนายคำนวณ เมฆน้อย อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 449 หมู่ 9 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์

นายสิงห์ทองให้การว่า วางแผนมานานหลายเดือน ให้นายคำนวณไปเช่าอพาร์ตเมนต์รายวันชั้นสูงสุดที่ใกล้เคียงบ้านที่เกิดเหตุ คอยดูความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน ขับรถวนเข้ามาดูบ้านที่เกิดเหตุหลายครั้ง แต่ยังไม่กล้าลงมือ กระทั่งนายวีระศักดิ์ นำเครื่องมือ เช่น เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ เครื่องชอร์ตไฟฟ้า ชะแลง วิทยุสื่อสาร หมวกไหมพรม หน้ากาก ถุงมือ และคีมตัดลวด จึงวางแผน กระทั่งวันเกิดเหตุนายวีระศักดิ์ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ 1166 กาญจนบุรี พาพวกรวม 5 คนไปลงมือ ส่วนนายคำนวณ ดูต้นทางอยู่ด้านนอก

"นายวีระศักดิ์เปิดเครื่องตัดสัญญาณโทร ศัพท์ และให้ผมลงไปเปิดประตูรั้ว จากนั้นจึงเข้าไปจับแม่บ้านมัดมือแล้วบังคับพาขึ้นไปยังห้องนอนของนายสุพจน์ รื้อค้นทรัพย์สินพบกระเป๋าใส่เงินจำนวนมาก ได้เงินมาทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งที่แบ่งกันเบื้องต้นเป็นเงินสดที่อยู่ในกระเป๋าเล็กประมาณ 15 ล้านบาท นายวีระศักดิ์บอกให้แบ่งกันใช้ไปก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือนายวีระศักดิ์เป็นคนเก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง" นายสิงห์ทองให้การและอ้างอีกว่าตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50 เปอร์ เซ็นต์ แบ่งให้ลูกพี่ของนายวีระศักดิ์ ที่เป็นข้าราชการ ส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นของนายวีระศักดิ์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือให้ทีมที่ลง มือแบ่งกัน ซึ่งตอนที่เข้าไปในห้องพบกระเป๋าใส่เงินสดวางเรียงอยู่เต็ม สามารถขนออกมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ยังมีเงินเหลือในห้องอีกประมาณ 700-1,000 ล้านบาท