วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ความรู้ กฎหมาย กับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ความสำคัญของการเลือกตั้ง สส

การเลือกตั้ง ส.ส. มีความสำคัญต่อคนไทยทุกคนที่ต้องไปทำหน้าที่เพื่อมอบอำนาจอธิปไตยของเราโดยการเลือกผู้แทนไปทำหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์และดูแลทุกข์สุขของประชาชน รวมทั้งบริหารงบประมาณของประเทศชาติถึงปีละหนึ่งล้านล้านบาท
ดังนั้น การเลือกผู้แทนที่เป็น “คนดี” มีความซื่อสัตย์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนให้เข้าไปทำงานทางการเมืองเราจะทำให้สามารถใช้งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่มาจากเงินภาษีของประชาชนไปพัฒนาประเทศชาติได้อย่างเต็มที่

ที่มาของ สส

ส.ส. มีจำนวน 500 คน มาจากการเลือกตั้ง 2 แบบ ได้แก่

สส แบบแบ่งเขต ส.ส. แบบแบ่งเขต
มีจำนวน 375 คน คือ ส.ส. ที่มาจากเขตเลือกตั้งโดยการแบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศออกเป็น 375 เขต ในแต่ละเขตเลือกตั้งมี ส.ส. ได้ 1 คน ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดเป็นผู้ได้รับเลือกเป็น ส.ส.
สส แบบสัดส่วน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ
มีจำนวน 125 คน คือ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ คือ ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งในแบบบัญชีรายชื่อ โดยพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครไว้เพียงบัญชีเดียว เรียงลำดับจำนวนไม่เกิน 125 รายชื่อ รายชื่อใครจะอยู่ลำดับใดนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคจะดำเนินการ การเลือกตั้งแบบนี้ถือประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง หมายถึงทั้งประเทศ จะมีผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อชุดเดียวกัน

หน้าที่ของ สส

ออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
เป็นผู้เลือก ส.ส. ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน
จัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อพัฒนาประเทศ
นำปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนเสนอรัฐบาล

คุณสมบัติผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สส

มีสัญชาติไทย แต่บุคคลผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง
มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง

ลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
อยู่ในระหว่างถูกเพิงถอนสิทธิการเลือกตั้ง
ต้องคุมขังโดยหมายของศาลหรือโดยตคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
วิกลจริต จิตฟั่นเฟือน หรือไม่สมประกอบ

การลงคะแนนล่วงหน้า (ประกาศ 7 วัน ก่อนวันเลือกตั้ง)


ลงคะแนนนอกจังหวัด
ผู้ที่ทำงานหรืออาศัยอยู่คนละจังหวัดกับทะเบียนบ้านหรือผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านปัจจุบันไม่ถึง 90 วัน สามารถไปลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. ก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลางของจังหวัดที่ท่านทำงานหรืออาศัยอยู่ได้ แต่ต้องยืนคำขอลงทะเบียนเพื่อขอใช้สิทธิเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 30 วัน จึงจะมีสิทธิ

กรณีเขตเลือกตั้งใดมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. แทนตำแหน่งที่ว่าง หรือมีการเลือกตั้งใหม่ บุคคลผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิดังกล่าวก็สามารถเดินทางกลับไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ณ หน่วยเลือกตั้งที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านได้

ลงคะแนนในจังหวัด
ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านตามทะเบียนบ้าน แต่ในวันเลือกตั้งต้องเดินทางออกนอกเขตไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ ก็สามารถไปแสดงตนเพื่อขอลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. ก่อนวันเลือกตั้งได้ ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขตเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิเลือกตั้ง โดยต้องยื่นคำขอลงทะเบียนขอใช้สิทธิดังกล่าวต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น ภายในระยะเวลาที่ กกต. กำหนด

เตรียมตัวก่อนไปเลือกตั้ง

การตรวจสอบรายชื่อ

20 วันก่อนวันเลือกตั้ง ตรวจสอบรายชื่อจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ที่ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการเขต ที่ทำการ อบต. สำนักงานเทศบาล ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หรือเขตชุมชน
15 วันก่อนวันเลือกตั้ง ตรวจสอบรายชื่อจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งแล้ะที่เลือกตั้งจากหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน (ส.ส.12)

การเพิ่มชื่อ - ถอนชื่อ

ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 วัน หากเห็นว่าไม่มีชื่อตนเองหรือมีชื่อผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้งปรากฏอยู่ในบัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้แจ้งนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น โดยนำหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรประจำตัวอื่นใดที่ทางราชการออกให้มาแสดงด้วย

การแจ้งเหตุที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ได้

ก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน ขอรับแบบ ส.ส. 28 หรือทำหนังสือชี้แจงเหตุที่ทำให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ และให้ระบุเลขประจำตัวประชาชนและที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
ยื่นหนังสือต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น
ด้วยตนเอง
มอบหมายผู้อื่นหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน

ผู้ที่มีเหตุทำให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ได้

ผู้มีธุรกิจจำเป็นเร่งด่วนต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
ผู้ป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
ผู้พิการหรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
ผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
ผู้มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร
ผู้ประสบเหตุสุดวิสัย เช่น อุทกภัย วาตภัย ฯลฯ

หลักฐานที่ใช้ในการเลือกตั้ง

บัตรประชาชน (บัตรที่หมดอายุก็ใช้ได้)
บัตรหรือหลักฐานที่ราชการหรือหน่วยงานของรัฐออกให้มีรูปถ่ายและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เช่น
บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ใบขับขี่
หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)

การอำนวยความสะดวกผู้พิการที่มีสิทธิเลือกตั้ง
คณะกรรมการเลือกตั้ง ได้จัดให้มีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ผู้พิการใช้สิทธิเลือกตั้งได้สะดวกขึ้น โดยคอยช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ซึ่งการช่วยเหลือนั้นต้องให้ผู้พิการได้ลงคะแนนด้วยตัวเองด้วย เช่น จัดให้มีบัตรทาบในการลงคะแนนสำหรับผู้พิการทางสายตา อำนวยความสะดวกในกานหย่อนบัตรในหีบบัตรเลือกตั้ง ฯลฯ

ขั้นตอนการลงคะแนนเลือกตั้ง
ตรวจสอบรายชื่อ ตรวจสอบรายชื่อและลำดับที่จากบัญชีรายชื่อผู้สิทธิเลือกตั้งที่ประกาศไว้หน้าหน่วยเลือกตั้ง
ยื่นบัตรประชาชน ยื่นบัตรประชาชนและลงลายมือชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
รับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ลงลายมือชื่อ หรือพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือขวาบนต้นขั้วบัตรเลือกตั้ง พร้อมรับบัตร 2 ใบ คือ บัตรเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต และบัตรเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ (ถ้าเป็นการเลือกตั้งซ่อมจะมีเฉพาะบัตรเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตใบเดียว)
ทำเครื่องหมายกากบาท เข้าคูหาลงคะแนน ทำเครื่องหมายกากบาท X ลงในช่องทำเครื่องหมาย

บัตรเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต เลือกผู้สมัครเพียงหมายเลขเดียว
บัตรเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เลือกพรรคการเมืองเพียงหมายเลขเดียว
หากไม่ต้องการเลือกใครหรือพรรคการเมืองใด ให้ทำเครื่องหมายกากบาท X ในช่องไม่ลงคะแนน
หย่อนบัตรด้วยตนเอง เมื่อลงคะแนนเสร็จแล้วพับบัตรเลือกตั้งให้เรียบร้อยและหย่อนบัตรลงในหีบ บัตรเลือกตั้งด้วยตนเอง

คนดีที่ควรเลือกเป็น สส ควรมีลักษณะ เช่น

มีประวัติการทำงานหรือผลงานที่ผ่านมาดีและเป็นที่ยอมรับ
มีคุณธรรมและรู้จักเสียสละ
เข้าถึงประชาชนในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นและนำมาแก้ไข โดยเสนอเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
เป็นแบบอย่างของการรู้จักรักษาประโยชน์ของส่วนรวมไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง เช่น แจกเงินหรือสิ่งของเพื่อให้ผู้ใดลงคะแนนให้ตนเอง หรือไม่ลงคะแนนให้กับผู้สมัครอื่น หรือพรรคอื่นๆ

พรรคการเมืองที่ดี ควรมีลักษณะ เช่น

มีนโยบายเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน และมีแนวทางปฏิบัติให้เป็นจริงได้
ระบบบริหารของพรรคยึดหลักการประชาธิปไตย
มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
เป็นพรรคที่รวมคนทุกกลุ่มในสังคมเป็นสมาชิกไม่ใช่ยึดติดเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

การนับคะแนน

เมื่อเสร็จสิ้นการลงคะแนนในเวลา 15.00 น. ของวันเลือกตั้งแล้ว จะนับคะแนน ณ ที่เลือกตั้งโดยเปิดเผยจนเสร็จสิ้นในรวดเดียว เพื่อ

ป้องกันการทุจริตเลือกตั้งที่อาจเกิดจากการขนย้ายหีบบัตร
ให้การนับคะแนนเสร็จสิ้น และสามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้รวดเร็ว

หลังจากนั้น กกต.เขต จะรวบรวมผลการนับคะแนนของทุกหน่วยเลือกตั้งภายในเขต และประกาศผลรวมคะแนนของเขตและปิดประกาศไว้ในสถานที่ที่กำหนด พร้อมรายงานต่อ กกต.ประจำจังหวัด และรายงานต่อ กกต. เพื่อประกาศและรับรองผลการเลือกตั้ง

การคัดค้านการเลือกตั้ง
ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดเขตเลือกตั้งหนึ่งยื่นคัดค้านต่อ กกต. โดย

ก่อนวันการประกาศผลการเลือกตั้ง หรือภายใน 30 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง กรณีเห็นว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ภายใน 180 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง กรณีเห็นว่าผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ใช้จ่ายเงินในการหาเสียงเกินจำนวนที่ กกต. กำหนด หรือผู้สมัครไม่ยื่นบัญชีรายรับ-รายจ่าย ภายใน 90 วันหลังวันเลือกตั้ง

การเสียสิทธิ 3 ประการ
ผู้ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งและไม่ได้แจ้งเหตุอันสมควรจะเสียสิทธิ ดังนี้

สิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.
สิทธิสมัครรับเลือกตั้งและสิทธิได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ส. ส.ว. สมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น
สิทธิสมัครรับเลือกเป็นกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน

สิทธิทั้ง 3 ประการ จะได้กลับคืนมาก็ต่อเมื่อไปใช้สิทธิการเลือกตั้งอย่างใดอย่างหนึ่งในการเบือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งระดับชาติหรือท้องถิ่น

ข้อห้าม

ห้ามซื้อเสียง หรือจัดเตรียมซื้อเสียง
ห้ามรับเงินและประโยชน์อื่นใด เพื่อลงคะแนนเลือกตั้ง
ห้ามส่งเสียงและห้ามขายหรือจัดเลี้ยงสุรา ตั้งแต่ 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง
ห้ามนายจ้างขัดขวางการไปใช้สิทธิของลูกจ้าง
ห้ามขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้ง
ห้ามจัดยานพาหนะ (ยกเว้นหน่วยงานรัฐ) ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปเลือกตั้ง โดยไปต้องเสียค่าโดยสาร
ห้ามทำให้บัตรเลือกตั้งชำรุดอย่างจงใจ
ห้ามถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ตนเองได้ลงคะแนนแล้วด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดๆ
ห้ามเล่นการพนันขันต่อใดๆ เกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง
ห้ามเปิดเผยหรือเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง (โพลล์) ในระหว่างเวลา 7 วันก่อนวันเลือกตั้งจนถึงเวลาปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง

ไม่ซื้อสิทธิขายเสียงเป็นสาระแห่งชาติ
รัฐบาลประกาศให้ การแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากการทุจริตเลือกตั้งส่งผลเสียหายโดยรวมต่อประเทศชาติของเรา เช่น

ต้องสูญเสียงบประมาณ ซึ่งมาจากเงินภาษีของประชาชนในการจัดการเลือกตั้งใหม่
ส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้าไปจากการทุจริตเลือกตั้งอาจเข้าไปโกงเงินภาษีของประชาชนเพื่อถอนทุนคืน

การมีส่วนร่วมในการแจ้งเหตุ
เมื่อพบเห็นการทุจริตเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงิน สิ่งของ หรือมีการเรียกรับเงิน หรือทรัพย์สิน ให้ช่วยกันแจ้งเบาะแส หรือรวบรวมหลักฐานการทุจริตแจ้งต่อตำรวจในพื้นที่หรือรายงานให้ กกต. ทราบ

ด้วยตัวเอง
ทางโทรศัพท์ หมายเลข 0-2143-8668 , 0-2141-8888

Good friends inspire everyone to do well.

เนื้อหาข่าว
ทหารก่อเหตุยิงกราดกลุ่มวัยรุ่นในร้านดนตรีเมืองตรังได้รับบาดเจ็บ 4 คน อ้างป้องกันตัว

เมื่อ เวลา 01.00 น. วันที่ 31 พ.ค. พ.ต.ท.สุวิทย์  ยุทธนาการ  สารวัตรเวร สภ.เมืองตรัง  รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส  3-4 ราย  ภายในร้านอาหารบ้านฉาน ถ.รัษฎา ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง  จึงรายงาน พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.เมืองตรัง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ภูมิ  บาลทิพย์  รอง ผกก.ป.สภ.เมืองตรัง  และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลสถานตรัง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นร้านอาหารเพลงแนวเพื่อชีวิต  จากการตรวจสอบพบรอยเลือดขนาดใหญ่บริเวณพื้นร้าน  ส่วนผู้บาดเจ็บเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯนำส่งรพ.ตรังคือ  1.นายเอกพงศ์  พรมนุ่น อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 4 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง

จากการตรวจสอบพบบาดแผลถูกยิงที่ศรีษะ  1 นัด อาการบาดเจ็บสาหัส  2.นายอดิศัย  ชัณวิจิตร์ อายุ 30 ปี อยู่ที่ 6/2 หมู่ 8 ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง พบบาดแผลถูกยิงที่ศรีษะ  1 นัด  3.นายอดินันท์ ชัณวิจิตร์ อายุ 26 ปี น้องชายนายอดิศัยฯ อยู่บ้านเลขที่เดียวกัน ตรวจสอบบาดแผลพบถูกทุบด้วยอาวุธของแข็งบริเวณศรีษะแตกเล็กน้อย   และ4.น.ส.ผกาวรรณ  ด้วงสีเกาะ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/48  ถ.เวียนกะพัง ต.ทับเที่ยง อ.เมือง ถูกลูกหลงกระสุนเจาะที่ศรีษะ ทั้งหมดยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน รพ.ตรัง 

ส่วนผู้ลงมือก่อเหตุครั้งนี้  คือ สิบโทวัชระ  จันทร์แก้ว ทหารค่ายสุริโยทัย อ.ระแงะ จ.นราธิวาส อายุ 24 ปี ชาวตำบลโคกยาง อ.กันตัง จ.ตรัง  ผกก.สภ.เมืองตรัง ได้สั่งให้ตำรวจชุดสายตรวจขึ้นวิทยุสกัด  จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด  พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืน ขนาด 9 มม.  1 กระบอก ที่ใช้ในการก่อเหตุ  จึงนำตัวสิบโทวัชระฯมาสอบสวน และตรวจสอบเขม่าดินปืน ที่สภ.เมืองตรัง  

สอบสวน สิบโทวัชระฯให้การว่า  ตนไปนั่งดื่มเหล้า กินอาหารและฟังเพลงกับเพื่อนรวม 3 คน ตั้งแต่ช่วงค่ำที่ผ่านมา  ขณะเกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นโต๊ะข้างๆ 4-5 คน ได้เขวี้ยงแก้วน้ำมาที่โต๊ะแล้วเดินพุ่งเข้ามาจะทำร้ายร่างกาย  ตนจึงใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า  1 นัด  แต่กลุ่มวัยรุ่นยังไม่ยอมหยุดพร้อมวิ่งเข้าใส่กลุ่มตน  และเกิดการตะลุมบอนทำร้ายร่างกายกันขึ้น  ตนจึงใช้อาวุธปืนยิงสวนไปในช่วงชุลมุน 2 นัด  จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว  ซึ่งกระสุนได้ถูกเพื่อนของตนและยังมีผู้หญิงที่ถูกลูกหลงด้วย 1 คน  ตนทำไปเพราะต้องการป้องกัน  เนื่องจากไม่ทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นมีอาวุธอะไรบ้าง  ทั้งนี้ไม่ได้รู้จักกลุ่มวัยรุ่นที่ร่วมก่อเหตุมาก่อนแต่อย่างใด

เบื้องต้นพ.ต.อ.สมชาย สันนิษฐานว่า  ทั้งสองฝ่ายอาจจะเกิดอาการเมาและมองหน้าไม่พอใจกัน  จึงเป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาทถึงขั้นรุนแรง  ตำรวจได้แจ้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา  พร้อมควบคุมคัวให้พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

*บทความ ประเทศไทยเป็นของทุกคน...


               เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน. 

       บทความ ประเทศไทยเป็นของทุกคน...
       ในระบอบประชาธิปไตยที่เน่าล้มเหลว ปัญหาที่เกิดจากนักการเมือง...

เมื่อรัฐบาลปัจจุบันประกาศยุบสภาให้มีการเลือกตั้ง ภาพที่จะได้เห็นก็คือ ผู้สมัครใช้เงินซื้อเสียงแล้วได้เป็นส.ส.
เมื่อเข้ามาเป็นส.ส.แล้ว ปัญหาที่ตามมามีมากมาย ส.ส.ที่เข้ามาต้องประพฤติตัวทุจริต ต้องโกง ต้องกิน ต้องถอนทุน
ภาย หลังเลือกตั้งก็ยังเกิดปัญหาไม่จบ ส.ส.ก็ต้องมาล้างแค้นกัน ใครเป็นศัตรูเก่า ใครเป็นศัตรูใหม่ รวมถึงกลั่นแกล้งข้าราชการ โยกย้ายข้าราชการพวกพ้องให้ได้ดิบได้ดี เพื่อเป็นเครื่องมือและค้ำยันตนให้อยู่ในอำนาจอย่างมั่นคง การล้างแค้นมีไปทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็น วงการทหาร ตำรวจ ข้าราชการปกครอง เกิดความแตกแยกในหมู่ข้าราชการ พวกแกนนำ รากหญ้าที่รับเงินซื้อเสียง ก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายที่ฟ่ายแพ้การเลือกตั้ง ให้ลุกฮือให้ร้ายกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ส่วนรากหญ้ากว่า 50 ล้านคน ปัจจุบันก็ลำบาก ต้องเช่านา มีหนี้สิน 
ต้อง ทนใช้น้ำมันลิตรละเกือบ 50 บาทแล้ว ข้าวของทุกอย่างขึ้นราคาแพงหมด แล้วจะให้พวกเขาไปทำอะไรกิน ผลตามมาโจร คนร้าย ยาเสพติด ไม่เพิ่มเต็มบ้านเต็มเมืองหรือ ส่วนปัญหาการทำลายสถาบัน การจาบจ้วง ล้มเจ้า มีใครไหมที่จะมาปกป้อง เอาแค่เว็บหมิ่นพระบรมเดชานุภาพใน YouTube ยังไม่มีปัญญาจัดการเลย มีแต่ปวงชนชาวไทย ประชาชนตาดำๆเท่านั้นที่กล้าออกมาปกป้อง...

คำถาม การเลือกตั้งแบบนี้มันเป็นประชาธิปไตยไหม? มันเกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองไหม!!! เข้ามาแล้วบริหารประเทศชาติจะเจริญไหม?
หรือ เป็นเพียงการเปลี่ยนฉากโรงละคร เพื่อขอซุกความผิดที่บริหารชาติล้มเหลว ฟอกตัวเพื่อนับหนึ่งว่า รัฐบาลใหม่ชุดนี้ชนะการเลือกตั้งและ
เข้า มาบริหารชาติด้วยความชอบธรรม จะปล่อยให้ส.ส.เป็นอย่างนี้อีกนานไหม หรือว่า จะรอให้บ้านเมืองสิ้น..........ก่อน(ตรงนั้ยากที่จะเขียนอธิบาย)
แม้ กระทั่งข้าราชการในองกรค์การเลือกตั้งยังรับว่า เปิดให้มีการเลือกตั้งไป มันก็เป็นการเลือกตั้งที่มีการซื้อเสียง อย่าให้มีการเลือกตั้งดีกว่า

สรุป ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกแหลกลาญ
ปัญหาส.ส.โกงกิน ขายชาติ ก็ยังอยู่ ปัญหาคนในชาติแตกแยกกันและแย่งอำนาจรัฐ ก็ยังอยู่ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ปัญหาทุจริต
ปัญหาข้าวยากหมากแพง ก็ยังอยู่

แบบนี้คำว่า ประชาธิปไตยคือ อำนาจที่มาจากประชาชน เพื่อประชาชนและเป็นของประชนชน
คงต้องไปถาม ประชาชน ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่รักชาติและเทิดทูลพ่อของแผ่นดินว่า เขาจะตอบนักการเมืองว่าอย่างไร..............

การเลือกตั้งครั้งนี้
มุมมองด้านนักการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียงแบบฝนตกห่าใหญ่
จะ เห็นว่าเป็นเพียงการใช้กฎหมายมาล้างไพ่ของรัฐบาล เปลี่ยนฉาก ฟอกตัว หาความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง เป็นคนกำหนดกติกาให้ประชาชนต้องเดินตามกฎหมายการเลือกตั้ง โดยมีองค์กรอิสระ กกต.ที่ดูแลการเลือกตั้ง ก็เป็นเพียงนามธรรม ไม่สามารถดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์และเที่ยงธรรมได้ ผลก็ได้ส.ส.ทุจริตเข้ามาอีก ข้อความตรงนี้ถ้านำไปเป็นคำสาบานรับรองได้ว่า ส.ส. แกนนำหาเสียง ข้าราชการที่ยอมเป็นเครื่องมือทำทุกอย่างให้นักการเมือง รวมไปถึง กกต.กลาง กกต.จังหวัด กกต.เขต กกต.ท้องถิ่น ตำรวจประจำหน่วยเลือกตั้ง  ต้องผิดคำสาบานและตกนรกทุกคน! เพราะ การเลือกตั้งมันไม่บริสุทธิ์ มีแต่คนกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งเกือบค่อนประเทศ รวมไปถึงประชาชนที่ขายเสียง-รับเงิน ถ้านับหรืดคำนวณว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีคนกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งต้องไม่น้อยกว่า 30 ล้านคน!!!
             สัจจะธรรม ไม่มีใครอยากชนกับนักการเมือง ที่มีทั้งเงิน มีอำนาจ เลี้ยงมือปืนทั้งคนธรรมดาและคนมีสี คบทหารใหญ่ มีข้าราชการฝ่ายปกครองเป็นไม้เป็นมือ แล้วอย่างนี้จะมีใครสักคนที่รู้เห็นการกระทำผิดพ.ร.บ.การเลือกตั้ง นำความและหลักฐานมาแจ้งกับกกต. ในเมื่อรู้ผลอยู่แล้วว่า ถ้าคุณทำจะได้รับรางวัลจากนักการเมืองคือ ความตาย! เมื่อเห็นตัวอย่าง การดักยิงหัวคะแนน ลอบฆ่านักการเมืองที่จะลงรับสมัครการเลือกตั้ง มีให้เห็นทุกวัน องค์กรอิสระกกต. ก็ไม่อยากชน ไม่อยากถูกฆ่าตายเหมือนกัน!!!
          การเลือกตั้งทุจริตทุกรูปแบบ ใช้เงินซื้อเสียงครั้งนี้ ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย บ้านเมืองใกล้...........!!! แล้ว

            แบบนี้เรียกว่า ระบบโครงสร้างของประเทศไทย ทุกองคาพยพของบ้านนี้เมืองนี้ ล้มเหลว ไม่มีหลักนิติรัฐอะไรให้เหลืออีกแล้ว
            มีแต่นักการเมืองที่ใช้เงิน อำนาจ ลูกปืน เท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตย!!!

             คำถาม เมื่อไรประเทศไทยมันจะเจริญเสียที มีใครไหมคิดจะหยุดทุกอย่างเพื่อที่จะปฎิรูปประเทศ...
             คำตอบ ...........................................................................
             คำถาม การเลือกตั้งครั้งนี้ มันเป็นประชาธิปไตยไหม!!  เมื่อไปเทียบกับประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลก
             คำตอบ ............................................................................

             หรือ จะรอให้ข้าวแกงจานละ 200 บาท เนื้อหมูก.ก.ละ 500 บาท น้ำมันลิตรละ 200 บาท
            รัฐบาลต้องพิมพ์ธนบัตรใบละ 10,000 บาท  ออกมาใช้เพราะเงินมีค่าน้อยลง
            ขณะที่คนในประเทศยากจนลง มีแต่คนตกงานไม่มีอาชีพ ชาวบ้านธรรมดาต้องไปค้ายาเสพติด ไปเป็นโจร ลูกสาวต้องขายตัว
            เมื่อถึงตอนนั้น คงไม่ต้องไปขอร้องใครมาร่วมแก้ไขปัญหาของชาติ เพราะ บ้านเมืองมันพังพินาศลุกเป็นไฟแล้ว!!!
            หรือว่า ประเทศไทยมันไม่ใช่ของเราคนเดียว ขอให้เราอยู่แบบไม่เดือดร้อนเป็นพอ...................................................

          อุทาหรณ์  คนคำนวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต  
สรุป นักการเมืองทุจริต ทำผิดกฎหมาย ต้องแพ้ภัยตัวเอง...
         ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  ยังดำรงค์อยู่คู่ธงไตรรงค์ของชาติไทยตลอดกาล.
         เพราะ เมืองไทยยังมีพสกนิกรคนรักองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากมายทั่วฟ้าทั่วแผ่นดิน...
         เพียงรอเวลาที่จะระเบิดออกมาเท่านั้น.........


         
          
          



วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

จ.ส.ต.หึงโหดยิงเมียฆ่าตัวตายตาม


สลดจ.ส.ต.หึงส.ต.อ.หญิงออกไปพบปะลูกค้าสินค้าขายตรงบ่อยครั้ง สวมบท โหดยิงเมียดับฆ่าตัวตายตาม
วันนี้ 23 พ.ค. พ.ต.ท.สุวิทย์ ปัญโญ พนักงานสอบสวน  สภ.เมืองเชียงใหม่ นำกำลัง ไปตรวจสอบเหตุยิงกันตายในร้านพุทธรักษารับจัดดอกไม้ เลขที่ 27/41 ถนนราชวิถี ต.ศรีภูมิ พบศพ ส.ต.อ.หญิง ศศิธร ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ กลุ่มงานจราจรตำรวจ ภ.จว.เชียงใหม่ สภาพนอนเสียชีวิตจมกองเลือด มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 ม.ม. เข้าที่ลำตัวและศีรษะรวม 5 นัด ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ 7 ปลอก
นอกจากนี้มีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ถูกนำตัวส่งรพ.มหาราชนครเชียงใหม่ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา คือจ.ส.ต.เอกราช ราชดีผิว ผบ.หมู่งานสส.ภ.จว.เชียงใหม่ มีบาดแผล ใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงเข้าที่ขมับ 2 นัด
สอบสวนเบื้องต้นทราบ ว่าทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน และมีลูก 1 คน อายุ 10 ขวบ โดยฝ่ายหญิงเป็นคนทำงานเก่ง นอกจากเป็นตำรวจแล้ว ใช้เวลานอกราชการทำอาชีพขายตรงออกไปพบปะลูกค้าบ่อยครั้ง จนทำให้สามีเกิดความหึงหวงและเกิดทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนต้องแยกกันอยู่ โดยก่อนเกิดเหตุทั้งคู่นัดมาตกลงเรื่องของการหย่าที่ร้านเกิดเหตุ  ซึ่งเป็นร้านของญาติฝ่ายหญิง โดยจ.ส.ต.เอกราช พยายามขอคืนดีด้วย แต่อีกฝ่ายไม่ยินยอม จนเกิดการโต้เถียงกัน และฝ่ายชายเกิดบันดาลโทสะชักปืนออกมายิงภรรยา แล้วยิงตัวตายตาม แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อนำมาประกอบสำนวนต่อไป.

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เลือกตั้งเมืองไทยกับการฆ่ารายวัน...



มือปืนดักหน้าบ้าน ยิงถล่ม นายก อบต.โผงเผง หัวคะแนน"เฮียตือ"เสียชีวิต เมียเจ็บ ตำรวจคาดปมการเมือง

วันนี้  23 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดียิงคนสนิทของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 22 พ.ค. โดย ร.ต.อ.อาทิตย์ สอนทา   ร้อยเวร สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง  รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บ 2 คน  เหตุเกิดบริเวณหมู่ 5 ต.โผงเผง อยู่ใกล้กับ อบต.เอกราช จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยนายวิศว ศะศิสมิต ผวจ.อ่าง ทอง  พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ.ปิยะศักดิ์ ดาวฤกษ์ ผกก.สภ.ป่าโมก  เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยวีอาร์อ่างทอง

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กจ7364 พระนครศรีอยุธยา จอดอยู่ สภาพถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดที่บริเวณยางหน้าด้านขวา กันชนหน้า ประตูด้านขวายาวไปจนท้ายรถ  นอกจากนั้นยังพบรอยเลือดจำนวนมากอยู่ในรถ และนอกรถ บริเวณเกียร์รถพบปืน 1 กระบอก ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ นายวิโรจน์ ดำสนิท อายุ 44 ปี เป็นนายก อบต. โผงเผง อ.ป่าโมก และนางพรเพ็ญ ดำสนิท อายุ 41 ปี ภรรยานายวิโรจน์ ทั้งคู่อยู่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่ 5 ต.เอกราช อ.ป่าโมก แต่นายวิโรจน์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนางพรเพ็ญถูกยิงเข้าที่บริเวณแขนขวา ถูกนำตัวส่ง รพ.อ่างทองเวชการ 2

จากการสอบสวน นางพรเพ็ญให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและสามีไปช่วยงานศพที่วัดวิจารณ์โสภณ หมู่ 7 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก  ระหว่างเดินทางกลับบ้านซึ่งเหลือระยะทางอีกแค่ 50 เมตร ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เมื่อเห็นว่าถูกยิงตนจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้าน พ.ต.อ.ปิยะศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าหลายนัด หัวกระสุนปืน .22 แม็กนั่มจำนวนหนึ่ง ส่วนบริเวณรถของนายวิโรจน์ เบื้องต้นตรวจสอบพบรูกระสุนปืนด้านคนขับกว่า 10 นัด ส่วนคนร้ายคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3 คน ได้ซุ่มอยู่เนินดินบริเวณทางเข้าบ้าน ห่างจากบ้านนายวิโรจน์ประมาณ 100 เมตร

ส่วนการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุให้การว่า ได้ยินเสียงปืนดังรัวขึ้นหลายนัด 2 ชุด และมีรถจักรยานยนต์วิ่งสวนออกไป สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าจะมาจากเรื่องการเมือง แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่น หรือการเมืองระดับชาติ สำหรับนายวิโรจน์นั้น เป็นคนสนิทของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล  ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา  และเป็นหัวคะแนนคนสำคัญในพื้นที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง

ก่อนหน้านี้เกิดเหตุยิงนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการยิง นายโกวิทย์ เจริญนนทสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง เมื่อวันที่ 2 มี.ค. จากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุร้ายซ้ำ โดยมือปืนขับรถปิกอัพประกบยิงนายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งล้วนแต่มีเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับ ชาติ
ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา  กล่าวว่า นายวิโรจน์ ที่ถูกยิงเสียชีวิต ถือเป็นกำลังสำคัญของพรรคฯ เป็นคนทำงานดี และประชาชนให้การยอมรับ จึงถือว่าเป็นการสูญเสียกำลังสำคัญ ทั้งนี้ได้รายงานให้นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาทราบแล้ว และท่านก็เสียใจ  จึงอยากให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดี เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์  หากเร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษได้โดยเร็วจะลดความรุนแรงพื้นที่อื่นๆ ได้ ทั้งนี้ตนได้กำชับตำรวจให้เข้มงวดในการตั้งด่านตรวจ โดยเฉพาะการตรวจค้นอาวุธสงคราม  ส่วนความปลอดภัยของนายภราดร ปริศนานันทกุล  และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ที่จะสมัคร ส.ส.อ่างทอง คงไม่ต้องห่วงและไม่ต้องส่งตำรวจมาดูแลเพราะไม่ใช่เป้าหมายของคนร้าย.
นาง สดศรี สัตยธรรม กกต.ให้สัมภาษณ์ กรณีการยิงหัวคะแนนของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ จ.อ่างทองว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความรุนแรง และมีการกำจัดคู่การต่อสู้ได้ง่าย จึงได้ร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นแบบเขตเดียว 3 เบอร์ แต่ต่อมามีการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นเขตเดียวเบอร์เดียว จึงทำให้เกิดการเผชิญกันรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามถือเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องเข้ามาดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไป อย่างเรียบร้อย ในเบื้องต้นทราบว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยรายชื่อมือปืนรับจ้าง และตำรวจคงจะรู้แล้ว่า ใครเป็นผู้บงการ หรือใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังพรรคการเมือง.
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา  นายบรรหาร  ศิลปอาชา  ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา  กล่าวถึงบรรยากาศการเลือกตั้งในขณะนี้ว่าน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีหัวคะแนนที่ จ.อ่างทอง ถูกยิงเสียชีวิต ดังนั้น ทุกคนต้องระมัดระวังตัว พร้อมกำชับผู้บริหารและผู้สมัครของพรรคว่าเวลาลงพื้นที่ต้องระมัดระวังตัว ไปไหนจะต้องหาคนคอยติดตาม หรือมองซ้ายมองขวา โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในยามวิกาลเลี่ยงได้ควรเลี่ยงอย่างเด็ดขาด.

เมืองไทยยาเสพติดกำลังระบาดหนัก...


วันจันทร์ ที่ 23 พ.ค. 2554
กรุงเทพฯ 23 พ.ค.-ตำรวจรวบเอเย่นต์ยาบ้ารายใหญ่ย่านสุขุมวิท พร้อมยาบ้า ยาไอซ์ มูลค่า 30 ล้านบาท พร้อมเร่งติดตามผู้ต้องหาอีก 1 คน ซึ่งขับรถชนตำรวจขณะหลบหนี
นายมานพ แซ่ตั้ง ถูกตำรวจชุดจู่โจม สน.บางนา จับกุมได้ที่บ้านเช่าในซอยวชิรธรรมสาธิต 17 ถนนสุขุมวิท 101/ 1 เขตพระโขนง พร้อมยาไอซ์ 3 กิโลกรัม ยาบ้า 86,000 เม็ด ยาอี 190 เม็ด มูลค่ารวมกว่า 30 ล้านบาท หลังสืบทราบร่วมกับนายภวัต มิโสภา ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดและตั้งตัวเป็นเอเย่นต์รายใหญ่ในย่านสุขุมวิท และนำยามาพักไว้ที่บ้านหลังดังกล่าว จึงวางแผนเข้าจับกุม แต่นายภวัตไหวตัว ขับรถนิสสัน มาร์ช ป้ายแดง ทะเบียน ก 2047 สมุทรปราการ พุ่งชนเจ้าหน้าที่ก่อนทิ้งรถหลบหนีไปได้ ซึ่งตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวดำเนินคดี
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ดำเนินคดี

ตำรวจกวาดล้างช่วงการเลือกตั้ง...


 ตำรวจเมืองคอนลุยกวาดล้างครั้งใหญ่ ก่อน เลือกตั้ง บุกจับปืนกลอู่ซี่คาบ้านพัก พร้อมกระสุนอีกเพียบ
วันนี้ 23 พ.ค. พ.ต.ท.ชัชชัย แก้วอ่อน สว.สส.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นำกำลังหน่วยจู่โจมพิเศษ ออกตรวจค้นเป้าหมาย ที่ต้องสงสัยจะก่อเหตุช่วงฤดูการเลือกตั้งใหญ่ ที่บ้านเลขที่ 124/1 หมู่ที่ 1 ต.เขาขาว อ.ทุ่งสง พบอาวุธปืนกล อูซี่  1 กระบอก พร้อมกระสุน  24 นัด และแม็กกาซีนบรรจุกระสุน 2 อัน ซุกซ่อนอยู่ในบ้าน จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับจับกุมนายสมพร ทองมณี อายุ 40 ปี เจ้าของบ้านมาสอบสวน เบื้องต้นให้การรับสารภาพโดยอ้างว่า ซื้อปืนกระบอกดังกล่าวมาจากเพื่อน ในราคา 1.3 หมื่นบาทเพื่อใช้ป้องกันตัว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป.

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

บุกจับเอเยนต์ยาไอซ์เปิดห้องให้ลูกค้าเสพ พบทนาย-สาวท้อง 8 เดือน ร่วมวงด้วย!

20 พฤษภาคม 2554 06:17 น.

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจโชว์หมายจับนายษัฑวัต หรือเอก เรือนมา (นั่งขวาสุด)

น.ส.พิมพ์ลภัทร์ หรือซา อัครเศษฐานันท์ กำลังท้อง 8 เดือน นั่งร่วมวงอยู่ด้วย

นายษัฑวัต หรือเอก เรือนมา

อุปกรณ์การเสพจำนวนมากที่ยึดได้

ตำรวจห้วยขวางล่อซื้อยาไอซ์จาก เอเยนต์รายย่อย นัดส่งของกันที่คอนโดฯ ในซอยลาดพร้าว 71 พอบุกเข้าจับก็พบทนายความที่ จ.เชียงราย กับสาวท้อง 8 เดือนนั่งร่วมวงเสพยาอยู่ด้วยกัน ยึดของกลางได้กว่า 100 กรัม ยาอี 80 เม็ด เจ้าของห้องสารภาพรับยาจากสาวไทยเมียชาวไนจีเรียที่ย่านบางใหญ่ แล้วเอามาขายปลีกในราคากรัมละ 1,700 บาท พร้อมเปิดห้องให้ลูกค้าเสพด้วย
 
       เมื่อเวลา 02.30 น.วันนี้ (20 พ.ค.) ที่สน.ห้วยขวาง พ.ต.ท.ปิติพันธ์ กฤดากร ณ อยุธยา สว.อก.สน.จรเข้น้อย รรท.สว.สส.สน.ห้วยขวาง ร.ต.อ.สุรสิทธิ์ โชว์สูงเนิน ร.ต.ท.ณรงค์ชัย คุณบัวลา รอง สว.สส.สน.ห้วยขวาง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายษัฑวัต หรือเอก เรือนมา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 8 ต.ป่าแฝก อ.แม่ใจ จ.พะเยา น.ส.พิมพ์ลภัทร์ หรือซา อัครเศษฐานันท์ อายุ 31 ปี อย่บ้านเลขที่ ก47/54 ถนนตัดใหม่ ร.ร.ปากน้ำโพเดิม ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ น.ส.กัญญารัตน์ หรือมิก ชูหนู อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 8 ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรสาศ จ.สุโขทัย นายปัญญา หรือเปี๊ยก ผิวดำ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 283 หมู่ 23 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.สุโขทัย น.ส.นริศรา พรมโศ อายุ 23 ปี และ น.ส.จิราพร อสุชีวะ อายุ 28 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนักรวม 102.9 กรัม ยาอี 80 เม็ด เครื่องชั่งดิจิตอล 1 เครื่อง จานเซรามิกสีดำ 1 ใบ พร้อมช้อนตัก 1 คัน อุปกรณ์การเสพจำนวนมาก โทรศัพท์มือถือแบล็กเบอร์รี 1 เครื่อง สมุดบัญชีรายชื่อลูกค้า จำนวน 1 เล่ม และซองพลาสติกแบบรูดปิด-เปิด 200 ซอง
 
       พ.ต.ท.ปิติพันธ์เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 20.00 น.วานนี้ (19 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายษัฑวัตเป็นเอเยนต์จำหน่ายาไอซ์และยาอีให้กับ ลูกค้ารายย่อย จึงวางแผนจับกุมด้วยการติดต่อล่อซื้้อจากนายษัฑวัต จำนวน 10 กรัม ในราคา 20,000 บาท โดยนายษัฑวัต นัดหมายให้ไปรับยาไอซ์ที่ห้องพักเลขที่ 302/709 อาคารบ้านสวนคอนโดมิเนียม ซอยลาดพร้าว 71 แขวงและเขตวังทองหลาง จึงนำกำลังไปดักซุ่มเพื่อรอจับกุม
 
       เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปเคาะห้องดังกล่าว น.ส.กัญญารัตน์ได้เปิดประตูห้องออกมา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้นแต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบในห้องพักดังกล่าวก็พบนายษัฑวัต นายปัญญา ซึ่งเป็นทนายความของสำนักงานรชต ใบเกษม ทนายความ จ.เชียงราย และน.ส.พิมพ์ลภัทร์ ซึ่งกำลังตั้งท้องอยู่ 8 เดือน กำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ภายในห้อง นอกจากนี้ยังพบของกลางยาไอซ์ และยาอี พร้อมอุปกรณ์การเสพอีกจำนวนมากวางเรียงรายอยู่ตามพื้นห้อง และยังพบบัตรประชาชนและใบขับขี่ปลอมที่นายษัฑวัตนำรูปตัวเองไปใส่ในชื่อ บุคคลอื่นอีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงยึดทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
 
       แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนไปสอบปากคำที่ สน.ห้วยขวางนั้น ได้มี น.ส.นริศรา พรมโศ อายุ 23 ปี และ น.ส.จิราพร อสุชีวะ อายุ 28 ปี เข้ามาเคาะประตูห้องดังกล่าวเพื่อติดต่อขอซื้อยาไอซ์จากนายษัฑวัต เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาที่ สน.ห้วยขวางด้วยพร้อมกัน ซึ่งจากการตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาทั้งหมดพบว่าเป็นสีม่วงจำนวน 5 คน ยกเว้นนายปัญญาคนเดียวที่ไม่มีสีม่วง
 
       จากการสอบสวนนายษัฑวัตให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยถูกจับกุมคดียาเสพติด ถูกจำคุกอยู่นาน 4 ปี เพิ่งพ้นโทษมาได้ไม่นาน จากนั้นก็ไปรับยาไอซ์และยาอีทั้งหมดมาจาก น.ส.เมย์ ไม่ทราบชื่อจริง-นามสกุล ซึ่งมีสามีเป็นชาวไนจีเรีย พักอาศัยอยู่ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี ในราคา 150,000 บาท จากนั้นก็จะนำมาขายปลีกให้กับลูกค้าที่มาติดต่อขอซื้อในราคากรัมละ 1,700 บาท โดยทำมาแล้วประมาณ 2 เดือน ด้านนายปัญญา ให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดดังกล่าว โดยตนแค่เดินทางมาเยี่ยมนายษัฑวัตที่ห้องพักเท่านั้น แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมมาด้วย
 
       พ.ต.ท.ปิติพันธ์กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายษัฑวัตนั้น ยังพบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลก เลขที่ 75/2554 ลงวันที่ 17 มี.ค.54 ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายติดตัวอยู่ หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก บุกจับกุมยาบ้าจำนวน 40,000 เม็ดพร้อมเพื่อนแต่เจ้าตัวหลบหนีมาได้
 
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์, ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย กับนายษัฑวัต นายปัญญา น.ส.กัญญารัตน์ และน.ส.พิมพ์ลภัทร์ ส่วน น.ส.นริศรา กับ น.ส.จิราพร นั้นแจ้งข้อหาเสพยาเสพติด ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เจ้าของพื้นที่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

บทความ เธอทำทุกอย่างเพื่อชนะ...

     บทความ
      เธอทำทุกอย่างเพื่อชนะ...
     คำถาม ส.ส.รัฐบาลต้องการให้ออกกฎหมายพ.ร.บ.เลือกตั้งให้นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งย่อย ทำไม เพราะอะไร
    คำตอบ
    1.  เพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบว่า จ่ายเงินซื้อเสียงไปเท่าไร แกนนำของส.ส.ที่ใช้เงินซื้อเสียงไปแล้ว สามารถคำนวณคนที่ขายเสียงได้
เมื่อมีการนับคะแนน เช่น การจ่ายเงินซื้อเสียงคนละ 1,000 บาท จ่ายไป 500 คน ในหน่วยเลือกตั้งย่อย เมื่อถึงเวลานับคะแนน ก็จะทราบทันที
ว่า เงินที่ใช้ซื้อเสียงไป ต้องมียอดคนเลือกส.ส.และเลือกพรรคตรงกันกับเงินที่พวกเขาจ่ายไป...
    2. ง่ายต่อการบีบบังคับหัวคะแนน เช่น นายกเทศบาล นายกอบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการ ว่า คุณรับเงินของผมไปเป็นก้อนโต เพื่อไปจ่ายให้ชาวบ้านที่ขายเสียง ถ้าผมสอบตก คุณว่า ผมจะทำอะไรกับคุณ!!!

ส.ส.ในรัฐบาลปัจจุบัน  ชอบบอกว่า การเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้
(แต่มีการซื้อเสียง โกงการเลือกตั้งกันเละ ไม่พูด)
ก่อนหน้าการเลือกตั้งในครั้งก่อนๆ กฎหมายพ.ร.บ.การเลือกตั้งได้บัญญัติให้ จัดตั้งหน่วยนับคะแนนรวมแบบมีที่เดียวของแต่ละจังหวัด
ผลดีมี 3 ประการคือ
    1. ประชาชนที่รู้ว่านักการเมืองที่มาลงรับสมัครนั้นเธอเป็นคนเลว เช่น พวกส.ส.ขายชาติ โกงชาติ ทุจริต ทำชาติล่มจม เมื่อมีแกนนำของนัก   การเมืองมาซื้อเสียง ประชาชนก็จะรับเงินไว้ แต่พอจะไปลงคะแนนเลือกส.ส. เลือกพรรค ก็จะไม่เลือกเพื่อสั่งสอนนักการเมือง  เมื่อมีการนับคะแนน หน่วยเลือกตั้งย่อยแต่ละหน่วย ก็จะต้องนำบัตรเลือกตั้งทุกเเขต ทุกหน่วยเลือกตั้ง มาเทรวมกันแล้วก็ดำเนินการนับคะแนน แบบนี้ประชาชนไม่กลัวถูกส.ส.มาคิดบัญชีเพราะ ตรวจสอบการนับคะแนนไม่ได้...
    2. ส.ส.ที่ลงรับสมัคร ก็จะหมดเงินที่ใช้ซื้อเสียงมาก แต่หวังผลลำบากเพราะ ผู้ลงรับสมัครแต่ละพรรค ก็ใช้เงินซื้อเสียงทุกคน
    3. หัวคะแแน แกนนำ ประเภทสมัครใจ ประเภทถูกตามตัวมาให้รับใช้ รอดจากการถูกยิงทิ้ง ถ้าเจ้านายของตนสอบตก!!

     สรุป
    นักการเมืองน้ำเน่า นักการเมืองรุ่นเก่า พยามจะทำทุกอย่างให้มีผลแบบตนเองควบคุมได้ แต่ประชาชนหรือบุคคลภายนอก คิดว่า เป็นกติกา
 พฤติกรรมของนักเลือกตั้งแบบนี้ปวงชนชาวไทยเขาเรียกว่า โกงทุกเม็ด...
ส่วนนายกรัฐมนตรีชอบพูดวาทกรรมว่า ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปได้ แล้วท่านเสนอให้แก้กฎหมายเพื่อตัวเองทำไม???
แบบนี้ไม่เรียกว่า พวกเธอข่มขืนฉันและข่มขืนประชาธิปไตย แล้วจะให้ประชาชนทั้งประเทศเลือกคุณเข้าสภาอีกหรือ!!!


บันทึก การเลือกตั้งส.ส.ครั้งนี้ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ให้ดำเนินการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งนั้นๆเลย
งานนี้ส.ส.ที่แก้กฎหมายจากเดิม ให้มีการนับคะแนนที่ หน่วยเลือกตั้งกลาง ให้มาเป็น การนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งนั้นๆ
แบบนี้ประชาชนก็รู้ทันแล้วว่า เธอต้องการเช็คบิลการจ่ายเงินซื้อเสียงว่า ใครรับเงินไปแล้วหักหลังเธอ...........


วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

บทความ ประเทศไทยเป็นของทุกคน...


บทความ ประเทศไทยเป็นของทุกคน...
ในระบอบประชาธิปไตยที่เน่าล้มเหลว ปัญหาที่เกิดจากนักการเมือง...

เมื่อรัฐบาลปัจจุบันประกาศยุบสภาให้มีการเลือกตั้ง ภาพที่จะได้เห็นก็คือ ผู้สมัครใช้เงินซื้อเสียงแล้วได้เป็นส.ส.
เมื่อเข้ามาเป็นส.ส.แล้ว ปัญหาที่ตามมามีมากมาย ส.ส.ที่เช้ามาต้องประพฤติตัวทุจริต ต้องโกง ต้องกิน ต้องถอนทุน
ภายหลังเลือกตั้งก็ยังเกิดปัญหาไม่จบ ส.ส.ก็ต้องมาล้างแค้นกัน ใครเป็นศัตรูเก่า ใครเป็นศัตรูใหม่ รวมถึงกลั่นแกล้งข้าราชการ โยกย้ายข้าราชการพวกพ้องให้ได้ดิบได้ดี เพื่อเป็นเครื่องมือและค้ำยันตนให้อยู่ในอำนาจอย่างมั่นคง การล้างแค้นมีไปทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็น วงการทหาร ตำรวจ ข้าราชการปกครอง เกิดความแตกแยกในหมู่ข้าราชการ พวกแกนนำ รากหญ้าที่รับเงินซื้อเสียง ก็จะถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายที่ฟ่ายแพ้การเลือกตั้ง ให้ลุกฮือให้ร้ายกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ส่วนรากหญ้ากว่า 50 ล้านคน ปัจจุบันก็ลำบาก ต้องเช่านา มีหนี้สิน 
ต้องทนใช้น้ำมันลิตรละเกือบ 50 บาทแล้ว ข้าวของทุกอย่างขึ้นราคาแพงหมด แล้วจะให้พวกเขาไปทำอะไรกิน ผลตามมาโจร คนร้าย ยาเสพติด ไม่เพิ่มเต็มบ้านเต็มเมืองหรือ ส่วนปัญหาการทำลายสถาบัน การจาบจ้วง ล้มเจ้า มีใครไหมที่จะมาปกป้อง เอาแค่เว็บหมิ่นพระบรมเดชานุภาพใน YouTube ยังไม่มีปัญญาจัดการเลย มีแต่ปวงชนชาวไทย ประชาชนตาดำๆเท่านั้นที่กล้าออกมาปกป้อง...

คำถาม การเลือกตั้งแบบนี้มันเป็นประชาธิปไตยไหม? มันเกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองไหม!!! เข้ามาแล้วบริหารประเทศชาติจะเจริญไหม?
หรือเป็นเพียงการเปลี่ยนฉากโรงละคร เพื่อขอซุกความผิดที่บริหารชาติล้มเหลว ฟอกตัวเพื่อนับหนึ่งว่า รัฐบาลใหม่ชุดนี้ชนะการเลือกตั้งและ
เข้ามาบริหารชาติด้วยความชอบธรรม จะปล่อยให้ส.ส.เป็นอย่างนี้อีกนานไหม หรือว่า จะรอให้บ้านเมืองสิ้น..........ก่อน(ตรงนั้ยากที่จะเขียนอธิบาย)
แม้กระทั่งข้าราชการในองกรค์การเลือกตั้งยังรับว่า เปิดให้มีการเลือกตั้งไป มันก็เป็นการเลือกตั้งที่มีการซื้อเสียง อย่าให้มีการเลือกตั้งดีกว่า

สรุป ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกแหลกลาญ
ปัญหาส.ส.โกงกิน ขายชาติ ก็ยังอยู่ ปัญหาคนในชาติแตกแยกกันและแย่งอำนาจรัฐ ก็ยังอยู่ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ปัญหาทุจริต
ปัญหาข้าวยากหมากแพง ก็ยังอยู่

แบบนี้คำว่า ประชาธิปไตยคือ อำนาจที่มาจากประชาชน เพื่อประชาชนและเป็นของประชนชน
คงต้องไปถาม ประชาชน ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่รักชาติและเทิดทูลพ่อของแผ่นดินว่า เขาจะตอบนักการเมืองว่าอย่างไร..............

การเลือกตั้งครั้งนี้
มุมมองด้านนักการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียงแบบฝนตกห่าใหญ่
จะเห็นว่าเป็นเพียงการใช้กฎหมายมาล้างไพ่ของรัฐบาล เปลี่ยนฉาก ฟอกตัว หาความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง เป็นคนกำหนดกติกาให้ประชาชนต้องเดินตามกฎหมายการเลือกตั้ง โดยมีองค์กรอิสระ กกต.ที่ดูแลการเลือกตั้ง ก็เป็นเพียงนามธรรม ไม่สามารถดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์และเที่ยงธรรมได้ ผลก็ได้ส.ส.ทุจริตเข้ามาอีก ข้อความตรงนี้ถ้านำไปเป็นคำสาบานรับรองได้ว่า ส.ส. แกนนำหาเสียง ข้าราชการที่ยอมเป็นเครื่องมือทำทุกอย่างให้นักการเมือง รวมไปถึง กกต.กลาง กกต.จังหวัด กกต.เขต กกต.ท้องถิ่น ตำรวจประจำหน่วยเลือกตั้ง  ต้องผิดคำสาบานและตกนรกทุกคน! เพราะ การเลือกตั้งมันไม่บริสุทธิ์ มีแต่คนกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งเกือบค่อนประเทศ รวมไปถึงประชาชนที่ขายเสียง-รับเงิน ถ้านับหรืดคำนวณว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีคนกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้งต้องไม่น้อยกว่า 30 ล้านคน!!!
             สัจจะธรรม ไม่มีใครอยากชนกับนักการเมือง ที่มีทั้งเงิน มีอำนาจ เลี้ยงมือปืนทั้งคนธรรมดาและคนมีสี คบทหารใหญ่ มีข้าราชการฝ่ายปกครองเป็นไม้เป็นมือ แล้วอย่างนี้จะมีใครสักคนที่รู้เห็นการกระทำผิดพ.ร.บ.การเลือกตั้ง นำความและหลักฐานมาแจ้งกับกกต. ในเมื่อรู้ผลอยู่แล้วว่า ถ้าคุณทำจะได้รับรางวัลจากนักการเมืองคือ ความตาย! เมื่อเห็นตัวอย่าง การดักยิงหัวคะแนน ลอบฆ่านักการเมืองที่จะลงรับสมัครการเลือกตั้ง มีให้เห็นทุกวัน องค์กรอิสระกกต. ก็ไม่อยากชน ไม่อยากถูกฆ่าตายเหมือนกัน!!!

            แบบนี้เรียกว่า ระบบโครงสร้างของประเทศไทย ทุกองคาพยบของบ้านนี้เมืองนี้ ล้มเหลว ไม่มีหลักนิติรัฐอะไรให้เหลืออีกแล้ว
            มีแต่นักการเมืองที่ใช้เงิน อำนาจ ลูกปืน เท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตย!!!

              คำถาม เมื่อไรประเทศไทยมันจะเจริญเสียที มีใครไหมคิดจะหยุดทุกอย่างเพื่อที่จะปฎิรูปประเทศ...
             คำตอบ ...............................................................................................................................................
             คำถาม การเลือกตั้งครั้งนี้ มันเป็นประชาธิปไตยไหม!!! ประเทศชาติจะไปรอดไหม...
            คำตอบ ...............................................................................................................................................

            หรือ จะรอให้ข้าวแกงจานละ 200 บาท เนื้อหมูก.ก.ละ 500 บาท น้ำมันลิตรละ 200 บาท
           รัฐบาลต้องพิมพ์ธนบัตรใบละ 10,000 บาท  ออกมาใช้เพราะเงินมีค่าน้อยลง
           ขณะที่คนในประเทศยากจนลง มีแต่คนตกงานไม่มีอาชีพ ชาวบ้านธรรมดาต้องไปค้ายาเสพติด ไปเป็นโจร ลูกสาวต้องขายตัว
           เมื่อถึงตอนนั้น คงไม่ต้องไปขอร้องใครมาร่วมแก้ไขปัญหาของชาติ เพราะ บ้านเมืองมันพังพินาศลุกเป็นไฟแล้ว!!!

         ดั่งบทกวีที่ว่า  เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน.