วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

23 ก.ย.จับตาดาวเทียมชนโลก



กระทรวงกลาโหม และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซ่า) ของสหรัฐ เฝ้าจับตาดาวเทียมวิจัยอายุงาน 20 ปีของนาซ่า ขนาดเท่ารถบัสโดยสาร จะหล่นชนโลกในวันศุกร์ (23 ก.ย.) โดยโอกาสที่ชาวโลกคนในคนหนึ่งในเกือบ 7,000 ล้านคนจะโดนหล่นทับ อยู่ที่ 1 ใน 3,200
ผู้เชี่ยวชาญขององค์การนาซ่า กล่าวยอมรับว่า การหล่นชนโลกของดาวเทียมยูเออาร์เอส ที่ใช้วิจัยชั้นบรรยากาศ ขนาด 35 คูณ 15 ฟุต เท่ารถบัสโดยสาร น้ำหนัก 6 ตัน จะไม่มีทางรู้ได้ จนกว่าจะถึง 20 นาทีสุดท้าย ก่อนมันหล่นกระทบ โดยจากการคำนวณของนักวิทยาศาสตร์ มันจะกลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศโลกในวันศุกร์ (23 ก.ย.) อาจเร็วหรือช้ากว่า 1 วัน และจุดที่คาดว่ามันจะตกอยู่ระหว่างเส้นรุ้ง 57 องศาเหนือ และเส้นรุ้ง 57 องศาใต้ ในรัศมี 12,000 กม. ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อยู่อาศัยของประชากรโลกส่วนใหญ่
  ดาวเทียมยูเออาร์เอส ถูกปล่อยสู่อวกาศในปี 2534 เพื่อตรวจวัดชั้นโอโซน ลม และอุณหภูมิ ถูกปลดประจำการอย่างเป็นทางการในปี 2548 ถือเป็นยานอวกาศขนาดใหญ่สุดของนาซ่า ที่หล่นชนโลกในรอบ 30 ปี หลังยานสกายแล็ปหล่นลงที่ภาคตะวันตกของออสเตรเลียเมื่อปี 2522 แต่ในรอบ 50 ปีของการสำรวจอวกาศ ยังไม่เคยมีมนุษย์รายใดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จากการหล่นสู่โลกของยานอวกาศ
 องค์การนาซ่ากล่าวย้ำว่า ชิ้นส่วนดาวเทียมยูเออาร์เอสแค่ 26 ชิ้น ที่จะหลงเหลือ ไม่ถูกเผาไหม้ จากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ ขณะมันหล่นลงด้วยความเร็วสูง แต่ความเสี่ยงต่อชีวิตมนุษย์และทรัพย์สินจากมันมีน้อย แค่ประมาณ 1 ใน 3,200 ความคืบหน้าถึงวันที่ 20 ก.ย. วงโคจรของยูเออาร์เอสอยู่เหนือพื้นโลก 205 – 225 กม. คาดว่าเศษชิ้นส่วนของมันจะกระจายในรัศมี 800 กม. หลังหล่นถึงพื้นโลก.

ตำรวจปคม.รวบ 2 แม่เล้าหลอกสาววัย 14 คนบ้านเดียวกัน


     วันนี้ ( 20 ก.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ธวัชชัย ธาระรูป ผกก.3 บก.ปคม. ร.ต.ท.เสรี ทวีทรัพย์ชวนัล รอง สว.ช่วยราชการ กก.3 บก.ปคม.แถลงข่าวจับกุม นางเบญจวรรณ ฉายแพ้ว อายุ 32 ปี และนางประนอม โกฎิรักษ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 327 หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1514 และ 1515/2554 ลงวันที่ 16 กันยายน 2554 ข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกระทำการค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีบุคคลอายุไม่ เกิน 15 ปี เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลเพื่อการค้าประเวณี เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการค้าประเวณี และกักขัง หน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จับกุมได้ในพื้นที่หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
      
       พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ด.ญ.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 14 ปีผู้เสียหาย และมารดา ได้เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ว่า ถูกผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ชักชวนให้ไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านซันไทม์บาร์ ในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา แต่กลับบังคับให้ค้าประเวณี ต่อมาชุดสืบสวน กก.3 บก.ปคม.จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาก่อนจะติดตามจับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าว
      
       พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวต่อว่า ตามแนวทางการสืบสวนพบว่านอกจากผู้ต้องหาจะหลอกลวงหญิงสาวชาวไทยซึ่งอยู่ใน หมู่บ้านเดียวกันแล้ว ยังหลอกลวงหญิงสาวชาวลาวรวมแล้วไม่น้อยกว่า 50 ราย ซึ่งมีคนที่เต็มใจไปค้าประเวณีที่ร้านดังกล่าว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งติดตามให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย ส่วนร้านแห่งนี้พบข้อมูลว่ามีชายชาวสิงคโปร์เป็นเจ้าของ โดยมีภรรยาคนไทยเป็นผู้ดูแล นอกจากนี้ก็มีหญิงสาวอีกรายที่เป็นผู้หลอกลวงผู้เสียหายมาค้าประเวณี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับทั้ง 3 ราย ไว้แล้ว
      
       สอบสวน นางเบญจวรรณ และ นางประนอม ให้การปฏิเสธอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ารู้จักกันเนื่องจากเป็นคนในหมู่บ้าน ที่ผ่านมาก็ไม่ทราบว่าถูกศาลออกหมายจับเพราะทำงานเป็นแม่บ้านที่บริษัทแห่ง หนึ่งไม่ได้คิดจะหลบหนีไปไหน เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นความเข้าใจผิดมากกว่า ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

อาภาพร กรทิพย์ ถูกขโมยข้อมูลเอทีเอ็มไปกดเงินกว่า 1.8 แสนบาท





   น.ส.อาภาพร กรทิพย์ อายุ 43 ปี อดีตดาราชื่อดังที่เคยเล่นภาพยนตร์เรื่องดาวพระศุกร์ เมื่อ ปี 2524 เดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.บางชัน หลังถูกคนร้ายขโมยข้อมูลบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน จำนวน 180,000 บาท เหลือติดบัญชีไว้เพียง 25 บาทเท่านั้น โดย น.ส.อาภาพร ให้การว่าก่อนหน้านี้ได้เปิดบัญชีกับธนาคารกสิกรไทยและทำบัตรเอทีเอ็ม วีซ่าอิเล็กตรอน มีเงินอยู่ในบัญชีจำนวน280,000 บาท และได้กดไปใช้จำนวน 100,000 บาท คงเหลืออยู่ในบัญชี 180,000 จนกระทั่งวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ได้ไปกดเงิน ปรากฏว่าเงินในบัญชีเหลืออยู่เพียง 25 บาท จึงได้สอบถามไปยังทางธนาคาร ก็ทราบว่ามีการกดเงินไปใช้ทั้งหมด 9 ครั้ง ครั้งละ 20,000 บาท โดยกดจากตู้เอทีเอ็ม หน้าร้านแฟมิลี่มาร์ท ซอยประชาสงเคราะห์ 27 (ซอยเพิ่มสิน) ซึ่งตนก็ยืนยันว่าไม่เคยให้ใครไปกดเงิน
จากนั้นได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางชัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงบันทึกประจำวัน พร้อมประสานฝ่ายสืบสวนเพื่อตรวจสอบหาหลักฐานและคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ศาลอาญานัดพิพากษา 7จำเลย คดีเพลิงนรกเผาซานติก้าผับ หลังสืบพยานโจทก์-จำเลยมานานเกือบ 2 ปี



   วันนี้(19 ก.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญากรุงเทพใต้  ถ.เจริญกรุง  ถึงความคืบหน้าคดีเผาซานติก้า ผับ ว่า หลังจากที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ได้เป็นโจทก์ฟ้องนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเสี่ยขาว ผู้บริหารซานติก้าผับ, บริษัท โพกัสไลท์ ซาวน์ซิสเต็ม จำกัด ซึ่งรับจ้างติดตั้งการทำเอ็ฟเฟค ซานติก้าผับ, นายธวัชชัย ศรีทุมมา ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการ, นายพงษ์เทพ จินดา ผจก.ฝ่ายบันเทิง, นายวุฒิพงศ์ ไวลย์ลิกรี ผจก.ฝ่ายการตลาด, นายสราวุธ อะริยะ นักร้องวงเบิร์น ผู้จุดพลุไฟ, และนายบุญชู เหล่าสีนาท กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท โพกัสไลท์ฯ เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต, กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ตามประมวลกฎหมาย มาตรา 290, 300, 391 และกระทำผิด พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 16/1, 16/3.27 และ 28/1 ฐานเป็นผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการปล่อยปละละเลยให้บุคคลซึ่งอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปในสถานบริการ และปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการ
กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค.52 จนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากและเสียชีวิต 66 ราย  โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา คดีนี้ศาลได้ทำการสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองฝ่ายประมาณ 40 – 50 ปาก จนแล้วเสร็จ ศาลอาญากรุงเทพใต้จึงนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.  โดยจำเลยทั้งหมดที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวจะต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย.
  

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

เปิดโครงการซื้อรถวันแรกหงอยเหงา


เปิดโครงการซื้อรถวันแรกหงอยเหงา ลูกค้าที่จองยกเลิกเพียบ
วันนี้( 16 ก.ย.) ที่บริษัทนวมินทร์ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด ถนนวมินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันแรกที่เปิดให้มีการซื้อรถคันแรกตามนโยบายของรัฐบาล ปรากฏว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงพนักงานและลูกค้าที่นำรถมาซ่อม ยังไม่ปรากฏว่ามีลูกค้าเดินทางเข้ามาซื้อหรือจองรถตามนโยบายของรัฐบาลแต่ อย่างใด ด้านน.ส.สุนันทร ปราณีกิจ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทเปิดเผยว่า ปกติที่บริษัทจะมีลูกค้ามาใช้บริการในวันเสาร์-อาทิตย์เป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้ตนได้เตรียมข้อมูลกับพนักงานเพื่อรองรับลูกค้าที่จะสอบถาม ส่วนใหญ่ลูกค้าของบริษัทจะโทรศัพท์มาสอบถามมากว่ามาด้วยตัวเอง แต่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 ก.ย. มีลูกค้าเข้ามาที่บริษัทเพื่อสอบถามเป็นจำนวนจนกระทั่งมีข่าวทางหนังสือ พิมพ์และโทรทัศน์ให้รายละเอียดของโครงการดังกล่าว ทำให้มีลูกค้ามาสอบถามน้อยลง สำหรับปัญหาในตอนนี้ก็คือทางลูกค้าที่จองรถก่อนหน้าที่จะมีนโยบายออกมา ได้ขอยกเลิกการจองรถเพื่อมาจองรถในช่วงนี้ ทางเจ้าหน้าที่ต้องบอกให้ลูกค้าใจเย็น พร้อมกับกำลังหาวิธีการป้องกันปัญหาดังกล่าว.

ตร.อุดรรวบกะเทยหลอกเด็กเสพยาก่อนให้ขาย






พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี แถลงข่าวการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดได้ผู้ต้องหารวม 8 คนมี โดยมีนายวันเฉลิม ตะโนนทอง อายุ 23 ปี(สาวประเภทสอง) เป็นหัวหน้าแก๊ง และ น.ส.มัทนา ทะไกรราช  อายุ  23 ปี ส่วนอีก 6 คนเป็นเยาวชน อายุ 13-17 ปี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 52 เม็ด เงินสดจำนวน 30,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสีน้ำเงิน ไม่ติดทะเบียน 1 คัน

ชุดสืบสวนจับกุมเด็กสาว 2 คน พร้อมยาบ้าจำนวนหนึ่งขณะออกเร่ขายยาบ้าให้กับวัยุร่นในละแวกคุ้มผาสุกและ ใกล้เคียงเมื่อคุมตัวมาสอบสวนพบว่ายังมีกลุ่มเพื่อนที่ออกขายยาบ้าอีกหลายคน ก่อนจะเข้าจับกุมตัวไว้ได้อีกเป็นหญิงสาว 2 คนชาย 3 คน ทั้งหมดให้การรับสารภาพและซัดทอดไปยังนายวันเฉลิม ตะโนนทอง สาวประเภทสอง หรือฉายาตุ๊ดนรก ตัวการขายยานรก ในคุ้มผาสุก ก่อนจะติดตามจับกุมตัวไว้ได้

ลูกจ้างร้านชำแสบลักสินค้ากว่าพันชิ้น



  


เมื่อเวลา  17.00  น.  วันนี้ (17 ก.ย.) ด.ต.ชัช ภิมุข และ ด.ต.ไพศาล นิ่มเปีย เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตู้ยามนาพร้าว สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รับแจ้งจากนางกัณยลักษณ์ เนื่องจำนง อายุ 53 ปี เจ้าของร้านขายของชำตะวันแก้ว ตั้งอยู่เลขที่ 101/6  ริมถนนสายศรีราชา–ไร่กล้วย  หมู่ 7 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา ให้ช่วยจับกุมนางสมพร แก้ววิไล อายุ 41 ปี ลูกจ้างตัวแสบที่แอบขโมยของในร้าน

หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเข้าจับกุมนางสมพรได้ที่บ้านพักคนงาน ใกล้กับร้านที่เกิดเหตุ พร้อมของกลางเป็นสินค้าภายในร้านของนางกัณยลักษณ์ จำนวนกว่าพันชิ้น อาทิ สุราต่างประเทศ สุราไทย เบียร์ เครื่องใช้ภายในบ้าน เครื่องครัว  เครื่องใช้ส่วนตัว และพระเครื่องอีกจำนวนหนึ่ง จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีราชาดำเนินคดี

โดยนางกัณยลักษณ์ ให้การว่า เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมาได้รับนางสมพรเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างภายในร้าน แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาตนมาสังเกตเห็นสินค้าที่วางอยู่ภายในร้านหายไป หลายชิ้น   จึงเฝ้าดูพฤติกรรม พบว่านางสมพรแอบหยิบสินค้าในร้านใส่ถุงดำ แล้วอ้างว่าเป็นขยะจะเอาไปทิ้ง แต่กลับเอาของไปเก็บไว้ในบ้าน เมื่อสอบถามผู้ต้องหากลับบ่ายเบี่ยงชวนทะเลาะและขอลาออกจากงานไปเมื่อวานนี้ ตนจึงแจ้งตำรวจให้เข้าจับกุมตัวได้พร้อมของกลางจำนวนมากดังกล่าว.

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

ผญบ.-อบต.ดวลปืนปมปัญหาที่ดิน ตาย 4






วันนี้ ( 16 ก.ย.2554 ) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งว่า ที่บริเวณบ้านประตูด่าน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรี เกิดเหตุกลุ่มผู้ใหญ่บ้าน กับกลุ่ม อบต.บ้านเก่า ยิงกันทำให้ นายดอน โพธิคา อายุ 40 ปี ลูกเขย ผู้ใหญ่สมศักดิ์ แก้วงาม ถูกยิงเสียชีวิตคาที่ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน ถูกลำเลียงส่งโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียล และเสียชีวิตในเวลาต่อมาอีก 3 คน ได้แก่ นายสมศักดิ์ แก้วงาม หรือ ผู้ใหญ่ตี๋ อายุ 54 ปี น.ส.สุภัสสร แก้วงาม อายุ 33 ปี ลูกสาวผู้ใหญ่ตี๋ และ นายณัฐศรัณย์ เทียมเมฆา สมาชิก อบต.บ้านเก่า นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ นางสุจิน ประยงค์คุ้ม อายุ 48 ปี ภรรยาผู้ใหญ่ตี๋ และนายศักดิ์สนิท แก้วงาม อายุ 35 ปี ลูกชายผู้ใหญ่ตี๋

ส่วนสาเหตุเบื้องต้น ทราบว่า ทั้งผู้ใหญ่ตี๋ และ อบต.ณัฐศรัณย์ ต่างไม่ลงรอยกันในเรื่องแบ่งเขตที่ดินซึ่งอยู่ติดกัน และมีปากเสียงกันหลายครั้งจนกระทั่งตอนสายของวันนี้ ผู้ใหญ่ตี๋ก็ไปดูเขตที่ดินอีก แล้วมีปากเสียงกัน จนกระทั่งทั้งสองฝ่ายชักปืนออกมายิงต่อสู้กัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวม 4 คน

เสี่ยร้องกองปราบฝากเงิน 2 ล้าน 30 ปีถอนไม่ได้




เสี่ยเจ้าของหมู่บ้านฝากเงิน 2 ล้านบาท นาน 30 ปี ปรากฏว่าถอนไม่ได้ ธนาคารอ้างข้อมูลหาย แจ้งความไว้ปี 44 เรื่องไม่คืบหน้า
กองบังคับการปราบปราม (16 ก.ย.)  อดีตเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร นายโชติชัย สิริกาญนุกูล อายุ 70 ปี  ร้องเรียนกองปราบกรณีฝากเงิน 2 ล้านไว้ 30 ปีแต่ถอนออกไม่ได้ โดย นายโชติชัย เิปิดเผยว่า ตนเองได้นำเงินจำนวน 2 ล้านบาทฝากไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งตั้งแต่ปี 2527 และในปี 2544 ตนได้ทำเรื่องเบิกถอนเงินจำนวนดังกล่าว ปรากฏว่าทางธนาคารไม่สามารถดำิเนินการให้ได้ โดยบอกว่าข้อมูลหาย ต่อมาตนได้เข้าไปสอบถามยังฝ่ายกฏหมายของธนาคารแห่งนี้ แต่ฝ่ายกฏหมายได้พูดจาไม่ดีและยังท้าให้ไปฟ้องร้องอีกด้วย  ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวตนได้แจ้งความไว้ที่ สน.นางเลิ้ง ไว้เมื่อปี 2544 แต่เรื่องกลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด 
นายโชติชัย เปิดเผยอีกว่า ตนได้เปิดสมุดบัญชีเงินฝากไว้หลายสิบเล่มมีหลายธนาคารด้วยกัน ต่อมาเมื่อมีการย้ายสำนักงานเกิดขึ้นกระทั่งผ่านไปสิบกว่าปีตนถึงมานึกได้ ว่าได้เปิดบัญชีธนาคารไว้หลายแห่ง แต่หาสมุดบัญชีไม่เจอจึงให้ลูก ๆ  มาช่วยกันค้นดู ปรากฏว่าเจอและพบว่ามีหลายบัญชีที่ยังไ่ม่ได้ถอนเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินที่ฝากไว้เกิน 10 ปีต่อจากนั้นตนได้นำสมุดบัญชีจากธนาคารต่าง ๆ ไปเบิกเงินซึ่งทุกธนาคารสามารถเบิกได้พร้อมกับคำนวณดอกเบี้ยให้อีกด้วย
กระทั่งมาถึงธนาคารแห่งนี้ที่มีปัญหาที่ไม่สามารถเบิกถอนได้ ซึ่งนายโชติชัยบอกว่า ฝากเงินไว้ 2 ล้านถ้าคำนวณเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยประเภทเงินฝากประจำ 12 เดือน ซึ่งขณะนั้นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารสูงมาก เงินฝากประจำส่วนใหญ่จะได้ดอกเบี้ยประมาณ 15-20%  คำนวณคร่าว ๆ เงิน 2 ล้านที่ฝากไว้กว่า  27 ปี (ถึงปัจจุบัน) น่าจะได้ดอกเบี้ยเกือบ 10 ล้านบาท เมื่อรวมกันน่าจะไม่ต่ำกว่า 12 ล้านบาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอสำเนาสมุดบัญชีที่มีปัญหารวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว

บุกจับฝรั่ง-ไทยโชว์ลามกผ่านเน็ต



 เมื่อเวลา 07.30 น. พ.ต.อ.ผดุงเกียรติ ศิริพรวิวัฒน์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครราชสีมา ร่วมกับ พ.ต.ท.ภูมิ ทองโพธิ์ สว.สส.สภ.เมืองนครราชสีมา และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกว่า 10 นาย ได้นำหมายศาลแขวงจังหวัดนครราชสีมา เลขที่ 219/2554 ลงวันที่ 15 กันยายน 2554 เข้าตรวจสอบขอค้นบ้านเลขที่ 442/22 หมู่ 1 หมู่บ้านมงคลชัยนิเวศน์ ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวหรูหราขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 200 ตารางวา
ตรวจสอบภายในบ้านชายหญิงรวมจำนวน 10 คน แยกเป็นชายต่างชาติชาวอังกฤษ 3 คน หญิงไทย 5 คน และสาวประเภทสอง 2 คน โดยมีนายเอียน เดวี่ แลนดอน อายุ 42 ปี รับเป็นเจ้าของผู้เช่าบ้านซึ่งขณะเข้าตรวจค้นพบหญิงสาวหลายคนกำลังเปลือยกาย เต้นรำเคล้าคลอเสียงเพลงอย่างสนุกสนานอยู่ภายในบ้าน
จากการตรวจสอบภายในบ้านพบของกลางหลายรายการทั้งเครื่องเสียง ไฟสปอร์ตไลท์ กล้องคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์หลายครื่อง ฮาร์ดดิสต์ เครื่องตัดต่อโทรศัพท์มือถือกว่า 10 เครื่อง ตารางการแสดงโชว์ลามก ซีดีโป๊ และถุงยางอนามัยจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบว่าภายในบ้านแต่ละห้องตกแต่งอย่างหรูหราสวยงามและจากการตรวจ ปัสสาวะยังพบว่าผู้ต้องหาสาวประเภทสองทั้ง 2 คน มีปัสสาวะเป็นสีม่วง
ทั้งนี้ชุดสืบสวนสภ.เมืองนครราชสีมาได้ติดตามพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหามา นานนับเดือนแล้ว หลังจากสืบทราบว่าบ้านพักหลังดังกล่าวมีชาวต่างชาติและหญิงสาวจำนวนมากมัก เข้าไปจับกลุ่มมั่วสุมจัดปาร์ตี้โชว์ลามกอนาจารผ่านทางอินเตอร์เน็ตโดยมีนาย เดวี่ เอียน แลนดอน (Mr.Davies Ian Randall) อายุ 42 ปี ชาวอังกฤษเป็นผู้เช่าบ้านหลังดังกล่าวมาจากเจ้าของในราคาเดือนละ 20,000บาท มานานกว่า 2 ปีแล้ว
โดยกลุ่มผู้ต้องหาชาวต่างชาติกลุ่มนี้จะเปิดเวปไซด์ให้ลูกค้าที่สนใจสมัคร เข้าใช้บริการดูโชว์ลามกผ่านทางอินเตอร์เน็ตโดยลูกค้าแต่ละรายจะเสียค่าใช้ บริการเฉลี่ยคิดเป็นเงินไทยประมาณนาทีละ 75 บาท ซึ่งผู้ต้องหาชาวต่างชาติกลุ่มนี้จะมีรายได้วันละมากกว่า 1 แสนบาท โดยผู้ต้องหาชาวต่างชาติจะว่าจ้างหญิงสาวชาวไทย และสาวประเภทสองแต่ละรายมาเต้นแสดงโชว์ลามกและร่วมรักผ่านทางอินเตอร์เน็ต ในราคาค่าจ้าง 1,500 บาท ต่อระยะเวลา 7 ชั่วโมง ซึ่งจะมีตารางแสดงโชว์ลามกทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 น. - 03.00 น.และ 06.00 น. - 11.00 น.
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันเผยแพร่สื่อลามกอนาจารส่วนสาว ประเภทสองทั้ง 2 คนยอมรับสารภาพว่าได้เสพยาไอซ์ ตำรวจจึงแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดเพิ่มเติมก่อนจะส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตาม กฎหมายต่อไป

“ไร่ส้ม-สรยุทธ์” และ จนท.อสมท. คดีเงินค่าโฆษณา อสมท.138 ล้าน



สอบนาน 4 ปี อนุฯ ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา “ไร่ส้ม-สรยุทธ์” และ จนท.อสมท. คดีเงินค่าโฆษณา อสมท.138 ล้าน
เมื่อ วันนี้(15 ก.ย.) นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า จากกรณีที่บริษัท อสมท. จำกัด ( มหาชน ) ร้องทุกข์กล่าวโทษพนักงาน อสมท. เมื่อปี 2550 ในข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 รวมถึงบริษัทไร่ส้มจำกัด และกรรมการบริษัทไร่ส้ม ซึ่งมีนายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา พิธีชื่อดังรวมอยู่ด้วย ทำให้ อสมท. ได้รับความเสียหายจากค่าโฆษณาเป็นเงิน 138,790,000 บาท จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ทางคณะอนุกรรมการซึ่งมีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน ได้รายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ว่า เบื้องต้นได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไปนั้น ผู้ที่ได้รับแจ้งข้อกล่าวหาต้องเข้าชี้แจง หรือทำเป็นหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. จากนั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนจะรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปความเห็นเพื่อเสนอต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่วินิจฉัยต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าว คณะกรรมการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีคำสั่งลงวันที่ 21 ธ.ค.49 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตสมาชิกวุฒิสภาเป็นประธาน โดยฝ่ายบริหารมีมติให้แจ้งความดำเนินคดีอาญาแก่พนักงานของบริษัท อสมท. 2 คน คือ 1.นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด ผู้ดูแลเวลาโฆษณาของบริษัทไร่ส้ม ถูกกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์ในการปลอมแปลงเอกสารและทำลายเอกสาร รวมทั้งรับสินบนจากบริษัทไร่ส้ม ทั้งนี้นางพิชชาภา ถูกไล่ออกไปแล้ว 2.นางเบจมาศ นนท์วงศ์ เป็นผู้ส่งโฆษณาให้แก่ นางพิชชาภาและบริษัทไร่ส้ม ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ทั้งนี้บริษัทไร่ส้มขณะที่ถูกกล่าวนั้น มีนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา และ น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ เป็นผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัท ส่วนพนักงาน อสมท. ที่เกี่ยวข้องรายอื่น ๆ  มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อนายภักดี เพื่อสอบถามถึงรายละเอียดของผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด ปรากฏว่านายภักดี ได้เดินทางไปต่างประเทศ และจะกลับมาในสัปดาห์หน้า.

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

เสี่ยโรงพิมพ์ เล่นเฟซบุ๊กไม่ยอมนอน ช็อคดับคาห้องน้ำ





พ.ต.ท.ปิยพงษ์ วงศ์เกตุใจ สารวัตรเวร สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งจากทางสถานีรถไฟนครชุมน์ หมู่ 4 ต.นครชุมน์ อ.บ้านโป่ง ว่า พบชายเสียชีวิตอยู่บนขบวนรถไฟโดยสารที่ 252 วิ่งจากสถานีจ.ประจวบคีรีขันธ์ ปลายทางธนบุรี จอดอยู่หน้าชานชาลาของสถานี จากการตรวจสอบภายในห้องน้ำบนตู้โดยสารตู้ที่2 พบศพ นายสมเจตน์ ไพบูลย์ อายุ 53 ปี พักอาศัยอยู่ย่าน เขตบางกอกใหญ่ กทม. นั่งฟุบเสียชีวิตคาห้องน้ำ โดยไม่พบร่อยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
สอบสวน นางวันทา บุตรอากาศ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตาย กล่่่าวว่า สามีประกอบอาชีพเป็นเจ้าของโรงพิมพ์ในกทม. โดยเมื่อ 2 วันก่อนตน และสามี เดินทางมาเยี่ยมญาติ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กระทั่งคืนวันที่ 13 ก.ย. ตนมีปากเสียงกับสามีที่ไม่ยอมหลับยอมนอนพักผ่อนเอาแต่นั่งเล่นเฟซบุ๊กตลอด ทั้งคืน ทั้งที่ช่วงเช้ามืดวันรุ่งขึ้นจะต้องเดินทางกลับกทม. จนเมื่อเวลา 05.30 น. ตนพร้อมสามีมาขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟหนองคาง อ.สามร้อยยอด แต่เห็นสามีมีท่าทีอิดโรย และระหว่างอยู่บนขบวนรถไฟ สามีได้เดินไปเข้าห้องน้ำนานนับชั่วโมง ก็ยังไม่ยอมออกมา ตนเห็นผิดสังเกตจึงได้เคาะประตูเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่ขบวนรถงัดประตูเข้าไป พบว่านายสมเจตน์ นั่งฟุบเสียชีวิต
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า นายสมเจตน์ คงพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้เกิดการช็อคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันและเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ ตามทางเจ้าหน้าที่จะได้ส่งศพไปทำการพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหา สาเหตุของการเสียชีวิตต่อไป

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

เด็กสาวลำปางผูกคอตายในห้องนอน ตามอดีตครูพละ




 พ.ต.ท.ภานุพันธ์ กันทะวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.สบปราบ จ.ลำปาง รับแจ้งว่ามีคนแขวนคอตาย ที่บ้านพักในเขต อ.สบปราบ จ.ลำปาง หลังรับแจ้งจึงประสานแพทย์เวรฯ โรงพยาบาล พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้นและเป็นบ้านของนางลำดวน (นามสมมติ) อายุ 34 ปี มารดาของนางสาวเอ๋ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เหยื่อที่ถูกนายพยนต์ศักดิ์ หรือครูแดง อุดม อายุ 58 ปี อดีตครูพละ ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.นายาง อ.สบปราบ ลักพาตัวไป ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่หอพัก เลขที่ 98/10 หมู่ 7 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ก่อนที่นายพยนต์ศักดิ์ จะเกิดอาการเครียด ตัดสินใจผูกคอตายในห้องขัง สภ.เถิน จ.ลำปาง เพื่อหนีความผิด เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบภายในห้องนอน ทราบว่า น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) ใช้เชือกเนตรนารีผูกคอตายติดกับขื่อในห้องนอน แต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่ไปถึงทราบว่าญาติได้ช่วยกันปลดศพลงมาก่อนหน้านี้แล้ว สอบสวน นางลำดวน แม่ของน.ส.เอ๋ (นามสมมติ) ให้การว่าก่อนเกิดเหตุ หลังจากตนนำอาหารกลางวันออกไปส่งข้างนอกบ้านแค่ 15 นาที จึงรีบกลับบ้าน เพราะเป็นห่วงลูกสาวที่อยู่ในภาวะซึมเศร้าและเกรงว่าจะทำร้ายตนเองจนถึง ชีวิต พอกลับมาถึงบ้านก็ไม่พบลูกสาวอยู่ชั้นล่างของบ้าน จึงได้เรียกหา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา จึงขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน จึงพบว่าลูกสาว ใช้เชือกแขวนคอติดกับขื่อ จึงตะโกนเรียกญาติมาช่วยปลด และช่วยกันปั๊มหัวใจแต่ก็ไม่ทันน.ส.เอ๋ (นามสมมติ) ได้เสียชีวิตแล้ว
ผู้สื่อข่ารายงานว่าหลังจาก น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) ได้กลับมาอยู่บ้าน ทางนายสมชัย รุ่งสาคร นายอำเภอสบปราบ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสบปราบ ได้เข้ามาพูดคุยและปลอบขวัญเพื่อให้กำลังใจเด็กมีสุขภาพจิตใจที่ดีขึ้น รวมถึงจะได้เยี่ยมอาการ เพื่อเฝ้าระวังภาวะซึมเศร้า ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขอำเภอสบปราบได้จัดแผนมาเยี่ยมและพูดคุย เพื่อพัฒนาจิตใจของเด็กอยู่ตลอดจากนี้เป็นต้นไป แต่ก็มาเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ คาดว่าเด็กคงจะเกิดความเครียดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจหนีปัญหาด้วยด้วยการแขวนคอตายใน โดยที่ทางแม่ก็ค่อยดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
สำหรับน.ส.เอ๋ (นามสมมติ) ถูกนายพยนต์ศักดิ์ อุดม หรือครูแดง อายุ 58 ปี อดีตครูพละของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.นายาง อ.สบปราบ ที่ข่มขืนลูกศิษย์ของตนเองในช่วงที่เด็กเรียนอยู่ชั้น ป.5 - ม.3 รวมระยะเวลา 4 ปี ซึ่งยังมีการถ่ายคลิปภาพไว้ข่มขู่อีกด้วย ก่อนผู้ต้องหาจะถูกจับกุม และถูกดำเนินคดีในข้อหาพรากผู้เยาว์ และข่มขืนผู้อื่น ซึ่งคดีอยู่ในชั้นศาลและก่อนถึงวันพิจารณาคดีของศาลจังหวัดลำปาง ผู้ต้องหาได้พาเหยื่อหลบหนีไป ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา ก่อนจะมาถูกจับกุมได้ที่ห้องเช่าใน จ.ปทุมธานี ทางตำรวจได้นำตัวมาขังไว้ที่ สภ.เถิน ก่อนที่นายพยนต์ศักดิ์ จะฉีกผ้าห่มไหมพรมเป็นเส้นผูกคอตาย ภายในห้องขัง เพื่อหนีความผิด และความอับอาย เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา 

ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 มาใหม่สำหรับนักพัฒนา...





       "ลืมรูปแบบระบบปฏิบัติการวินโดวส์แบบเดิมๆไปได้เลย" หนึ่งในคำกล่าวเปิดงานจากประธานฝ่ายธุรกิจวินโดวส์ ที่เผยโฉมพร้อมแสดงศักยภาพระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ให้แก่กลุ่มนักพัฒนาภายในงาน 'Build' ที่ไมโครซอฟท์จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่นักพัฒนาในการผลิตโปรแกรมเพื่อใช้ งานบนวินโดวส์ 8
      
       สตีเวน ไซนอฟสกี (Steven Sinofsky) ประธานฝ่ายธุรกิจวินโดวส์จากไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ในส่วนของชิปเซ็ตที่รองรับทั้งสถาปัตยกรรม ARM และ x86 ไปจนถึงฟอร์มเฟคเตอร์ของอุปกรณ์ ไล่ตั้งแต่โน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 10 นิ้ว ไปจนถึงออลอินวันพีซี ขนาด 27 นิ้วความละเอียดสูง
      
       "ไม่มีข้อจำกัดระหว่างอุปกรณ์พกพาและ คอมพิวเตอร์อีกต่อไป เพราะระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 สามารถใช้งานได้ในทุกๆดีไวส์ แม้แต่เน็ตบุ๊กที่ใช้ซีพียู Atom รุ่นแรก กับ RAM 1 GB ก้สามารถใช้งานได้"
      
       ในจุดนี้ ถ้าสังเกตกันจะพบว่าหน้าจออินเตอร์เฟสหลักของวินโดวส์ 8 ในชื่อ "Metro-Styled" ที่ถูกเปิดเผยออกมานั้น จะใช้คอนเซปต์เดียวกับอินเตอร์เฟสของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โฟน 7 ที่สามารถปรับมาเพื่อใช้งานบนเดสก์ท็อป โน้ตบุ๊ก และแท็บเล็ต ซึ่งในการใช้งานผู้ใช้สามารถ สัมผัสค้าง เพื่อสลับสับเปลี่ยนช่องการแสดงผลต่างๆไปมาได้ทันที เหมือนการใช้งานวินโดวส์ โฟน 7
      
       ขณะที่เว็บเบราว์เซอร์อย่าง Internet Explorer 10 ที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนานั้น ก็มีการพัฒนารูปแบบในการแสดงผลให้เหมาะสมกับอุปกรณ์พกพาต่างๆมากขึ้น
      
       ส่วนการพัฒนาแอปพลิเคชัน ที่ให้บริการผ่าน 'วินโดวส์ สโตร์' นั้นไมโครซอฟท์ให้แนวคิดในการพัฒนาไว้ว่า แอปฯทุกแอปฯในทุกดีไวส์ จะสามารถเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันละกัน ช่วยให้ผู้ใช้งานที่มีหลายดีไวส์สามารถอัปเดตข้อมูลได้ตลอดเวลา
      
       จุดที่สำคัญที่สุดคือ โปรแกรม และแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 สามารถนำมาใช้งานบนวินโดวส์ 8 ได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 สำหรับนักพัฒนา จะเปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้งานกันในช่วงปลายสัปดาห์นี้

ตร.รวบแม่แอบรีดลูกในสนามบิน



   เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 ก.ย. พ.ต.ท.วันชนะ บวรบุญ สวญ.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ทำการตรวจสอบแกะรอย และพบผู้ต้องสงสัยคือ น.ส.นวลศิริ สำราญใจ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 5 ต.บึง อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ ได้โดยสารเครื่องบินมาลงที่เกาะสมุย และต่อไปยังเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จึงรีบประสาน พ.ต.ต.พอพล อุทัยภพ สว.สส.ตม.เกาะสมุย  ร.ต.อ. ณพวุฒิ มารยารต์ รอง สว.สส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบน.ส.นวลศิริ เดินอยู่ในงานฟูลมูนปาร์ตี้ บนหาดริ้น อ.เกาะพะงัน เมื่อกลางดึกวันที่ 12 ก.ย. เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาสอบสวน
   
ทั้งนี้เบื้องต้น น.ส.นวลศิริ รับสารภาพทั้งน้ำตาว่า อดีตทำงานอยู่ที่บาร์เบียร์แห่งหนึ่งในเมืองพัทยาและเกิดมีความสัมพันธ์กับ แฟนหนุ่มชาวอังกฤษจนตั้งท้อง จากนั้นแฟนหนุ่มได้หนีกลับประเทศ กระทั่งตนตั้งท้องได้ 1 เดือนก็รู้จักและคบหากับแฟนใหม่ ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ โดยที่แฟนใหม่ไม่รู้ว่าตนกำลังตั้งท้องอยู่ และก่อนเกิดเหตุ แฟนใหม่ได้ชวนเดินทางไปเที่ยวที่เกาะสมุย และเกาะพะงัน ขณะกำลังรอขึ้นเครื่องตนรู้สึกเหมือนเด็กในท้องดิ้นจึงเข้าห้องน้ำแล้วใช้ ชุดว่ายน้ำแบบจีสตริงรัดหน้าท้องจนเด็กไหลออกมาก่อนจะนำไปทิ้งถังขยะแล้ว ขึ้นเครื่องบินไปเกาะสมุยดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ต้องทำเพราะไม่ต้องการให้แฟนใหม่รู้ว่าตนเองท้องกับคนอื่นมาก่อน
   
พ.ต.ท.วันชนะ กล่าวต่อว่า ต่อมาในช่วงเช้าวันที่ 13 ก.ย. เจ้าหน้าที่จึงไปขอหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ เลขที่ จ 623 ลงวันที่ 13 ก.ย. 2554 เพื่อจับกุม น.ส.นวลศิริ และแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และปิดบังอำพรางซ่อนเร้นซากศพ จากนั้นได้ส่งตัวให้ พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผบก.ตม.6  พ.ต.อ.เจษฎา ใยสุ่น รอง ผบก.ตม.6 ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
   
ต่อมาเวลา 17.30 น. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ณัฐนันท์ นานาสมบัติ ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ควบคุมตัว น.ส.นวลศิริ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางความสนใจของชาวบ้านที่ทราบข่าว.

ศาลสั่งจำคุกบก.ลายจุด6เดือนปรับ6พัน



     ศาลแขวงพระนครเหนือ อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีศาลแขวง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ อายุ 43 ปี หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่ม 19 ก.ย. ต้านรัฐประหาร เป็นจำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ปี 2550 จากกรณีเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2553 จำเลยและผู้ชุมนุม ประมาณ 1,000 คน ได้ร่วมกันฝ่าฝืนชุมนุมบริเวณทางเท้า และพื้นผิวถนน พร้อมใช้โทรโข่ง กล่าวปราศรัยโจมตีรัฐบาล บริเวณใกล้ทางด่วนรามอินทรา - อาจณรงค์ ใกล้กับห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว อันเป็นการกระทำขัดต่อพระราชกำหนดการบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และก่อให้เกิดความเดือดร้อน เนื่องจากกีดขวางทางจราจร โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญากำหนด 2 ปี ซึ่งภายหลังฟังคำพิพากษา นายสมบัติ ได้ชำระค่าปรับจำนวน 6,000 บาท และเตรียมยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ตามกฎหมาย

ตำรวจฟิต! บุกบ่อนเตาปูน แต่เข้าไม่ได้...


    พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ในฐานะรักษาการ ผู้กำกับการ สน.เตาปูน พร้อมกำลังกว่า 100 นาย นำหมายศาลแขวงพระนครเหนือ เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 269 และ 281 ถนนเตชะวนิช ตรอกข้าวสาร เขตบางซื่อ ของ นายณรงค์ พึ่งวัน หลังพบเป็นที่ตั้งของบ่อนเตาปูน ซึ่งรายล้อมไปด้วยบ้านเรือนประชาชนจำนวนมากและเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าตรวจค้น

พ.ต.อ.เจริญ ยืนยันแม้วันนี้จะเข้าตรวจค้นไม่ได้ จึงสั่งการให้ตำรวจเฝ้าประจำทางเข้าออกรวม 6 จุด ตลอด 24 ชั่วโมง กดดันไม่ให้มีการเข้าไปเล่นการพนันได้โดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัจจุบันไม่มีการเปิดให้เล่นแล้ว เพราะจำนวนคนที่เข้าออกมีน้อยมาก
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ขอหมายค้นรวม 3 จุด ประกอบด้วย ลานจอดรถ ตรอกมาลัย ซึ่งเชื่อมต่อไปถึงบ้านที่คาดว่าเป็นที่ตั้งตัวบ่อน แต่ศาลไม่อนุญาตเพราะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แต่ศาลอนุญาตให้เข้าค้นได้เพียงบ้านที่คาดว่าเป็นบ่อนเท่านั้น

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

บุกจับหนุ่มหื่น! กักขัง-ข่มขืนสาวปวส.ยับ



(9 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้า มนุษย์ (บก.ปคม.) แถลงการจับกุม นายอดิสรณ์ บุตรศรี อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาคดีกักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย และทำร้ายร่างกาย โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 1527 หมู่บ้านเปรมปรี คลอง 2 ถนนรังสิต-นครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

สืบเนื่องจากทางผู้ปกครองของ น.ส.ฟ้า (นามสมมติ) อายุ 18 ปี นักศึกษาระดับ ปวส.สถาบันแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความว่า บุตรสาวถูกนายอดิสรณ์ ซึ่งรู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต ล่อลวงพาตัวไปกักขัง ทำร้ายร่างกายและบังคับข่มขืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวน และวางแผนเข้าช่วยเหลือ น.ส.ฟ้า พร้อมทั้งจับกุม นายอดิสรณ์ ไว้ได้ จากการตรวจสอบพบว่าตามลำตัว และขอบตาของ น.ส.ฟ้า มี รอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายร่างกายหลายครั้ง อีกทั้งยังอยู่ในอาการหวาดกลัว เจ้าหน้าที่จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา และตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง
สอบสวนนายอดิสรณ์ อ้างว่ารู้จักกับหญิงสาวผ่านอินเทอร์เน็ต และคบหากันในฐานะแฟนมานาน 1 ปี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา หญิงสาวได้โทรศัพท์ขอย้ายเข้ามาอยู่ด้วยที่บ้านพักเพราะมีปัญหากับทาง บ้าน โดยยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศกัน และได้มีปัญหาทะเลาะกันรุนแรงจึงเกิดบันดาลโทสะชกผู้เสียหายแค่เพียงครั้ง เดียว ซึ่งไม่ได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายบ่อยครั้งตามที่ถูกกล่าวหา
เบื้องต้นตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากขณะที่นำกำลังเข้าจับกุมหญิงสาวอยู่ในห้องและถูกกักขังในสภาพหวาด กลัว เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น และทำร้ายร่างกาย

บุกจับครูศิลปะหื่นข่มขืนลูกศิษย์(มีคลิป)


เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 ก.ย. ร.ต.อ.นัทธพล ศรีคำสุข สวป.สภ.สบปราบ จ.ลำปาง พร้อมกำลังนำหมายจับศาลจังหวัดลำปาง เลขที่ จ.141/2554 ลงวันที่ 30 ส.ค.2554  ข้อหาพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปี เข้าจับกุมตัวนายพยนต์ศักดิ์ หรือครูแดง อุดม อายุ 58  ปี  ได้ภายในหอพักธนภัทรห้องที่ 7  ซอยสุขสมบูรณ์ หมู่ 7 ตำบลคลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ขณะหลับอยู่ภายในห้องพร้อม น.ส.จอย นามสมมุติ อายุ 15 ปี
 ร.ต.อ.นัทธพลเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ปกครองของ ด.ญ.เฺอ นามสมมุติ เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.สบปราบ จ.ลำปาง ว่าบุตรสาวของตนถูกนายพยนต์ศักดิ์ ผู้ต้องหาซึ่งเป็นครูสอนวิชาสุขศึกษาและศิลปะ ข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ จากนั้นศาลจังหวัดลำปางจึงออกหมายจับ และผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกมา กระทั่งเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์ แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมไปตามนัดศาลเลยออกหมายจับ จนตำรวจสืบทราบว่าผู้ต้องหาพา ด.ญ.จอยผู้เสียหายมาเช่าห้องพักย่านคลองหลวง จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ดังกล่าว.

รวบ‘แหวนเพชร เกียรติวันชัย’ขายยานรก


  วันนี้ (9 ก.ย.) พ.ต.ท.เรืองยศ ภูแช่มโชติ รอง ผกก.ปรก.กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.ท.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช สวป.สภ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ปรก.กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น กับพวกร่วมกันจับนายธีระศักดิ์ หรือ “แดง” แซ่อาจ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/66 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นอดีตแชมป์มวยชื่อดังแห่งเวทีมวยกรุงเทพฯ และขอนแก่น กับนายจิตรภณ หรือ “โทน” ร่มซ้าย อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 ถนนศรีธาตุประชาสรรค์ หมู่ 9 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมของกลางยาบ้า 221 เม็ด
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ๆด้รับรายงานจากสายลับว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนมี พฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ จึงวางแผนล่อซื้อ โดยนัดส่งมอบกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เมื่อผู้ต้องหาหลงกล จึงแสดงเข้าจับกุมได้ดังกล่าว

จากการสอบสวนนายธีระศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า เมื่อ 15 ปีก่อน เคยเป็นถึงอดีตแชมป์มวยไทยชื่อดัง ใช้ชื่อในการชกว่า “แหวนเพชร เกียรติวันชัย” สังกัดค่ายเกียรติวันชัยที่กรุงเทพฯ จนประสบความสำเร็จสูงสุดได้แชมป์มวยไทยรุ่น 105 ปอนด์แห่งเวทีมวยกรุงเทพฯ ต่อมาย้ายมาประจำอยู่ค่าย ส.เมืองแก่น ที่ จ.ขอนแก่น พอแก่ตัวลงได้ผันตัวมาเป็นเซียนพนันมวยไทยแทน และหันไปขับรถอยู่ที่โรงเรียนอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งในพื้นที่ แต่รายได้ไม่พอใช้ ประกอบกับมีหนี้สิน ทำให้ตัดสินใจขายยาบ้าดังกล่าว

คณะกรรมการสอบสวนของจเรตำรวจแห่งชาติสอบพบบ่อนกลางกรุงย้ายมาจากพื้นที่ สน.วังทองหลาง






คณะกรรมการสอบสวนของจเรตำรวจแห่งชาติสอบพบบ่อนกลางกรุงย้ายมาจากพื้นที่ สน.วังทองหลาง
เมื่อ เวลา 11.00 น. วันที่ 8 ก.ย. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน ชุดสืบสวน สน.สุทธิสาร ตัวแทนจากการประปานครหลวง และการไฟฟ้านครหลวง เข้าตรวจสอบอาคารชั้นเดียว ไม่มีเลขที่ ภายในซอยรัชดา 14-16 หลังโชว์รูมรถยนต์ แขวงและเขตห้วยขวาง ที่เคยเป็นบ่อนใหญ่ใจกลางกรุง ที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.สัดส่วน พรรครักประเทศไทย แฉกลางสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการประชุมแถลงนโยบายของรัฐบาล

เมื่อถึงอาคารดังกล่าวพบว่า มีชายฉกรรจ์หลายนายเฝ้าอยู่อย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว เพื่อขอเข้าไปตรวจสอบ ชายฉกรรจ์ดังกล่าว ยอมให้เข้าไปแต่โดยดี รวมถึงรถตู้ของกองพิสูจน์หลักฐานที่คาดว่าจะใช้ขนย้ายหลักฐานที่พบไปตรวจ สอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ยกเว้นบรรดาผู้สื่อข่าวถูกกันไว้อยู่ภายนอกอาคาร เบื้องต้น จากการสอบถามเจ้าหน้าที่การประปานครหลวงทราบว่า ที่ร่วมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เนื่องจากอาคารดังกล่าว มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องยกเลิกการจ่ายน้ำประปา และไฟฟ้าให้อาคารดังกล่าว และต้องถอดมิเตอร์น้ำประปา และไฟฟ้ากลับ เพื่อป้องกันการลักลอบใช้น้ำประปา และไฟฟ้า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบโพยไพ่ขอนหลงเหลืออยู่บางส่วน

พล.ต.ต.อนุชัย เผยว่า การเข้าตรวจอาคารที่เกิดเหตุครั้งนี้ เป็นการอำนวยการโดย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ฝ่ายป้องกัน และปราบปราม สนธิกำลังจาก บชน., สน.ท้องที่, กองปราบปราม, หน่วยพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจเก็บหลักฐาน และตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ โดยการตรวจสอบต้องดูจากหลายแง่มุม ทั้งสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานที่จะนำมาซึ่งการกระทำความผิด ในส่วนของการไฟฟ้านครหลวง และการประปานครหลวง เจ้าหน้าที่ต้องตรวจหารายละเอียด และตรวจสอบการยื่นขอใช้ว่าแจ้งไว้ว่าอย่างไร

“ขณะนี้ยังไม่ได้สอบสวนเจ้าของอาคารที่เกิดเหตุ แต่ควบคุมตัวผู้ดูแลอาคารไว้สอบสวนแล้ว นอกจากนั้น ยังควบคุมตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไว้ได้บางส่วน และสอบพยานบุคคลไปกว่า 10 ปากแล้ว แต่ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด โดย พล.ต.อ.ปานศิริ กำชับให้ดำเนินคดีผู้เล่น เจ้ามือ และเจ้าของอย่างจริงจัง และการสอบสวนครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ เป็นธรรม และมีมาตรฐาน” รอง ผบช.น. กล่าว

ส่วนที่สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีบ่อนการพนันย่านรัชดาภิเษก ได้เดินทางมาร่วมประชุม พร้อมคณะกรรมการฯ โดยเปิดเผยก่อนการประชุม ว่า วันนี้จะเป็นการติดตามความคืบหน้าของการสอบสวนกรณีบ่อนการพนันย่าน รัชดาภิเษก เพื่อเตรียมสรุปสำนวนรายงานให้ ผบ.ตร.พิจารณา ซึ่งก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการได้เรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าให้ ปากคำครบถ้วนแล้ว รวมทั้ง พล.ต.ท พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ที่เพิ่งเข้ามาให้ข้อมูลเมื่อวานนี้ ดังนั้น การประชุมจะสรุปได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจรายใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกรณี นี้บ้าง ทั้งในส่วนของบ่อนรัชดาภิเษก และบ่อนพระราม 9 พร้อมทั้งสรุปความผิดทางวินัย และอาญา ก่อนรายงานให้ ผบ.ตร. พิจารณาต่อไป

“ถวิล” รุดพบ “โกวิท” ขอลาพักร้อน เดินหน้ายื่นฟ้อง “นายกฯ ปู” สัปดาห์หน้า ปัดคำเชิญกินข้าวเคลียร์ใจ


“ถวิล” รุดพบ “โกวิท” ขอลาพักร้อน เดินหน้ายื่นฟ้อง “นายกฯ ปู” สัปดาห์หน้า ปัดคำเชิญกินข้าวเคลียร์ใจ

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 9 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. ซึ่ง ครม.มีมติให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำระดับ 11 ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ 1 โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที จากนั้น นายถวิล เปิดเผยว่า มารายงานตัวต่อ พล.ต.อ.โกวิท ในฐานะที่ท่านกำกับดูแลการทำงานของตัวเองในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และถือโอกาสมาขอบคุณท่านที่กรุณาดูแลมาตลอด รวมทั้งมาขอลาพักร้อน 1 สัปดาห์ เพราะตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา 20 ปี ยังไม่ได้ลาพักร้อนเลย ในส่วนของงานที่จะได้รับผิดชอบนั้น ขณะนี้ พล.ต.อ.โกวิท ยังไม่ได้มอบหมายอะไรที่ชัดเจน แต่ท่านก็คงจะมอบหมายงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงให้ทำ ซึ่งคงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนห้องทำงานนั้น ยังไม่เรียบร้อย ต้องอยู่ที่ สมช.ไปก่อน อย่างไรก็ตาม การเข้าพบครั้งนี้ ท่านโกวิทไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ตนจะยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ท่านให้เกียรติมาก ซึ่งความคืบหน้าเรื่องการยื่นฟ้องต่อ ก.พ.ค.นั้น ก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด ที่ไม่สามารถยื่นได้ทันที เพราะต้องมีการเขียนคำร้อง รวบรวมพยายานหลักฐาน และเอกสารต่าง ๆ อยู่บ้าง แต่คิดว่าในวันจันทร์ที่ 12 ก.ย. คงจะสามารถยื่นร้องต่อ ก.พ.ค.ได้ ทั้งนี้ คงจะเขียนคำร้องไปในเบื้องต้นก่อน ส่วนการให้ข้อมูล และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ก็คงจะตามไปในภายหลัง และอาจจะต้องไปชี้แจงด้วย 

“ผมขอเรียนว่า ขณะนี้ในเรื่องของการบริหารนั้น จบแล้ว มติ ครม.มีผลแล้ว ผมไปเป็นตำแหน่งที่ปรึกษา ประจำสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็คิดว่าน่าจะจบ แต่เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ท่านรองเฉลิมก็ยังพูดถึงผมอีก และผมก็เห็นว่ามันเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทั้งยังอาจจะไปกระทบกับอีกหลาย ๆ ท่าน ที่สำคัญคือไปพูดถึงบุคคลที่สามด้วย โดยท่านพูดในทำนองที่ว่า ผมมาไม่ถูกต้อง ก็ต้องไป ทำนองว่ามาทางไหนไปทางนั้น ย้อนเรื่องที่ผมพูดถึงกฎแห่งกรรม ผมเรียนว่าถ้ากฎแห่งกรรมเป็นเรื่องนี้ ผมต้องไม่อยู่ในกรณีนี้ เพราะผมรับราชการใน สมช.มา 30 ปี และขึ้นมาตามลำดับขั้น ไม่ได้สร้างปัญหา หรือเบียดบังคนอื่น ดังนั้น กฎแห่งกรรมนี้ผมรับไม่ได้ ผมขอเรียนให้เป็นข้อมูล และผมก็จะไม่ตอบโต้แล้ว ต่อไปก็จะเป็นเรื่องระหว่างผมกับนายกฯ ที่ ก.พ.ค.” นายถวิล กล่าว เมื่อถามว่า สรุปแล้วที่จะไปร้องต่อ ก.พ.ค.นั้น จะฟ้องนายกรัฐมนตรีคนเดียวใช่หรือไม่ นายถวิล กล่าวยอมรับว่า ทราบจากทาง ก.พ.ค.ว่าคงเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และตามกฎหมายนายกรัฐมนตรีเป็นประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติด้วย อย่างไรก็ตาม ในสำนวนคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกล่าวอ้างถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะท่านพูดถึงตนเยอะมาก

สั่งโยกย้ายตำรวจ.


จากกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีคำสั่งให้ย้ายผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล ประกอบไปด้วย พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผู้กำกับการ สน.พญาไท , พ.ต.อ.อดิศักดิ์ คุณพันธ์ ผู้กำกับการ สน.บางยี่ขัน และ พ.ต.อ.วีระ จิรวีระ ผู้กำกับการ สน.เตาปูน รวม 3 นาย เข้าประจำ บก. เป็นระยะเวลา 30 วัน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากพบว่ามีการละเลยให้มีการลักลอบเล่นพนันในพื้นที่นั้น

ด้าน พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 เปิดเผยว่า ตนยังไม่ทราบในรายละเอียด กรณีการสั่งย้ายข้าราชการในสังกัด ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้สั่งกำชับให้ทุกพื้นที่ กวดขันและจับกุมปราบปรามอบายมุขทุกรูปแบบ โดยเฉพาะบ่อนการพนัน ซึ่ง บก.น.7 ถือว่า สถิติในการจับกุมมาเป็นอันดับ 1 พร้อมกันนี้ พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ยอมรับว่าในพื้นที่มีบ่อนการพนันจริง แต่หากตรวจพบ ก็จะดำเนินการจับกุมทันที ไม่มีปล่อยปละละเลย แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ชวลิต ประสพศิลป รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 จะไปนั่งรักษาราชการแทนในพื้นที่ สน.บางยี่ขัน

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ฉกเพชรกว่า 7 ล้านบาท ร้านจิวเวลรี่กลางเมืองพัทยา





ชลบุรี 8 ก.ย.- ร.ต.ท.ศิรชัช หนูเทศ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา สาขาย่อยโค้งดงตาล จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (8 ก.ย.) มีผู้โจรกรรมทรัพย์สินของร้านบูลสกายเจมส์ แอนด์ จิวเวอรี่ ถนนเทพประสิทธิ์ พัทยาใต้ หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผกก. นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น พบว่าลูกกุญแจที่คล้องอยู่กับประตูเหล็กบานเลื่อนด้านหน้าถูกคนร้ายตัดจนขาด และประตูกระจกอะลูมิเนียมด้านในมีร่องรอยของการถูกงัดแงะได้รับความเสียหาย ใกล้กันพบกิ่งไม้ที่ผู้ก่อใช้ดันกล้องวงจรปิดให้แหงนขึ้นไปด้านบน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
   และการตรวจสอบภายในตู้วางเครื่องเพชร-พลอย พบว่าถูกกวาดไปจนหมด มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท อาทิ แหวนเพชร-พลอย จำนวน 300 วง, จี้เพชร 40 อัน, ต่างหูเพชร 50 คู่ และสร้อยคอทองคำขาวฝังเพชร 20 เส้น เบื้องต้นทราบว่าขณะที่พนักงานมาเปิดร้านตามปกติในตอนเช้า พบว่าลูกกุญแจที่ปิดล็อกประตูเหล็กบานเลื่อนถูกตัดขาด และทรัพย์สินในตู้โชว์หายไปเกือบหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบพบว่าช่วงเวลา 04.57 น. มีบุคคลหนึ่งเดินมาที่หน้าร้านแล้วใช้ไม้ดันกล้องวงจรปิดให้หันขึ้นไปด้านบน และเวลา 05.26 น. เห็นภาพเพียงศีรษะของผู้ก่อเหตุ คาดว่าน่าจะเป็นผู้ชายและเดินออกจากร้านไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่วิทยาการได้เก็บลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุนำไปเปรียบเทียบกับ แฟ้มประวัติอาชญากร เพื่อเป็นเบาะแสหาตัวผู้ก่อเหตุ

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

จับยาเสพติดล็อตใหญ่มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ยึดได้ทั้งยาบ้า ยาไอซ์ และเฮโรอีน แต่แก๊งค้ายาทิ้งรถหนีได




วันนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.เชียงราย รายงานมาว่า จากการสืบทราบของ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.อ.จิรเดช กมลเพ็ชร ผบ.ฉก.ม.2 กกล.ผาเมือง ว่า จะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ นำยาเสพติดมาพักไว้ในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย รอลำเลียงส่งขายให้กับลูกค้า จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญวาศน์ มังคราช ผกก.สภ.แม่ฟ้าหลวง พ.ต.ท.สัมฤทธิ์ แสนสุวรรณ รอง ผกก.ปป. พ.ต.ท.เกษม สายาจักร รอง ผกก.สส. ประสานกับ พ.อ.ศุภฤกษ์ ศุภอุดมผล รอง ผบ.ฉก.ม.2 ร.อ.ดิศชัย พลัดภัยพาล ผบ.ร้อย ม.3 ฉก.ม.2 ร.ท.อุทัย ขันธ์คุปต์ รอง ผบ.ร้อย ม.3 จัดกำลังวางแผนเข้าสกัด และจับกุม ได้วางกำลังไว้เป็นจุด ๆ ตามเส้นทางแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า
   จนกระทั่ง เวลา 21.30 น. วันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังตำรวจ และทหารซุ่มอยู่บริเวณริมถนน ภายในหมู่บ้านห้วยส้าน ม.15 ต.แม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง พบรถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาจอด และมีชายฉกรรจ์กว่า 10 คน ช่วยกันยกกระสอบปุ๋ย และกระเป๋าเป้แบบทหาร จึงแสดงตัวขอเข้าตรวจค้น แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวต่างพากันตกใจ วิ่งหนีเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งรถกระบะฟอร์ด สีน้ำเงิน ทะเบียน บน-4179 เชียงรายไว้ ตรวจค้นภายในกระสอบปุ๋ย 12 ใบ และกระเป๋าเป้ 7 ใบ พบยาบ้า 2,462,000 เม็ด ยาไอซ์บรรจุในซองชาจีนน้ำหนักรวม 95 กิโลกรัม และเฮโรอีนตราสิงโตคู่เหยียบลูกโลก น้ำหนักรวม 3.4 กิโลกรัม จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชา และ พ.ต.ท.ไพโรจน์ จันทราพูน สารวัตรเวร สภ.แม่ฟ้าหลวง ทราบ เพื่อนำของกลางทั้งหมดไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
  จากการตรวจสอบรถกระบะของกลางทราบว่าเป็นของ นายอาโซ่ เมอแลกู่ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 551 หมู่ 6 บ้านห้วยข้าวหลาม ต.แม่ไร่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านพัก แต่ไม่พบใครอยู่ในบ้าน สำหรับยาเสพติดล็อตนี้ถือว่าเป็นการจับยาเสพติดล็อตใหญ่อีกครั้งหนึ่งในรอบ ปี 54 โดยยาบ้า ยาไอซ์ และเฮโรอีนของกลาง หากลำเลียงไปส่งถึงพื้นที่ชั้นในของประเทศได้จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท แต่ถ้าหลุดออกไปที่ต่างประเทศจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกนับ 10 เท่า หรือ 5 พันล้านบาทเลยทีเดียว.

จับเปรตกู้ลวงโลก ตุ๋นเจ๊ร้านคอมพ์หอบเงินเข้าบ่อน


''เปรตกู้'' ผู้โด่งดังคืนชีพ กองปราบฯรวบคาบ้าน หลังสาวเจ้าของร้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หนี้ท่วมหัว เพื่อนหวังดีพาไปดูดวงเจอจอมขมังเวทแนะ  เสริมดวง ทำแล้วรวยเละ  58 ล้าน เหยื่อหลงคารม ขายรถนำเงินถวายทำพิธี พลิ้วเอาไปลงทุนในบ่อนดังในกรุงเทพฯได้เงินเร็วกว่า สุดท้ายอ้างเล่นเสียเงินเกลี้ยง
    เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 กันยายน ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ พงส.(สบ3) กก.1 บก.ป.แถลงข่าวจับกุม นายกร หรือกิตติ ปภัสโรบล หรือ อาจารย์กู้ หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เปรตกู้” คำชะโนด อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/266 หมู่ 1 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อม     ของกลางคัมภีร์ใบลานลงอักขระ เสื้อเชิ้ตสี  ขาว จับกุมในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ได้ที่ชั้น    5 อาคารชลดา เลขที่ 40/59 หมู่ 2 ซอยแจ้งวัฒนะ 10 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส. เกศรินทร์ เขจรจิตร อายุ 33 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง ได้เข้าร้องทุกข์ว่า ได้รับคำชวนจากเพื่อนที่ให้มาดูดวงกับนายกร ซึ่งเคยดูดวงให้เพื่อนแล้วปรากฏว่าดูแม่น ประกอบกับตนประสบปัญหาเรื่องหนี้สินหลายแสนบาท จึงไปดูดวงและทำพิธีเสริมดวงกับนายกร
    น.ส.เกศรินทร์ ให้การต่อว่า ทั้งนี้ นายกร อ้างว่า สามารถทำพิธีเสริมบุญแล้วจะได้    เงิน 58 ล้านบาท รวมทั้งยังอ้างตัวเป็นร่างทรงหลวงปู่ฤาษีตาไฟ หลวงปู่นารอด หลวงพ่อหลักเมืองหลายองค์ หลังจากที่ดูดวงเสริมชะตาเสร็จก็มีการติดต่อเรื่อยมา ซึ่งมีทั้งทำบุญ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ทำพิธีปิดนะหน้าทอง ซึ่งแต่ละพิธีก็ต้องเสียเงินทำบุญไปหลายหมื่นบาท และยังชักชวนให้นำเงินไปลงทุนเล่นการพนันในบ่อนการพนันแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ด้วย ซึ่งนายกร อ้างว่ามีคนรู้จัก รู้วิธีเล่นแล้วได้กำไร 60 กว่าล้านบาท ตนก็หลงเชื่อเพราะต้องการหาเงินไปใช้หนี้สิน จึงนำรถยนต์ไปจำนำได้เงินมาก้อนหนึ่งก็แบ่งให้นายกร 1 แสนบาทเพื่อไปเล่นในบ่อน แต่ไม่เป็นไปตามนั้น ช่วงหลังเริ่มคิดว่าถูกหลอกจึงเริ่มรู้สึกตัว ขอให้เพื่อนที่เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดช่วยตรวจสอบประวัติ จึงทราบความจริงว่าเป็นคนเดียวกับ เปรตกู้ แต่ขณะนั้นก็เสียเงินค่าพิธีต่าง ๆ ไปกว่า 3 แสนบาทแล้ว จึงนำเรื่องมาแจ้งความจับดังกล่าว
    จากการสอบสวนเบื้องต้นนายกร ให้การภาคเสธโดยอ้างว่า ได้ทำพิธีต่าง ๆ ตามที่ผู้เสียหายกล่าวจริงแต่ไม่ได้หลอกลวงแต่อย่างใด และยอมรับว่าเอาเงินไปเล่นการพนัน 1 แสนบาทจริง โดยนำไปเล่นบาคาร่า ซึ่งผู้เสียหายก็ทราบ และตนได้คืนเงินให้ผู้เสียหายไปแล้ว 9 หมื่นบาท นายกร ให้การต่อด้วยว่า หลังจากที่ถูกจับกุมเมื่อปี 2543 และถูกดำเนินคดีที่ศาล โดยมีทั้งยกฟ้องและรอลงอาญาแล้วช่วงนั้นตนไปค้าขายเสื้อผ้า รองเท้า ซีดี ต้นไม้อยู่ย่านรังสิต แต่ผู้เสียหายเข้ามาหาเองเพราะต้องการดูดวง ดูเนื้อคู่ ทั้งนี้ภายหลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายกร ส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินคดีข้อหา ฉ้อโกงประชาชน สำหรับนายกร หรือที่รู้จัก ในชื่อ อาจารย์กู้ ในคดีเปรตกู้ โดยหลอกว่า มีเปรตที่ป่าคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี และมีการหลอกทำพิธีต่าง ๆ เช่น เสกดินเป็นทอง แต่งกายเลียนแบบสงฆ์แล้วทำท่าลอยไปบิณฑบาต เทวดาบนต้นไม้ ทำให้มีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก.

ตร.รวบแก๊งโจรกรรม รถ จยย.ทั่วกรุง

พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการจับกุม น.ส.สิทธิวรรณ หรือ วรรณ แย้มสำราญ อายุ 29 ปี นายพิธาน เรื่องสุนทร อายุ 40 ปี และเยาวชนอายุ 17 ปี อีก 2 ราย ผู้ต้องหาทำการก่อเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ ตามสถานที่ต่างๆ เขตกรุงเทพมหานคร พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน โครงรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการโจรกรรมจำนวนมาก สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.ย. ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้รับแจ้งข้อมูลว่า มีกลุ่มวัยรุ่นซึ่งมีลักษณะมั่วสุมเสพยาและมีพฤติกรรมเป็นแก๊งโจรกรรมรถย่าน มีนบุรี จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม จากการสอบถามผู้ต้องหา ทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุมานานร่วม 2 เดือน และก่อเหตุมาแล้ว 20 ครั้ง โดยการลงมือจะต่อสายตรงและขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี และทำการดัดแปลงเพื่อนำไปขาย สำหรับ นายพิธาน มีหมายจับของ สภ.ท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ข้อหาลักทรัพย์รถยนต์ในเคหะสถาน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สุนัขในอินโดนีเซียกินเจ้าของ





สุนัขในประเทศอินโดนีเซียถูกทิ้งให้หิวจัด จึงกินเจ้าของหลังจากเดินทางกลับจากไปเยี่ยมบ้านเกิด
สุนัข 7 ตัวถูกจับใส่ถุง เพราะต้องสงสัยว่าพวกมันอาจกินเจ้าของของมันเอง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เมื่อเพื่อนบ้านของนายอันเดร ลุมโบก้า ชายวัย 50 ปี แจ้งตำรวจให้ช่วยมาตรวจสอบภายในบ้านพักของนายอันเดร ในเมืองบาตัม จังหวัดบาตัม บนเกาะขนาดเล็กนอกชายฝั่งเกาะสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย
เพื่อนบ้านของชายผู้เคราะห์ร้าย กล่าวว่า นายอันเดรเดิน ทางกลับบ้านเกิดไป 2 สัปดาห์ และกลับมาเมื่อวันพุธที่แล้ว แต่สังเกตเห็นกระเป๋าวางอยู่หน้าบ้านมาหลายวัน และเริ่มมีกลิ่นเหม็นออกมาจากบ้าน จึงแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ
ทั้งนี้ ตำรวจพบกระโหลกศีรษะของชายเจ้าของบ้านอยู่ในครัว ขณะที่ร่างกายอยู่นอกบ้าน จึงสงสัยว่าสุนัขที่เขาเลี้ยงไว้ กัดเจ้าของ และกินด้วยความหิวโหย เพราะถูกทิ้งไว้นานถึง 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ตำรวจยังพบโครงกระดูกสุนัขอีก 2 โครง คาดว่าพวกมันอาจโดนกินไปก่อนหน้านี้

พบศพ ผอ.วิทยาลัยฯ ในร้านสปากลางเมืองโคราช



  เช้าตรู่วันนี้ (7 ก.ย.) มีผู้เสียชีวิตภายในร้านสปาและนวดแผนโบราณ ซอยถนนหน้าวัดหนองบัวรอง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงประสานชุดกู้ภัย เจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐานนครราชสีมา และแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ร่วมชันสูตรศพนายสมพร หิรัญมณีมาศ อายุ 53 ปี ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพบัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ตามร่างกายมีบาดแผลจากของมีคมไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง  คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง เบื้องต้นทราบว่านายสมพร กับหญิงเจ้าของร้าน อายุ 48 ปี รู้จักสนิทสนมกันกันมาหลายปี โดยไปมาหาสู่กันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เมื่อวานนี้ (6 ก.ย.) นายสมพรได้มาที่ร้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมขอยืมเงิน แต่ถูกปฏิเสธ ทั้งสองจึงมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จากนั้นนายสมพร เดินไปหยิบมีดปลายแหลม 2 เล่ม แทงตามร่างกาย ขณะที่หญิงเจ้าของร้านพยายามเข้าไปยื้อแย่ง แต่ไม่สำเร็จ ทำให้หญิงเจ้าของร้านคิดมากและกินยาก่อนหลับไปข้างนายสมพร ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่เก็บมีดปลายแหลม 2 เล่ม ไว้เป็นหลักฐาน

จับแก๊งกรอกเหล้าปลอมใส่ขวดจริงส่งขายผับ

  วันนี้ (7ก.ย.)  พ.ต.อ.ปรัชญา ประสานสุข ผกก.กก.4บก.ปอศ พ.ต.ท.ชิตภพ โตเหมือน รองผกก. พ.ต.ท.สรกฤช พันธ์ศรี สว.กก.4 พร้อมกำลังนำหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เลขที่ 774/2554 ลงวันที่ 7 ก.ย. เข้าค้นบ้านเลขที่61/15 ซอยเสนานิเวศน์2 ซอยย่อย207/1 แขวงจระเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ หลังสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีการผลิตสุราปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า
  จากการตรวจค้นที่เกิดเหตุ เป็นบ้าน 2 ชั้น เนื้อที่ 60 ตารางวา ภายในบ้านเจ้าหน้าที่พบกล่องกระดาษใส่สุราต่างประเทศยี่ห้อดังเรียงซ้อนกัน เป็นชั้น ๆ และพบขวดสุราต่างประเทศ 700 ขวด มูลค่าประมาณ 600,000 บาท นอกจากนี้ยังพบขวดสุราเปล่าอีก 250 ลัง อุปกรณ์ปลอมสุรา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายอเนก ง่วนฉ้าน อายุ 24 ปี นายพงษ์ศักดิ์ เถาว์มูล อายุ 28 ปีและนายปิยะพงษ์ วอนจ่า อายุ 26 ปี ซึ่งทั้งสามพักอาศัยภายในบ้านหลังดังกล่าวมีหน้าที่ปลอมแปลงสุราต่างประเทศ
  พ.ต.ท.สรกฤช เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่รับเรื่องการร้องเรียนจากลูกค้าที่มาเที่ยวสถานบริการว่า สุราต่างประเทศยี่ห้อดังที่สั่งจากทางร้านมีรสชาติผิดเพี้ยน ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบไปที่สถานบริการต่าง ๆ พบว่า มีคนกลางจะนำสุราต่างประเทศมาส่งโดยอ้างว่าเป็นสุราที่ปลอดภาษี มีราคาถูก เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนจนทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีการปลอมแปลงสุราต่างประเทศ จึงนำกำลังเข้าจับกุม
  สำหรับวิธีการปลอมแปลงนั้น ทางกลุ่มคนร้ายจะนำเข้าสุราต่างประเทศยี่ห้อหนึ่งจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีราคาถูก มาปลอมตราสินค้า โดยการผสมน้ำและใส่สีผสมอาหาร ก่อนนำมากรอกใส่ขวด แล้วนำฝายี่ห้อดังมาปิดไว้ ตบตาผู้บริโภคให้เข้าใจผิดว่าเป็นสุราต่างประเทศยี่ห้อดังราคาแพงที่ปลอด ภาษี ก่อนจะมีรถมารับของไปส่งตามสถานบริการ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พบว่ากลุ่มคนร้ายมีการทำเป็นขบวนการใหญ่
  เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า เพิ่งจะมาทำงานได้ไม่นาน โดยพักอาศัยในบ้านหลังดังกล่าว พวกตนมีหน้าที่กรองเหล้าให้กับเจ้านาย โดยไม่ทราบชื่อ ได้ค่าจ้างจำนวนหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาปลอมเครื่องหมายทางการค้า และมีเอาไว้ในความครอบครองสินค้าซึ่งปลอมผู้อื่น ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

เฟซบุ๊กเตรียมเปิดตัวให้บริการเพลง22กย.นี้


เฟซบุ๊ก เตรียมเปิดตัวบริการเพลงออนไลน์ตัวใหม่ ในการประชุมของบริษัท วันที่ 22 ก.ย. นี้ โดยเป็นการร่วมมือกับเว็บไซต์บริการเพลงอื่นๆโดยอาจจะร่วมกับ สปอติฟาย ดอทคอม เว็บไซต์ผู้ให้บริการเพลงสตรีมมิ่ง จากวีเดน
นิตยสาร ฟอร์บส์ อ้างข้อมูลจาก ซีเอ็นบีซี สื่อทีวีดาวเทียมของสหรัฐ เผยว่า เฟซบุ๊กวางแผนเปิดตัวบริการเพลงออนไลน์ตัวใหม่ ในงานประชุม เอฟ 8 ของบริษัท ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ แต่บริการตัวนี้ เฟซบุ๊ก ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการเพลงโดยตรง แต่จะจับมือกับผู้ผลิตรายอื่นอย่าง สปอติฟาย ดอทคอม เว็บไซต์ผู้ให้บริการ เพลงสตรีมมิ่ง(เล่นเพลงผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องดาว์โหลด) จากสวีเดน แหล่งข่าวของฟอร์บส์ ยืนยันว่า เมื่อบริการตัวใหม่นี้เปิดตัวออกมา ผู้ใช้บริการเฟซบุ๊ก จะเห็นไอคอน สัญลักษณ์ของเว็บไซต์ สปอติฟาย อยู่ทางฝั่งซ้าย ในส่วนของ แฟ๊บวอริทส์ บนหน้าเว็บไซต์เฟซบุ๊กอย่างไรก็ดี ยังไม่มีคำยืนยันในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการจากทั้งทาง สปอติฟาย และ ทางเฟซบุ๊ก ขณะที่ ตัวแทนของ สปอติฟาย อ้างว่า ไม่รู้เรื่องข้อตกลงในครั้งนี้เลยทั้งนี้ แหล่งข่าวของสำนักข่าวอื่นๆ แย้มว่าอาจมีเว็บไซต์บริการเพลงอื่นๆอย่าง MOG และ Rdio รวมอยู่ในข้อตกลงด้วย ขณะที่ค่ายอื่นๆอาจเข้าร่วมในภายหลัง

ขอบคุณตำรวจนนทบุรีที่สามารถติดตามจับกุม 2 คนร้ายยิงสามีเสียชีวิต





   วันนี้ (5 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นางแชมเปญ เดรอโม (MRS.csampanne dremeau) อายุ 41 ปี ภรรยานายเอริก เดรอโม (MR.dremeau eric) อายุ 50 ปี สัญชาติฝรั่งเศส วิศวกรการบินของบริษัท ยูโรคอปเตอร์ จำกัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ล่ามผู้แปลภาษา และทนายความส่วนตัว ได้เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี โดยเข้าพบ พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.อภิชาต เรือนทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.ฤทธิ์ ศิริเทพ สวญ.สภ.ต.คลองข่อย เพื่อกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรนนทบุรี ที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายจิม เวอร์ชูแรน และนายกมลภัทร หรือมาร์ค สุขขารมย์ สองคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายเอริก เดรอโม จนเสียชีวิต หลังมีปัญหาเรื่องการซื้อขายรถมอเตอร์ไซค์กัน ก่อนจะนำศพไปโยนทิ้งร่องสวนเพื่ออำพรางคดี โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
      
       โดยในวันนี้นางแชมเปญได้เดินทางมาในชุดดำไว้ทุกข์ พร้อมกับถือภาพถ่ายของนายเอริกแนบไว้ที่หน้าอกตลอดเวลาด้วยสีหน้าที่เศร้า หมอง โดยมีเจ้าหน้าที่สถานทูตฝรั่งเศสคอยช่วยปลอบโยน และขอบคุณแทนนางแชมเปญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถคลี่คลายคดีจับกุมคนร้ายได้ อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ครอบครัวนายเอริก ชาวฝรั่งเศสได้รับความเป็นธรรม ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองรายนั้น จะปล่อยให้ดำเนินการไปตามกระบวนกฎหมายของไทย โดยทางเจ้าหน้าที่สถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยจะติดตามคดีดังกล่าวอย่าง ใกล้ชิด จนกว่าคดีจะถูกศาลพิจารณาจนเสร็จสิ้นต่อไป
      
       ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข ผบช.ภ.จว.นนทบุรี ได้เชิญตัวนายจิม เวอร์ชูแรน อายุ 21 ปี สัญชาติไทย- เบลเยียม อยู่บ้านเลขที่ 14/38 ม.7 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ เนื่องจากผู้เสียชีวิตได้ติดต่อซื้อรถมอเตอร์ไซค์กับนายจิมก่อนหายตัวไป และมาพบเป็นศพถูกฆ่าเสียชีวิต
      
       จากการสอบสวนนายจิม ให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตของนายเอริค เดรอโม โดยยอมรับว่ารู้จักกับผู้ตายจริง และได้มีการติดต่อซื้อขายรถมอเตอร์ไซค์กันตามที่เป็นข่าว และต่อมาในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายมาร์ค ได้ที่ซอยลาดพร้าว 48 กทม. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยในคดีนี้และเป็นเพื่อนกับนายจิม โดยนายมาร์ค ให้การรับสารภาพก่อเหตุจริง

ป.ป.ส.ประมูลขายทรัพย์สินที่ยึดได้จากพ่อค้ายาเสพติด



      วันนี้ (4 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. นายณรงค์ รัตนานุกูล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานเปิดงานมหกรรมการขายทอดตลาดทรัพย์สินคดียาเสพติด ครั้งที่ 2 ที่บริเวณสำนักงาน ป.ป.ส. ถนนดินแดง แขวงสามเสนใน เขตพญาไท โดยมีทรัพย์สินจำนวนมากที่เปิดให้ทำการประมูล เช่น รถยนต์ จักรยานยนต์ ทองรูปพรรณ พระเครื่องจำนวนมาก รวมทั้งสิ้น 376 รายการ มูลค่ากว่า 48 ล้านบาท
      
       นายณรงค์กล่าวว่า ทรัพย์สินที่นำออกมาประมูลในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีและไม่เหมาะสมกับการเก็บรักษา ประกอบไปด้วยรถยนต์ จำนวน 69 คัน จักรยานยนต์ 43 คัน เจ็ตสกี 1 ลำ และรังนกนางแอ่น หนัก 1 กิโลกรัม รวมมูลค่า 22 ล้านบาท และทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประกอบด้วยทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณ เครื่องประดับ อัญมณีและวัตถุมงคล รวม 262 รายการ มูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้น ถ้าสิ่งไหนที่ไม่เหมาะสมที่จะนำไปใช้ประโยชน์ ก็จะนำออกมาขายทอดตลาด ขณะนี้ทรัพย์สินส่วนนี้มีมูลค่าถึง 1,100 ล้านบาทแล้ว โดยเงินที่ได้จากการประมูลทรัพย์สินเหล่านี้จะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหายาเสพ ติดต่อไป
      
       “มาตรการการขายทอดตลาดทรัพย์สินคดียาเสพติด ถือเป็นขั้นตอนหลักในกระบวนการยึดทรัพย์สิน เป็นมาตรการที่ใช้ในการตัดวงจรการค้ายาเสพติด และนำทรัพย์สินที่ได้จากการยึดทรัพย์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ สำหรับทรัพย์สินที่นำมาขายทอดตลาดในครั้งนี้มาจากคดีสำคัญ 2 คดี ได้แก่ คดีของนายณัฐวุฒิ ขารกิจเจริญ เป็นคดีตั้งแต่ปี 2539 ก่อนที่ศาลมีคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของกองทุนฯจำนวน 220 รายการ มูลค่าประมาณ 37 ล้านบาท และคดีนายจุมพลหรือทอง สังวรดี จำนวน 106 รายการ มูลค่า 10 ล้านบาท” นายณรงค์กล่าว
      
       สำหรับบรรยากาศในการประมูลเป็นไปอย่างคึกคัก ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยรายการประมูลแรก เป็นรังนกนางแอ่น น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ราคาเปิดประมูลเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ก่อนที่จะสู้ราคาประมูลกัน จนจบลงที่ราคา 52,000 บาท หลังจากนั้นก็เป็นการประมูลรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่ สีขาว ระบบไฮบริด เลขทะเบียน ฎว 4062 กรุงเทพฯ ราคาเริ่มต้นที่ 990,000 บาท ก่อนจะมีคนประมูลได้ที่ราคา 1,162,000 บาท จากนั้นจึงเริ่มเปิดให้มีการประมูลทองคำ อัญมณี และพระเครื่องต่อไป

ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.หาดใหญ่


 ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.หาดใหญ่ โชว์ผลงานจับกุมสองผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมของกลางยาไอซ์ 70 กรัม ยาบ้าอีก 100 เม็ด เผย หนึ่งในสองผู้ต้องหาเป็นพเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ หลังตำรวจติดตามจับกุมตัวมานาน เหตุผู้เสพรายย่อยหลายรายที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ให้การซัดทอดและกำลังอยู่ ระหว่างขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสงขลา สุดท้ายถูกจับได้ก่อนออกหมายจับ
เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 4 ก.ย.54 ที่ห้องงานชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.อ.จิระวัฒน์ พยุงธรรม ผกก.สภ.หาดใหญ่ พร้อมด้วย พ.ต.ท.กิตติชัย สังขถาวร รอง ผกก.ปป.สภ.หาดใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.หาดใหญ่ ได้นำตัวนายอับดลร่อศักดิ์ หรือบังบอ หวังยีเส็น อายุ 37 ปี และนายสุริยา หรืออ้วน เบ็ญสลามัน อายุ 36 ปี สองผู้ต้องหาต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 70 จี(70กรัม) ยาบ้าอีกจำนวน 100 เม็ด มูลค่ารวมกว่า 200,000 บาท หลังถูกจับกุมตัวได้เมื่อช่วงค่ำวันเดียวกันที่ผ่านมา ที่บ้านเลขที่ 16 หมู่บ้านฉัตรทอง ม.1 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่านายอับดลร่อศักดิ์ เป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัวมาดำเนินดคีอยู่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้เสพรายย่อยจำนวนหลายราย
จากการสอบสวนทางผู้เสพรายย่อยดังกล่าวได้ให้การซัดทอดว่าซื้อยาเสพติดจากนาย อับดลร่อศักดิ์ ทำให้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสงขลา แต่ยังไม่ทันได้ยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาล ทางเจ้าหน้าที่สามารถวางแผนจับกุมตัวได้เสียก่อน โดยจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้คำรับสารภาพว่าได้จำหน่ายยาเสพติดมานานเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว โดยซื้อยาไอซ์มาในราคาจีละ 2,500 บาท และจำหน่ายในราคาจีละ 3,000 บาท
พ.ต.อ.จิระวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้จากการจับกุมดังกล่าวเป็นนโยบายจากทาง พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบอย่าง จริงจัง เนื่องจากเป็นภัยสังคมที่ต้องปราบปรามและแก้ไขเร่งด่วน 





ตำรวจภูธรภาค 1 จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาบ้ารายใหญ่พร้อมยึดของกลาง แท่นปั้มยาบ้า และอุปกรณ์ผลิตยาบ้ารวม 33 รายการ

ของกลางจำนวน 33 รายการ ประกอบด้วยเครื่องแท่นปั้มยา 1 เครื่อง ยาบ้า 800 เม็ด ผงเคมียาบ้า น้ำยาสารตั้งต้น 3 ขวด เครื่อชั่ง ตู้อบไฟฟ้า ครกหิน ชาม กาละมัง พลาสติกขนาดเล็กสำหรับบรรจุยาบ้า รวมไปถึงรถยนต์และอุปกรณ์การผลิตยาบ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 1 และเจ้าหน้าที่ปปส.ภาค 1 ยึดได้ที่บ้านเลขที่ 27/8 อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี พร้อมกับ นายสมจริง เสยยงคะ หรือ จริง วัย 53 ปี ผู้ต้องหาชาวจังหวัดมหาสารคาม หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนพบความเคลื่อนไหวของเครือข่ายค้ายาบ้ารายใหญ่ที่เคลื่อนย้ายแหล่งผลิตยาบ้าเข้ามาอยู่ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี

จากการสอบสวนนายสมจริง ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นลูกน้องของกำนันและเครือข่ายผู้ค้ายาบ้ารายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดราชบุรีและนครปฐม ซึ่งเป็นนายทุนให้เงินสนับสนุนการผลิตยาบ้า โดยเช่าบ้านดังกล่าว ปั้มยาบ้าจำหน่ายให้กับลูกค้า โดยมีหน้าที่ผสมสารตั้งต้นปั้มยาบ้า บรรจุใส่ถุงพลาสติก เพื่อลำเลียงส่งให้กับพ่อค้าและลูกค้ารายใหญ่ในเขตพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคใต้ นานกว่า 2 เดือนเศษ

จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลนำหมายค้นศาลจังหวัดราชบุรีและ ศาลจังหวัดนครปฐมเข้าตรวจค้นเป้าหมายตามที่นายสมจริงให้การถึง 4 จุด คือ 1.บ้านพักของนายฐานุพงษ์ ตำบลพิกุลทอง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี แต่ไม่พบตัว 2. ตรวจค้นเต็นท์รถที่ตำบลโคกหม้อ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ยึดและอายัดตู้เซฟขนาดใหญ่ 1 ตู้ น้ำยาเร่งปฏิกิริยาแช่ในตู้เย็น 4 ขวดเล็ก และรถยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ อีก 31 คัน 3.ตรวจค้นฟาร์มวัว ตำบลดอนตาย อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี อายัดทรัพย์สินเป็นวัวเนื้อและวัวนม 98 ตัว 4.ตรวจค้นบ้านพักกำนันตำบลถนนขาด อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ไม่พบตัวตัว ทั้งนี้ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินไว้ทั้งหมดมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ยังไม่รวมบัญชีเงินสด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันผลิตยาบ้าและมีไว้ซึ่งยาเสพติด ให้โทษประเภทหนึ่งในครอบครองเพื่อจำหน่าย สำหรับนายฐานุพงษ์และกำนันเกรียงไกร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายศาลจังหวัดนครปฐมและจังหวัดนนทบุรี เพื่อเร่งติดตามนำตัวมาดำเนินคดีและขยายผลเครือข่ายผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมไปถึงติดตามยึดทรัพย์สินของขบวนการเครือข่ายนี้ต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

โคราชแจกแท็บเล็ต 120 เครื่อง นำร่อง 6 ร.ร. สนองนโยบายรัฐ




 วันที่  2 ก.ย. ที่ จ.นครราชสีมา นายสุรวุฒิเชิดชัย นายกเทศบาลนคร นครราชสีมา กล่าวภายหลังเสร็จภารกิจการการเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมการพัฒนาทางวิชาการ กลุ่มการศึกษาท้องถิ่นที่11 “การจัดการเรียนรู้ที่เน้นทักษะกระบวนการคิด ” โดยมีบุคลากรของสถานศึกษาที่สังกัดสำนักงานเทศบาลในเขตนครชัยบุรินทร์ (นครราชสีมา-ชัยภูมิ-บุรีรัมย์-สุรินทร์ ) จำนวน 150 คน เข้าร่วมกิจกรรม ว่าคณะผู้บริหารเทศบาลนคร ฯ ได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อสนองนโยบายการศึกษาของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยี แท็บเล็ตมาประยุกต์ใช้ในการเรียน การสอน โดยจะเริ่มแจกแท็บเล็ต จำนวน 120เครื่อง ให้กับโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครนคร ฯ ทั้งหมด 6 แห่ง ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2554  การแจกแท็บเล็ตนั้นไม่ได้แจกให้กับเด็กนักเรียนโดยตรง เพื่อป้องกันเด็กนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยจะแจกให้กับโรงเรียนๆ ละ 20 เครื่อง เพื่อให้บุคลากรตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงระดับครูผู้สอน และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างแทปเล็ต ก่อนที่จะนำไปสอนให้กับนักเรียนต่อไป
  คณะผู้บริหาร เล็งเห็น ประโยชน์ของแท็บเล็ต เสมือนห้องคอมพิวเตอร์ที่เด็ก ๆ อาจจะเริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาลขึ้นไปจะต้องเรียนรู้และต้องศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่นี้เพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำในยุคปัจจุบันนี้และในอนาคตเราอาจจะได้สอนเด็กนักเรียนระดับชั้นอนุบาลเขียน ก.ไก่บนแท็บเล็ตนี้เลยก็ได้หรือระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สามารถคิดคำนวณสูตรเคมี และเขียนสูตรเคมีบนแท็บเล็ตนี้ได้ แต่จะต้องมีการพัฒนาซอฟแวร์หรือโปรแกรมก่อน นอกจากนี้ครูผู้สอนยังสามารถดาวน์โหลดหนังสือหรือใช้แท็บเล็ตเป็นสื่อการเรียนการสอนอีกทางหนึ่งที่จะให้เด็กนักเรียนสามารถเรียนรู้และศึกษาเนื้อหาความรู้ในรายวิชาต่างๆ







ปิดทองทะเบียนรถถูกจับปรับ

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจจราจรท้องที่แถวฝั่งธนฯ  เช่น เชิงสะพานพระราม 7 บริเวณก่อนถึงหน้าวัดวิมุตยาราม ซอยจรัญสนิทวงศ์  96/3 ได้ทำการตรวจรถยนต์ส่วนบุคคล และ รถแท็กซี่ ที่ติดทองที่แผ่นป้ายทะเบียนและปิดทองทับหมายเลขทะเบียน

คนขับแท็กซี่รายหนึ่งได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ถูกตำรวจได้เรียกรถให้หยุด และขอดูใบขับขี่ พร้อมกับแจ้งเตือน ว่า ที่เรียกเพราะแท็กซี่ของตนป้ายทะเบียนรถปิดทอง ขอให้ไปลบออก เนื่องจากผิดกฎหมายทำให้มองเลขทะเบียนไม่ชัด โดยเจ้าหน้าที่ได้บันทึกเลขทะเบียนไว้ หากพบอีกครั้งจะมีโทษปรับ 300 บาท

คนขับแท็กซี่รายนี้ยังกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังให้เหตุผลอีกว่า เพื่อเป็นการช่วยกันป้องกันอาชญากรรมในช่วงกลางคืน เพราะกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แล้วไม่สามารถระบุเลขทะเบียนรถได้ชัดเจน อีกทั้งเพื่อเป็นการป้องกันการโจรกรรมรถได้อีกทาง  เพราะบางคันปิดจนมองไม่ออกว่าเป็นเลขอะไร  ซึ่งตนเองก็เข้าใจและก็รับได้แต่ก็ต้องขอไปหา(หลวงพ่อ)ก่อน พระที่ทำพิธีปิดทองเลขทะเบียน ก็เพื่อเป็นสิริมงคลกับการขับขี่รถ เพราะถ้าไปลบเองก็ไม่กล้า ไม่ลบก็ไม่ได้ก็ผิดกฎหมายอีก  แต่ตำรวจก็ไม่ได้บอกว่าจะเริ่มจับ-ปรับเมื่อใด
นายเทียนโชติ จงพีร์เพียร  อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การดัดแปลงป้ายทะเบียนรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ถือว่าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการดัดแปลง จนทำให้ตัวเลขหรือตัวอักษร ผิดแปลกไปจากกเดิม เช่น การติดทอง การติดสติ๊กเกอร์ การพ่นสีทับตัวเลข เนื่องจากจะทำให้ผู้พบเห็นสับสนตัวเลข หากรถยนต์ หรือจักรยานยนต์ กระทำผิดกฎหมาย จะทำให้ไม่สามารถติดตามผู้กระทำผิดได้ ส่วนการติดสติ๊กเกอร์รูปต่าง ๆ บนพื้นที่ขาว ในป้าย ก็ต้องดูว่าเจตนา ติดเพื่ออะไร ถ้าติดจนให้คนอื่นสับสนตัวเลข ก็ถือว่าผิดกฎหมายเช่นกัน แต่ถ้าติดเพื่อความสวยงาม ก็พอได้ ซึ่งหากกรมฯ ตรวจพบว่าดัดแปลงตัวเลข เมื่อนำรถยนต์มาตรวจสภาพ จะให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ถูกต้องทันที.

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

พลันที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทยออกมาแฉเรื่องบ่อนกลางกรุง กลางที่ประชุมรัฐสภาในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เล่นเอาวงการสีกากีป่วนกันอย่างถ้วนหน้า เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า แม้ของแบบนี้จะมีอยู่คู่กับกรุงเทพมหานครมาตั้งยุคไหน ตามนิสัยรักการพนันของคนไทย แต่ที่ผ่านมา ปัญหาก็ถูกซุกอยู่ใต้พรมมาโดยตลอด ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาพูด เพราะนอกจากจะมีอิทธิพลมืดหนุนหลังแล้ว ทำให้ใครหน้าไหน ก็ไม่สามารถกระชากความเสื่อมโทรมนี้ให้ออกจากสังคมไทยไปได้ ดีไม่ดีอาจเจอพิษไข้โป้งจ่อสมองเอาง่ายๆ
    
       เพราะ ‘เศรษฐกิจการพนัน’ ที่อยู่โลกมืดถูกผันให้เป็นเม็ดเงินใต้ดินนั้น เป็นท่อน้ำเลี้ยงที่สำคัญในวงการสีกากีมาตลอดทุกยุคสมัย จึงไม่เรื่องแปลกเลยว่า ทำไมที่ผ่านมา ภาพที่เห็นจึงไม่พ้น ออกข่าวทีหนึ่งก็ไปปิดทีหนึ่ง อย่างที่ครั้งหนึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เคยตื่นตูมในการจับตู้ม้าก่อนที่กระแสจะหายไป เพราะไม่ค่อยได้ความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องเท่าใดนัก
       เพราะฉะนั้นการแฉครั้งนี้ (ไม่ว่าจะมีวาระซ่อนเร้นหรือเปล่า) จึงถือเป็นการตบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจแบบเห็นๆ และยังนับฤกษ์ดีที่เรื่องที่ถูกซุกซ่อนไว้ตลอด อย่างเรื่องบ่อนจะถูกนำมาพูดคุยบนเวทีของสังคมไทยแบบจริงๆ เสียที
    
       บ่อนแบบไทย สนุกได้แบบวาไรตี้
       แต่อย่างว่า เพื่อให้ภาพแบบชัดๆ ของรูปแบบบ่อนการพนันกับสังคมไทยว่า มันช่างเชื่อมโยงกันมานานแสนนาน คงจะต้องอธิบายภาพกันแบบละเอียดเสียก่อนว่า แท้ที่จริงแล้วในประเทศไทย เขามีวิธีการและรูปแบบที่แตกต่างกันเช่นใดบ้าง และจากพูดคุยกับ ศักดา (นามสมมติ) นักพนันมือสมัครเล่นคนหนึ่งก็ได้รับคำอธิบายว่า
    
       “บ่อนแบบแรกๆ ที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กเป็นพวกบ่อนไพ่ขนาดเล็กที่มีแต่การเล่นไพ่อย่างเดียว เล่นตั้งแต่ไพ่ป๊อก, รัมมี่, เก้าเก และอีกหลายแบบ ส่วนใหญ่เป็นนักพนันมือสมัครเล่น เสียมากสุดแค่หลักพัน พอโตขึ้นมาก็มีโอกาสไปบ่อนใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ แบบถาวรเลย เขาว่ามีเป็นสิบบ่อนเลย”
    
       เพราะฉะนั้น จึงกล่าวได้ง่ายๆ ว่า ลักษณะของบ่อนในสังคมจึงแบ่งได้ออกเป็น 2 รูปแบบชัดเจน คือบ่อนขนาดเล็กหรือขนาดย่อม ซึ่งเรียกง่ายๆ ว่า ‘บ่อนชาวบ้าน’ กับบ่อนที่ทำเป็นธุรกิจจริงๆ ซึ่งเป็นบ่อนขนาดใหญ่แบบ ‘บ่อนกาสิโน’ โดยแต่ละชนิดยังสามารถแบ่งออกเป็นย่อยๆ ลงไปได้อีก
    
       - บ่อนชาวบ้าน บ่อนแบบนี้ถือเป็นบ่อนที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุด เพราะทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องอาศัยทุนทรัพย์มากมาย โดยขนาดนั้นก็คืออยู่กับว่ามีสมาชิก และเพื่อนร่วมทีมมากแค่ไหน ตัวอย่างที่เห็นชัด ก็เช่น
    
       1. 'บ่อนในครอบครัว' ซึ่งคนเล่นส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคนบ้านใกล้เรียงเคียงนี่แหละ โดยอาจจะตั้งวงไพ่ในบ้านของสมาชิกคนใดคนหนึ่ง หรือแม้แต่งานศพ (อ้างว่าหากิจกรรมทำยามต้องเฝ้าศพ) โดยถือหลักว่า ทำยังไงก็ได้ให้ไกลหูไกลตาตำรวจมากที่สุด (เพราะส่วนใหญ่บ่อนพวกนี้ไม่มีอิทธิพลหนุนหลัง) และที่สำคัญต้องมีคนคอยดูต้นทาง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นลูกๆ หลานๆ นี่แหละ และเมื่อได้รับการส่งสัญญาณว่า มีตำรวจมา บรรดาผีพนันทั้งหลายก็ต้องรีบซุกซ่อนอุปกรณ์ให้ดี แต่ถ้าไม่ทันก็เหมือนก็จงทำตัวให้เหมือนในละครเปี๊ยบๆ เลย นั่นคือ โกยเถอะโยม!
    
       2. 'บ่อนสัตว์' นับว่าภูมิปัญญาในการหาความสนุกของชาวบ้านไทยโดยแท้ ที่จะนับบรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อยมาแข่งขันประลองฝีมือกัน ที่คุ้นๆ เช่น ชนไก่ กัดปลา แข่งวัว ชนวัว ซึ่งบ่อนพวกนี้มักจะมีกฎหมายรองรับ พูดง่ายๆ คือทำได้ถ้าขออนุญาตถูกต้อง แต่ทั้งนี้มีอีกไม่น้อยที่ไม่ยอมขออนุญาต หรือนำสัตว์อื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือกฎหมายเช่นสุนัข เป็นต้น
    
       - บ่อนใหญ่ที่ทำธุรกิจบ่อนแบบจริงจัง เรื่องนี้ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จของการพนันก็ไม่ผิด เพราะเมื่อมีเรื่องเงินๆ ทองๆ มาเกี่ยวข้อง กำไรรายได้ก็เป็นสิ่งที่ผู้คนแสวงหา ที่สำคัญต้องยอมรับว่านี่คือผลพวงของช่องว่างที่ธุรกิจมืดนี้ยังเป็นเรื่อง ผิดกฎหมายอยู่ ก็เลยทำให้มีบ่อนแบบนี้เกิดขึ้นเต็มไปหมด แถมมีหลายรูปแบบ เช่น 1. 'บ่อนวิ่ง' เป็นบ่อนที่มีอยู่มากทั้งตามงานวัด หรือบางที่เป็นการเช่าพื้นที่ตามแหล่งชุมชนเพื่อเปิดเป็นบ่อนแบบง่ายๆ ไปจนถึง การเล่น ไฮโล กำถั่ว โดยจะมีชิงช้า ม้าหมุน ปาลูกโป่งเป็นเซ็ตที่แถมมาด้วย ดังนั้นนักพนันหน้าใหม่จึงเกิดขึ้นมากกับบ่อนลักษณะนี้ ด้วยเกมการเล่นเร้าใจ ได้เงินง่าย บ่อนวิ่งยังรวมไปถึงการที่มีเจ้ามือไปเปิดโต๊ะตามแหล่งต่างๆ เป็นการชั่วคราวโดยไม่มีมหรสพเข้ามาร่วมด้วยก็มี เช่น มีโต๊ะไฮโลโต๊ะเดียวมาเปิดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะหมุนไปลงพื้นที่อื่นๆบ้าง
    
       2. 'บ่อนกาสิโน' มีลักษณะเป็นหลักเป็นแหล่งถาวร แต่อาจถูกทุบทำลายได้หากเปิดไปสักระยะหนึ่ง ส่วนใหญ่ ประมาณ 2-3 ปี ก็จะเปลี่ยนสถานที่ใหม่ เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากตำรวจนอกพื้นที่ จะมีขนาดตั้งแต่โต๊ะเดียว ตู้ม้าสองสามเครื่องหลังร้านขายของชำ ไปจนถึงเป็นร้อยโต๊ะ หลากหลายประเภทพนันรวมอยู่ด้วยกัน ทั้งไพ่ป๊อก8 - 9 บาคาร่า กำถั่ว ไฮโล ตู้ม้า สล็อตแมทชีน รูเล็ตต์ แบล็กแจ็ก ฯลฯ โดยบ่อนลักษณะนี้จะมีเงินสะพัดมากที่สุด และมีการเปิดเป็นสาขาย่อยตามพื้นที่ต่างๆ อย่างกว้างขว้างอีกด้วย โดยส่วนใหญ่บ่อนกาสิโนจะมีเจ้าของเงินทุนเป็นคนเดียว แต่มีเส้นสายที่ใหญ่มาก ปัจจุบันยังมีอ็อปชั่นเสริมโดยการเปิดให้เล่นออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ตจาก กาสิโนอีกด้วย
    
       3. 'บ่อนลอยฟ้า' เป็นการเรียกตามลักษณะการเล่นบนที่สูง เพราะบ่อนลอยฟ้าจะเล่นกันบนคอนโดมิเนียม อาจจะเป็นบ่อนขนาดเล็กๆ มีโต๊ะพนันไม่กี่โต๊ะไปจนถึง บ่อนขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องเล่นแบบเดียวกับกาสิโน บางแห่งก็เป็นของไฮซ้อไฮโซ บางแห่งก็เป็นบ่อนแขนงของกาสิโนใหญ่อีกที
    
       ตั้งบ่อนยังไงให้รอดตัว
       เห็นรูปแบบและสไตล์ของบ่อนในเมืองไทยกันแบบชัดๆ ไปแล้ว คราวนี้ก็มีถึงกลวิธีในการตั้งบ่อนกันบ้าง โดยเฉพาะบ่อนธุรกิจ เพราะอย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า ตอนนี้ถึงของแบบนี้ยังถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ดังนั้นกว่าที่จะเป็นบ่อนจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากเย็นและต้องมีตัวช่วยเต็ม ไปหมด โดยสิ่งที่จำเป็นสุดที่ต้องเจ้าของต้องมีก็คือ
    
       1. เงิน นี่แหละคือพื้นฐานสำคัญของผู้ที่คิดการใหญ่จะเป็นเจ้าพ่อ หากไร้เงินมีหรือใครจะไปกลัว เพราะฉะนั้น เงินจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญสุดๆ เพราะไหนจะมีไว้จ่ายให้บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว ยังต้องมีค่าบริหารภายในอีกต่างหาก ที่สำคัญก็ธุรกิจนี้ เขาเรียกกันว่าเป็น ธุรกิจเงินหมุน ดังนั้นจึงต้องมีเงินสำรองเตรียมไว้ให้พร้อม เผื่อช่วงที่เจ้าเสียจะได้มีเงินสำรองจ่ายลูกค้าได้ครบ จะได้ไม่เสียหน้า หรือเสียเครดิตได้
    
       2. สถานที่ เมื่อมีเงินก็ต้องมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เพื่อให้ผู้คนเขาจะมาแวะเวียนกันถูก โดยว่ากันว่าบ่อนส่วนใหญ่นั้นมักจะผุดขึ้นตามที่อโคจรต่างๆ ที่มีคนพลุกพล่านทั้งใกล้ๆ สถานเริงรมย์ ไปจนถึงพื้นที่ใกล้ๆ ตลาดสด หรือเอาง่ายๆ หาพื้นที่ติดกับถนนใหญ่ไปเลย เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางของลูกค้า ซึ่งความกว้างใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับปริมาณงบค่าเช่าในมือ ร่วมไปถึงความเหมาะสมของปริมาณลูกค้าที่จะเข้ามารับบริการด้วย
    
       3. เส้นสาย ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ เพราะธุรกิจแบบนี้มันช่างสุ่มเสี่ยงกฎหมายซะจริงๆ ดังนั้นหากไม่มีแบ็กคอยหนุนหลัง รับรองว่าจะต้องถูกบรรดาขาโจ๋แห่งโรงพักกวาดล้างเอาผลงานเป็นแน่นอน ดังนั้นการเจริญสัมพันธไมตรีก่อนถือว่าไม่ผิด และยิ่งมีคนหนุนหลังช่วยเหลือตำแหน่งสูงเท่าใด ก็ยิ่งเป็นหลักประกันได้ว่า งานนี้ไม่มีวันตายอย่างแน่นอน
    
       4. อุปกรณ์ ความหลากหลายในการเล่นนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งหากจะเปิดเป็นบ่อยใหญ่ด้วยแล้ว จะให้มาตีดัมมี่อย่างเดียว ก็คงกะไรอยู่ ดังนั้นเพื่อความเป็นสากลของบ่อนไทย ทุกวันนี้หลายแห่งจึงเริ่มนำเข้าอุปกรณ์มากหน้าหลายตามาบรรณาการผู้เล่นกัน อย่างสุดฤทธิ์ ทั้งโต๊ะไฮโล โต๊ะไพ่ รูเล็ตต์ สล็อตแมชชิน ตู้ม้า ฯลฯ แต่สิ่งหนึ่งสำคัญและขาดไม่ได้สุดๆ ก็คือ กล้องวงจรปิด เพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า คนที่เข้าในบ่อนนั้นเสือ สิงห์ กระทิง แรดขนาดไหน เพราะฉะนั้นถ้าไม่จับตาดูให้ดี มีสิทธิ์ถูกโกงเอาได้ง่าย
    
       5. บุคลากร แม้บ่อนไทยจะเกลียดคนโกงเป็นที่สุด แต่เรื่องนี้มีข้อยกเว้นสำหรับตัวเจ้ามือเอง เพราะถ้าไม่ทำจะรวยได้เหรอ เพราะฉะนั้นทางบ่อนจะมีการฝึกคนเป็นพิเศษในการทำหน้าที่ต่างๆ เพื่อให้สามารถโกยเงินเข้ากระเป๋าเจ้าของกิจการให้ได้มากที่สุด