วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง “ไอ้บอล” พร้อมพวกรวม 6 คน คดีร่วมกันปล้นฆ่า “เอกยุทธ” ใน 8 ข้อหาฉกรรจ์ พร้อมคัดค้านประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เกรงจำเลยหลบหนี ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยวันนี้

วานนี้ (4 ก.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา แถลงความคืบหน้า คดีนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล ผู้ต้องหาร่วมกันอุ้มฆ่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดังว่า อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคนตามความเห็นของพนักงานสอบสวน โดยสั่งฟ้องนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล , นายสุทธิพงษ์ พิมพิสาร หรือเบิ้ม , นายชวลิต วุ่นชุม หรือเชาว์ และนายทิวากร เกื้อทอง หรือทิว ผู้ต้องหาที่ 1-4 ฐานทำความผิดใน 8 ข้อหา โดยอัยการโจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 6-9 มิ.ย.2556 จำเลยที่ 1-4 ซึ่งมีอาวุธปืนออโตเมติก ขนาด .38 ยี่ห้อวอเตอร์ สมิธ แอนด์ เวสสัน และมีดไปบริเวณ ซ.ทาว์อินทาวน์ 21 ถ.ศรีวรา แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. แล้วร่วมกันปล้นทรัพย์จากนายเอกยุทธ อัญชันบุตร อายุ 59 ปี อดีตนักธุรกิจ ด้านการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ ผู้ตาย โดยลักเอาทรัพย์สินรวม 9 รายการ อาทิ เงินสด นาฬิกา สร้อยทองคำ พร้อมพระเลี่ยมทอง แหวนโทรศัพท์มือ และอื่นๆ รวมมูลค่า 6.6 ล้านบาท และจำเลยยังร่วมกันใช้อาวุธจี้บังคับ ข่มขู่ผู้ตาย จนเกิดความกลัว แล้วจำเลยใส่กุญแจมือ พาขึ้นรถยนต์ตู้ ทะเบียน ฮพ 9340 กรุงเทพ ตระเวนไปที่บ้านพักผู้ตาย 2 แห่งย่านทาวน์อินทาวน์ และย่านลาดกระบัง ยังทำกล้องวงจรปิดเสียหาย ก่อนที่พวกจำเลยจะบังคับผู้ตายออกเช็คเบิกเงินสด จำนวน 5 ล้านบาท ไปโดยทุจริต จากนั้นใช้กำลังกอดรัดผู้ตาย ด้วยการใช้ท่อนแขน บีบกดบริเวณลำคออย่างรุนแรง และอุดปากและจมูก ก่อนใช้เชือกรองเท้ารัดคอผู้ตายจนขาดอากาศหายใจ การกระทำของจำเลยที่ 1-4 มีเจตนาเพื่อฆ่าผู้ตาย โดยวางแผนไตร่ตรองไว้ก่อน และให้เพื่อสะดวกแก่การปล้นทรัพย์ หลังก่อเหตุ พวกจำเลยได้ร่วมกันนำศพผู้ตายไปฝังที่คันดิน ไร่นาสวนผสมทิ้งร้าง ที่ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย ส่วนจำเลยที่ 5-6 ซึ่งเป็นบิดา มารดา จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกันลักของโจร เป็นเงินสดจำนวน 4,242,000 บาท ของผู้ตายที่ถูกปล้นไป กระทั่งวันที่ 12 มิ.ย.2556 เจ้าพนักงานได้จับกุมจำเลยที่ 1,3และ 4 ได้ ส่วนจำเลยที่ 5- 6 เข้าพบพนักงานสอบสวน โดยได้ทรัพย์สินของผู้ตายคืนมาได้จำนวน 4,658,030 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 จับกุมได้เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2556 ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1-2 รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนจำเลยที่ 3 สารภาพเฉพาะ ข้อหาเคลื่อนย้ายศพ และร่วมกันมีอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต สำหรับจำเลยที่ 4 สารภาพเฉพาะข้อหาเคลื่อนย้ายศพ โดยจำเลยที่ 5,6 ให้การปฏิเสธ ข้อหารับของโจร ท้ายฟ้องอัยการโจทก์ ขอคัดค้าฯการประกันจำเลยที่ 1-4 เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี และขอให้ศาลมีคำสั่งริบของกลาง อาทิ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ,เชือกผูกรองเท้า จอบขุดดิน 2 เล่ม และให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันคืนหรือใช้ทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 6 รายการเป็นเงิน 1,941,970 บาท แก่ทายาทของผู้ตายด้วย ทั้งนี้ ศาลได้ประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ. 3307/2556 และนัดสอบคำให้การจำเลยวันที่ 5 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.