วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555


วันนี้ ( 22 เม.ย.) นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.รณพงษ์  ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช   นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์  พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส. นำกำลังคอมมานโดจากชุดปฏิบัติการพิเศษกรมราชทัณฑ์  70 นาย หน่วยปฏิบัติการพิเศษจาก บช.ภ.8 และ บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ตชด.42  รวมทั้งกำลังฝ่ายปกครอง   เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และทหารจากกองทัพภาคที่ 4 รวม  560   นาย  ร่วมปฏิบัติการบุกจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่  4, 5 และ 6 โดยมีนายณรงค์ ยงค์ณรงค์เดชกุล ผบ.เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช  คอยอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่

ต่อมา พล.ต.ต.รณพงษ์  ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันเข้าปฏิบัติการในแดนผู้ต้องหาขัง เป้าหมายหลัก  3 แดน  4, 5 และแดน 6 ท่ามกลางความโกลาหลอลหม่าน เนื่องจากนักโทษต่างพยายามหาที่ซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมายแต่ก็ไม่เป็นผล โดยเจ้าหน้าที่ทุกคนได้สวมถุงมือเพื่อป้องกันลายนิ้วมือแฝงระหว่างตรวจค้น เนื่องจากต้องนำสิ่งผิดกฎหมายทุกชิ้นที่ตรวจยึดได้ไปเข้าสู่กระบวนการตรวจ สอบทางนิติวิทยาศาสตร์ และเป็นที่น่าตกตะลึง เมื่อพบว่าเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือได้รวม 284 เครื่อง โดยเฉพาะแดน 6 มีจำนวนมากถึง 110 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์เสริมอีกหลายร้อยชุด ที่น่าสังเกตคือมีโทรศัพท์ไอโฟนและไอแพดรวมอยู่เกือบ 20 เครื่อง    ยาบ้า 1,700 เม็ด  ยาไอซ์ครึ่งกิโลกรัม  อุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวนมาก  เงินสดอีก 47,000 บาท   อุปกรณ์การเล่นการพนัน และสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ อีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องนำสิ่งของผิดกฎหมายที่ยึดได้ทยอยใส่รถเข็น ออกมาใส่รถเข็นขนาดใหญ่ 1 คัน เพื่อนำกลับมาตรวจสอบที่ห้องประชุม บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช   โดยปฏิบัติการบุกจู่โจมตรวจค้นเรือนจำครั้งนี้ สามารถยึดของกลางโทรศัพท์มือถือและสิ่งผิดกฎหมายได้มากที่สุดเป็น ประวัติการณ์

หลังจากนั้น ในเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.สันติ  เพ็ญสูตร  ผบช.ภ.8  ได้เดินทางมาร่วมแถลงข่าวผลปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้น ระบุว่าต้องขอชมเชยการทำงานของ พล.ต.ต.รณพงษ์  ที่ต้องการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม เพราะมีข้อมูลว่าขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้ส่วนใหญ่ มีต้นตอมาจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเก็บรวบรวมข้อมูลอยู่นานหลายเดือน  พร้อมขอกำลังตำรวจฝีมือดีจากทั่วประเทศมาร่วมปฏิบัติงาน และได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บังคับบัญชาทั้งในกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กรมราชทัณฑ์และรัฐบาล  จนสามารถดีเดย์นำกำลังจู่โจมตรวจค้นยึดสิ่งของผิดกฎหมายได้มากที่สุด เท่าที่เคยมีการตรวจค้นตรวจยึดสิ่งผิดกฎหมายจากเรือนจำทั่วประเทศ

ด้าน พล.ต.ต.รณพงษ์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ได้รับเบาะแสว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปใน เรือนจำ โดยรับเงินสินบนเครื่องละ 30,000 บาท ตนจึงได้เข้าไปหารือกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้ย้ายเจ้าหน้าที่ที่ไว้ใจได้ มาประจำที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เพื่อเก็บข้อมูลรายงานการสืบสวนเชิงลึกมากว่า 1 เดือน กระทั่งสามารถนำกำลังเข้าปฏิบัติการจู่โจมกวาดล้างเรือนจำ และยึดของกลางได้จำนวนมากดังกล่าว หลังจากนี้ ต้องระดมพนักงานสอบสวนจากทั่ว บช.ภ.8 มาช่วยทำคดีนี้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่วิทยาการจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน เพราะมีผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในข่ายร่วมกระทำความผิดนับ 100 คน โดยมีเจ้าหน้าที่เรือนจำร่วมอยู่ด้วยหลาย 10 คน  คาดว่าจะนำไปสู่การดีเดย์ตรวจค้น จับกุมและตามยึดทรัพย์ของเครือข่ายยานรกได้นับ 1,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

นายโสภณ  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า  ตนต้องขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ทุกนาย   ที่ทุ่มเท เสียสละทุกวิถีทางในการทำงานเพื่อดีเดย์ตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช  จนสามารถตรวจยึดสิ่งของผิดกฎหมายได้มากที่สุดเท่าที่มีการตรวจค้นเรือนจำ ทั่วประเทศ  เชื่อว่าหลังจากนี้ไป จะสามารถขยายผลไปสู่การตรวจค้น จับกุมเครือข่ายยาเสพติดที่เกี่ยวข้องไอ้อย่างกว้างขวางแน่นอน หลังจากนี้ จะนำเรื่องไปกราบเรียนกับ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อใช้ปฏิบัติการของตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เป็นโมเดลในการดำเนินการกับเรือนจำทั่วประเทศ นอกจากนี้ จะกราบเรียนให้อธิบดีพิจารณาหาคนที่มีเกียรติประวัติ มีคุณภาพลงมาเป็นผู้บัญชาการเรือนจำนครศรีธรรมราช แทนนายณรงค์ที่อยู่ระหว่างการสับเปลี่ยนโยกย้าย

ส่วนนายวิโรจน์ ผู้ว่าฯ กล่าวว่า นอกจากตัวผู้บัญชาการเรือนจำกลบางนครศรีธรรมราชแล้ว ทางกรมราชทัณฑ์จะต้องพิจารณาโยกย้ายเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ระดับล่าง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำด้วย เพราะหากย้ายเฉพาะผู้บัญชาการเรือนจำคนเดียว ตนมองว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง

ขณะที่นายณรงค์ ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า ที่ผ่านมาได้พยายามทุกรูปแบบทุกวิธีการแล้ว แต่ยอมรับว่าแพ้อำนาจเงินอย่างเดียวเท่านั้นเอง.