วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สรยุทธ สุทัศนะจินดา นักข่าว(ทีวีช่อง 3)ไม่จำเป็นต้องมีคุณธรรมทุกเรื่อง เงินทองผลประโยชน์มีโอกาสก็ต้องโกง เพราะ กฎหมายป.วิอาญา ระบุว่า ศาลยังไม่มีคำพิพากษาให้มีความผิด ถือว่า ตนยังบริสุทธิ์ พฤติกรรมแบบนี้สังคมไทยจะนำไปเป็นต้นแบบว่า คนเก่ง แต่โกงก็ไม่เป็นไร สังคมตกต่ำชั่งมัน

     นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด พนักงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้ให้ปากคำต่อ ป.ป.ช.กรณีร่วมกันทุจริตเงินค่าโฆษณาส่วนเกิน 138 ล้านบาทว่านายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม จำกัดรู้เรื่องดีและเป็นผู้ขอให้ช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม จำกัด 
 คำให้การ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับตน(นางพิชชาภา) โดยตรง โดยใช้โทรศัพท์ของเลขานุการส่วนตัวของนายสรยุทธ ชื่อเล่นว่าคุณแก้ว โดยขอให้ช่วยเหลือไม่ต้องแจ้งโฆษณาส่วนเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัดให้กับทางอสมท และเพื่อเรียกเก็บเงินค่าโฆษณาส่วนเกินดังกล่าวจากบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธรับปากกับตนว่าจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับตนในจำนวนร้อยละ 2 ของค่าโฆษณาเกินเวลาที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ไม่ต้องชำระให้กับ อสมท  
          เมื่อตนดำเนินการช่วยเหลือตามที่นายสรยุทธและเลขาฯของนายสรยุทธ คือ คุณแก้วขอร้องแล้ว ในช่วงแรกนายสรยุทธก็จ่ายเงินค่าตอบแทนตามที่รับปากไว้ โดยนายสรยุทธลงนามจ่ายเป็นเช็คของธนาคารธนชาต สาขาพระรามสี่ และให้คุณแก้ว ฝากไว้กับพนักงานของ อสมท ชื่อนางศิริทิพย์ (จำนามสกุลไม่ได้) เป็นผู้นำมามอบให้กับตนอีกทอดหนึ่ง โดยนายสรยุทธได้จ่ายเงินให้ตนประมาณ 8 ครั้ง ซึ่งทั้ง 8 ครั้งดังกล่าวก็ไม่ได้จ่ายให้ตนอย่างสม่ำเสมอ หรือตามจำนวนที่รับปากไว้ และเหตุที่ตนไม่ได้เรียกร้องให้จ่ายตามจำนวนที่ตกลงกันไว้เนื่องจาก เห็นว่าเป็นการตกกะไดพลอยโจน ช่วยเหลือนายสรยุทธไปแล้ว จึงยอมๆกันไป
         เนื่องจากรายการคุยคุ้ยข่าว เป็นรายการสด และนายสรยุทธเป็นพิธีกรดำเนินรายการทุกวัน ดังนั้นนายสรยุทธย่อมทราบดีว่ารายการที่ออกอากาศในแต่ละวันมีโฆษณาทั้งหมดกี่โฆษณา เป็นโฆษณาตามเวลาจำนวนเท่าใด และในส่วนที่เกินเวลาจำนวนเท่าใด จึงเป็นไม่ได้ที่นายสรยุทธจะไม่ทราบเรื่อง หลังจากที่ บริษัท อสมท ได้ตรวจพบว่า บริษัท ไร่ส้ม จำกัด มีโฆษณาส่วนเกินเวลาในรายการคุยคุ้ยข่าว แต่ไม่แจ้งและชำระค่าโฆษณาเกินเวลาดังกล่าวให้ อสมท นายสรยุทธได้บอกให้เลขาฯคือคุณแก้ว มาขอร้องให้ตนทำการลบรายการโฆษณาส่วนเกินของรายการคุยคุ้ยข่าวในใบคิวโฆษณา โดยบอกกับตนว่า “พี่สรยุทธ ขอร้องให้ช่วยเหลือ” และบอกอีกว่า หากมีอะไรนายสรยุทธก็จะช่วยเหลือไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน  ตนจึงทำการลบรายการโฆษณาส่วนเกินของรายการคุยคุ้ยข่าวในใบคิวโฆษณาบางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด ตามที่นายสรยุทธ และเลขาฯร้องขอ แต่ภายหลังเมื่อ อสมท ได้ตรวจสอบอย่างเป็นระบบก็ให้นายสรยุทธมาชำระค่าโฆษณาเกินดังกล่าวให้กับทาง อสมท  และตนทราบภายหลังว่านายสรยุทธ ได้ยินยอมชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้กับทาง อสมท.ในทันทีเพราะจำนนต่อหลักฐาน