วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จับหนุ่มกาฬสินธุ์ปลอมเป็นตำรวจ ตระเวนส่งยาบ้า



จับหนุ่มกาฬสินธุ์ปลอมเป็นตำรวจ ตระเวนส่งยาบ้า

วันที่ 5 ส.ค. ที่ จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจ.กาฬสินธุ์และสภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายประทัย ปรีพูล อายุ 54 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 30,000 เม็ด เงินสด 50,000 บาท อาวุธปืนลูกซองพกสั้น 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองขนาด 20 จำนวน 8 นัด รถจักยานยนต์ 6 คันและอะไหล่รถจักรยานยนต์อีกจำนวนมาก มูลค่ากว่า 9 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจ.กาฬสินธุ์สืบทราบว่ามีเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ ประกอบกับมีชาวบ้านแจ้งว่ามีชาย 2 คน ซึ่งมีพฤติกรรมน่าสงสัยในการค้ายาเสพติด โดยจะขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ สีเลือดหมู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ลักษณะเหมือนกับรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่สายตรวจ พร้อมกับแต่งตัวคล้ายกับตำรวจ นำยาบ้าเข้ามาจำหน่ายและตระเวนส่งยาในพื้นที่ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติพจึงส่งสายเข้าไปล่อซื้อและสามารถจับกุมตัวนายประทัย ปรีพูล อายุ 54 ปีได้ในบ้านพัก ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกรายคือนายเอกชัย ปรีพูล ซึ่งเป็นลูกชายสามารถหลบหนีไปได้
จากการตรวจค้นภายในบ้านพักพบยาบ้าจำนวน 30,000 เม็ด อาวุธปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก กระสุนปืน เงินสด รถจักรยานยนต์และอะไหล่รถจักรยานยนต์อีกจำนวนมาก มูลค่ากว่า 9 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่านำยาบ้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านมาจำหน่ายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ โดยตนและลูกชายจะแต่งตัวให้เหมือนกับตำรวจและใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งซื้อต่อมาจากเพื่อนบ้านที่ประมูลได้มาจากตำรวจไปส่งยาทุกครั้ง เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมและไม่ให้ชาวบ้านเข้ามายุ่งเกี่ยว
เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันจำหน่ายและร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่
ด้านพล.ต.ต.คณิสร น้อยนารถ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากนโยบายของตำรวจภูธรภาค 4 และผู้ว่าราชการจ.กาฬสินธุ์สั่งการให้เร่งดำเนินการสืบสวนหาข่าวปราบปรามจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดและตั้งด่านสกัดตามเส้นทางลำเลียงในพื้นที่จ.กาฬสินธุ์อย่างเข้มงวด กระทั่งสามารถจับกุมได้ดังกล่าว สำหรับผู้ต้องรายนี้ถือเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ โดยเบื้องต้นพบว่ามีพฤติกรรมนำรถจักรยานยนต์ ซึ่งอ้างว่าประมูลได้จากตำรวจไปใช้เป็นยานพาหนะในการส่งยาเสพติด อีกทั้งยังแต่งกายให้คล้ายกับตำรวจนอกเครื่องแบบเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ จนทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตำรวจจริงๆ ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียดว่ารถจักรยานยนต์ที่ผู้ต้องหานำมาใช้เป็นยานพาหนะนั้นได้มาจากการประมูลขายรถเก่าของตำรวจหรือผู้ต้องหาทำการดัดแปลงให้คล้ายกับรถสายตรวจ เพื่อหลบหลีกการจับกุม