คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
|
|
| |
"นครบาล"เผยสถิติรถหายในรอบปี"บก .น.2"ครองแชมป์พื้นที่รถถูกโจรกรรม พบ"จยย."หาย 5,504 คัน"กระบะ"409 คันและ"เก๋ง"300 คัน"รถยนต์โตโยต้า-จยย.ฮอนด้า"ยี่ห้อฮิตโจร ส่วนถนนตรอกซอกซอยช่วง2ทุ่มถึงเที่ยงคืนเสี่ยงถูกขโมยมากที่สุด
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.และในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถกองบัญชาการตำรวจ นครบาล (หน.ศปจร.น.) เปิดเผยสถิติการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในพื้นที่รับผิดชอบของกอง บัญชาการตำรวจนครบาลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 -31 ธันวาคม 2553 หลังจากช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ตำรวจมีการเร่งรัดปราบปรามแก๊งลักรถเหล่านี้ให้ลดน้อยลงตลอด รวมถึงติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ เพราะถือเป็นอาชญากรรมที่กลุ่มโจรมักอาศัยความประมาทของประชาชนที่จอดรถใน ที่เปลี่ยวปลอดคน กลายเป็นช่องโหว่ให้ผู้ร้ายฉวยโอกาสโจรกรรมรถอย่างง่ายดาย
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า จากการรวบรวมสถิติรถหายและสามารถจับกุมได้คืนของบก.น.1-9 ในปี 2553 ที่ผ่าน มีดังนี้ อันดับที่ 1 บก.น.2 รถยนต์หาย 66 คัน จับกุมได้คืน 1 คัน หรือ 1.5 เปอร์เซ็นต์ รถปิคอัพหาย 87 คัน สามารถจับกุมคืนได้ 3 คัน หรือ 3.4 เปอร์เซ็นต์ รถตู้ไม่มีการก่อเหตุโจรกรรม และรถจักรยานยนต์หาย 963 คัน สามารถจับกุมคืนได้ 57 คัน หรือ 5.9 เปอร์เซ็นต์
อันดับที่ 2 บก.น.4 รถยนต์หาย 64 คัน จับกุมได้คืน 8 คัน หรือ 12.5 เปอร์เซ็นต์ รถปิคอัพหาย 73 คัน สามารถจับกุมคืนได้ 4 คัน หรือ 5.5 เปอร์เซ็นต์ รถตู้หาย 3 คัน ไม่สามารถจับกุมคืนได้ และรถจักรยานยนต์หาย 810 คัน สามารถจับกุมคืนได้ 45 คัน หรือ 5.6 เปอร์เซ็นต์
และอันดับที่ 3 บก.น.5 รถยนต์หาย 46 คัน จับกุมได้คืน 4 คัน หรือ 8.7 เปอร์เซ็นต์ รถปิคอัพหาย 38 คัน ไม่สามารถจับกุมคืนได้ รถตู้หาย 1 คัน ไม่สามารถจับกุมคืนได้ และรถจักรยานยนต์หาย 865 คัน สามารถจับกุมคืนได้ 45 คัน หรือ 5.2 เปอร์เซ็นต์
โดยรวมรถยนต์หาย 300 คัน จับกุมได้คืน 26 คัน หรือ 8.7เปอร์เซ็นต์ รวมรถปิคอัพหาย 409 คัน จับกุมได้คืน 13 คัน หรือ 3.2 เปอร์เซ็นต์ รวมรถตู้หาย 9 คัน ไม่สามารถจับกุมคืนได้ และรวมรถจักรยานยนต์หาย 5,504 คัน จับกุมคืนได้ 335 คัน หรือ 6.1 เปอร์เซ็นต์
รอง ผบช.น.กล่าวต่ออีกว่า สำหรับรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีจำนวน 709 คัน ได้คืน 39 คัน โดยจำแนกตามยี่ห้อดังนี้ อันดับที่ 1 ยี่ห้อโตโยต้า จำนวน 228 คัน คิดเป็นร้อยละ 31.8 อันดับที่ 2 ยี่ห้ออีซูซุ จำนวน 210 คัน คิดเป็นร้อยละ 29.2 และอันดับที่ 3 ยี่ห้อนิสสัน จำนวน 84 คัน คิดเป็นร้อยละ 11.7 ส่วนช่วงเวลาที่รถยนต์ถูกโจรกรรม อันดับที่ 1 ตั้งแต่เวลา 20.01-24.00 น. จำนวน 196 คัน คิดเป็นร้อยละ 27.3 อันดับที่ 2 ตั้งแต่เวลา 16.01-20.00 น. จำนวน 169 คัน คิดเป็นร้อยละ 23.5 และอันดับที่ 3 ตั้งแต่เวลา 00.01-04.00 น. จำนวน 166 คัน คิดเป็นร้อยละ 23.1 และสถานที่ที่มักถูกโจรกรรมรถยนต์ อันดับที่ 1 ตามถนนและตรอกซอย จำนวน 320 คัน คิดเป็นร้อยละ 44.6 อันดับที่ 2 สวนสาธารณะ เช่น สนามกีฬา สวนหย่อม ท่าน้ำ ชุมชนต่างๆ จำนวน 217 คัน คิดเป็นร้อยละ 30.2 และอันดับที่ 3 ตามเคหสถาน บ้านเช่า ห้องเช่า จำนวน 120 คัน คิดเป็นร้อยละ 16.7
พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในส่วนของรถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรมในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีจำนวน 5,504 คัน ได้คืน 335 คัน โดยจำแนกตามยี่ห้อดังนี้ อันดับที่ 1 ฮอนด้า จำนวน 3,033 คัน คิดเป็นร้อยละ 55.1 อันดับที่ 2 ยี่ห้อยามาฮ่า จำนวน 2,052 คัน คิดเป็นร้อยละ 37.3 และอันดับที่ 3 คาวาซากิ จำนวน 131 คัน คิดเป็นร้อยละ 2.4
“ส่วนช่วงเวลาที่รถจักรยานยนต์ถูกโจรกรรม อันดับที่ 1 ตั้งแต่เวลา 20.01-24.00 น. จำนวน 1,516 คัน คิดเป็นร้อยละ 27.5 อันดับที่ 2 ตั้งแต่เวลา 00.01-04.00 น. จำนวน 1,292 คัน คิดเป็นร้อยละ 23.5 และอันดับที่ 3 ตั้งแต่เวลา 16.01-20.00 น. จำนวน 1,290 คัน คิดเป็นร้อยละ 23.4 และสถานที่ที่มักถูกโจรกรรมรถจักรยานยนต์ อันดับที่ 1 ตามถนนและตรอกซอย จำนวน 2,518 คัน คิดเป็นร้อยละ 45.7 อันดับที่ 2 สวนสาธารณะ เช่น สนามกีฬา สวนหย่อม ท่าน้ำ ชุมชนต่างๆ จำนวน 1,630 คัน คิดเป็นร้อยละ 29.6 และอันดับที่ 3 ตามเคหสถาน บ้านเช่า ห้องเช่า จำนวน 1,062 คัน คิดเป็นร้อยละ 19.3” หน.ศปจร.น.กล่าว |
|
|