วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก “โอปอ” สาวประเภทสองที่ทำตัวเป็นมาม่าซังโหด ตบสาวอาชีวะบังคับเปิดซิง


    วันนี้ (13 ต.ค.) ศาลจังหวัดพิจิตรเปิดเผยผลการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค6 คดีหมายเลขดำที่ 563/2554 คดีหมายเลขแดงที่ 2808/2554 ให้จำคุกนายจณิสตา จันทร์ประเทศ หรือโอปอ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 5 ต.สามง่าม อ.สามง่าม จ.พิจิตร ซึ่งเป็นสาวประเภทสองและทำตัวเป็นมาม่าซัง จัดหาหญิงสาวและนักศึกษา เพื่อค้าประเวณี
      
       คดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ 21 ก.พ.53 โดยศาลได้พิพากษาจำคุกในความผิดเกี่ยวกับเพศ ซึ่งเป็นความผิดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ตาม ม.282 ม.79 โดยพฤติกรรมของนายจณิสตา แม่เล้าสาวประเภทสองผู้นี้ก่อนจะถูกจับด้วยการล่อซื้อนักศึกษาสาวขายบริการ นายจณิสตาได้ก่อพฤติกรรมโหดด้วยการบุกเข้าไปทำร้ายด้วยการตบนักศึกษาสาว วิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งถึงในหอพัก เพื่อบังคับให้เปิดบริสุทธิ์ค้าประเวณี โดยลงมือตบจนนักศึกษาสาวยกมือไหว้ก็ยังไม่หยุดการกระทำ พร้อมทั้งได้มีการถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้เพื่อข่มขู่หญิงสาวคนอื่นๆ และมีการนำมาเผยแพร่จนเป็นข่าวฉาว
      
       แต่การกระทำในครั้งนั้น โอปอปฏิเสธว่าเป็นการก่อการวิวาท เนื่องจากแย่งชายหนุ่มกันซึ่งฝ่ายนักศึกษาสาวได้แจ้งความและเอาผิดเพียงแค่ เรื่องทำร้ายร่างกาย
      
       จากนั้น พ.ต.ท.ถนอม จินาวา รอง ผกก.สภ.เมืองพิจิตร จึงได้ทำการวางแผนเข้าล่อซื้อบริการทางเพศ โดยโอปอได้จัดส่งหญิงสาวจำนวน 2 คนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีให้มาขายบริการทางเพศกับตำรวจ และสายลับที่เข้าล่อซื้อถึงโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง เมื่อได้หลักฐานเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและเข้าจับกุมดำเนินคดี
      
       โดยในชั้นพนักงานสอบสวน โอปอให้การปฏิเสธแต่ก่อนสืบพยานในศาลชั้นต้น โดยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพต่อศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นจำคุก 6 ปี จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษจำคุกให้กึ่งหนึ่งโดยให้จำคุก 3 ปี และโอปอได้ยื่นอุทธรณ์ขอเมตตาว่าเพิ่งทำผิดเป็นครั้งแรกและจะหาเงินไปผ่าตัด แปลงเพศ
      
       ซึ่งศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วว่า การกระทำของจำเลยนอกจากจะ เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายแล้วยังขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน และเป็นบ่อเกิดของโรคติดต่อร้ายแรงที่มีสาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์ จึงมิใช่การกระทำผิดในเรื่องเล็กน้อย อีกทั้งข้ออ้างว่าทำไปเพื่อหาเงินมาแปลงเพศก็เป็นความจำเป็นส่วนตัว ดังนั้นที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจึงไม่มีเหตุอันควรรอลงอาญา
      
       ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ซึ่งมีเมตตาให้พิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี แต่จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงให้จำคุก 2 ปี 6 เดือน ซึ่งขณะนี้ได้ส่งตัวโอปอ มาม่าซังสาวประเภทสองรายนี้ที่มิได้สู้คดี หรือขอยื่นฎีกา เข้ารับโทษในเรือนจำจังหวัดพิจิตรแล้ว จึงนับเป็นการจบคดีฉาวของการค้าประเวณีในหมู่นักศึกษาและเยาวชนของ จ.พิจิตรดังกล่าว