ภาพจากสถานีโทรทัศน์ สกาย ทีวี ของอิตาลี ขณะผู้โดยสารและลูกเรือเตรียมตัวอพยพภายในเรือกอสตา กอนกอร์เดีย ในสถานการณ์ที่เรือกำลังเอียงกระเท่เร่ไปฝั่งหนึ่ง ผู้โดยสารลงเรือหนีตายได้เพียงฝั่งเดียว ลอรี วิลลิตส์ ชาวแคนาดาผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ย้อนความทรงจำว่า เรือชูชีพบางลำเกิดติดขัดระหว่างหย่อนลงน้ำ ทำให้คนบนเรือชูชีพดูเหมือนถูกแขวนอยู่กลางอากาศ ท่ามกลางเสียงเด็กร้องระงมไปทั่ว
แบรนดอน วอร์ริค ซึ่งลงเรือกอนกอร์เดียมากับครอบครัว เล่าว่า “มีคนเยอะมาก ไม่มีที่ว่างบนเรือชูชีพเหลือให้เรา ... ผู้คนแย่งกันลงเรืออย่างบ้าคลั่ง ไม่มีใครทำตามกฎ พวกลูกเรือก็ตะโกนใส่ผู้โดยสารให้รอเรือกลับมาอีกรอบ”
วอร์ริค ตัดสินใจให้ครอบครัวของเขารออยู่บนดาดฟ้าเรือกอนกอร์เดีย เนื่องจากไม่ต้องการให้สถานการณ์ชุลมุนและเลวร้ายมากกว่านั้น
อะแมนดา วอร์ริค น้องสาวของเขา เล่าว่า เธอคิดว่าคงไม่มีชีวิตรอด หลังจากต้องรอเรือชูชีพนานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง “ฉันยังจำได้ถึงตอนยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ … แทบไม่มีคนเหลืออยู่แล้ว” เธอบอกว่าไม่เห็นลูกเรือเหลืออยู่เลยสักคนเดียว “กระทั่งนาทีสุดท้าย” พวกเขาเล่าว่า ก็ยังไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไร หรือจะมีใครมาช่วยหรือไม่
ตอนที่เรือเอียงกระทั่งจมน้ำไปแล้วฝั่งหนึ่ง “เราต้องเกาะราวอีกฝั่งไว้ ไม่ให้ตกลงไป” แบรนดอน วอร์ริค เล่าฉากนาทีชีวิต
ด้าน วิเวียน เชเฟอร์ กล่าวว่า ความช่วยเหลืออย่างเดียวที่ได้รับ คือ ลูกเรือที่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งบอกให้เธอรัดเสื้อชูชีพให้แน่นๆ
“ฉันผิดหวังและประหลาดใจมาก ลูกเรือยังเป็นเด็ก” ซึ่งดูไม่น่าจะรับมือกับสถานการณ์ชุลมุนได้ เชเฟอร์เห็นว่า อย่างน้อยผู้โดยสารควรได้รับแจ้งให้หยิบเสื้อผ้าหนาๆ กับรองเท้า ติดมือมาด้วย
รอนดา โรเซนธาล เพื่อนของเชเฟอร์ เล่าว่า เธอต้องรออย่างน้อย 40 นาที กว่าจะได้ลงเรือชูชีพ และเมื่อได้เรือ คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ในเรือก่อนก็ยังแสดงท่าทางไม่พอใจเธอสองคน เนื่องจากเรือชูชีพมีคนแน่นมาก
เบนจิ สมิธ อีกหนึ่งผู้โดยสารที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง เปิดเผยว่า เขาหาเชือกมาทำบันไดลิงด้วยตัวเองตามวิธีเอาตัวรอดที่เห็นมาจากโทรทัศน์ เพื่อช่วยให้เขาและภรรยาหนีออกจากเรือที่กำลังอับปาง “ผมรู้สึกว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เราสามารถรับมือได้ แต่เหมือนลูกเรือต่างหากที่กำลังจะฆ่าเรา”