วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557
วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ชาวสวนยางภาคใต้เดือดร้อน
บทความ ปัญหาราคายางตกต่ำ
ปัญหาราคายางตกต่ำจากเดิมเคยขายยางแผ่นได้ ก.ก.ละ 100 บาท ตอนนี้ยางแผ่น ก.ก.ละ 25-40 บาท
ชาวสวนยางภาคใต้ได้รับความเดือดร้อนมาก โดยเฉพาะชาวสวนยางรายย่อย
จึงเป็นที่มาของการเข้ามาช่วยเหลือชาวสวนยางภาพใต้ในชื่อ เงินช่วยเหลือชาวสวนยาง
โดยรัฐบาลทหารจะให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องลงไปหาข้อมูลผู้เดือดร้อน เบื้องต้นจะให้เงินแก่ชาวสวนยาง
เป็นเงินจำนวน 1000 บาทต่อไร่ ต่อผู้ปลูกยางไม่เกิน 20-25 ไร่
ด้านชาวสวนยางภาคใต้กล่าวว่า ได้เงินช่วยเหลือ 1000 ต่อไร่นั้นน้อยกว่ารัฐบาลก่อนที่ให้เงินช่วยเหลือถึง 2200 บาทต่อไร่ ตอนนี้จึงไม่สามารถสรุปได้ว่า จะช่วยเหลือเท่าไหร่
เมื่อนายบกทหารไปเยือนต่างประเทศ มีจีน เยรมัน ได้กล่าวว่า เราจะได้ไปพูดเรื่อง การค้าขายยางพารา ส่วนการตกลงซื้อขายกันอย่างไร เมื่อไหร่ นั้นไม่มีข้อมูลว่า การเจราว่าอย่างไร แต่ถ้านายกทหารบินกลับมาต้องให้ข่าวว่า ผมทำดีที่สุดแล้ว ไปต่างประเทศมาได้อะไรเยอะแยอะ พวกคุณอย่าพูกมาก
ทางด้านนักวิชาการที่ได้รับเชิญเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรฐกิจ ปัญหาราคายางตกต่ำ กล่าวว่า ผู้เดือดร้อนเป็นรายย่อย ส่วนรายใหญ่ไม่เดือดร้อน การช่วนเหลือชาวสวนยางก็เหมือนการช่วยเหลือชาวนา และที่สำคัญ นักวิชาการกล่าวว่า การแก้ปัญหายางราคาตกต่ำ ไม่สามารถทำได้เพราะ ราคายางเป็นไปตามกลไกลตลาดโลก การให้เงินช่วยเหลือชาวสวนยางจึงไม่เกิดประโยชน์อะไร
ในสังคมโซเชี่ยวมีเดี่ยจึงออกมาให้ข้อคิดเห็นว่า ยางปลูกนานกว่าปลูกข้าว ปีหนึ่งกรีดยางได้เพี่ย 2 ครั้ง
การลงทุนก็สูกกว่าการปลูกข้าว ปลูกยางพาราต้องใช้เวลาถึง 7 ปีจึงจะสามารถกรีดยางได้
สรุป ผลการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ รัฐบาลทหารได้ทำแล้วคือ
1. นายกทหารได้เดินทางไปต่างประเทศคุยเรื่องยางให้แล้ว
2. นักวิชาการว่า ให้เงินช่วยเหลือชาวสวนยางไม่มีประโยชน์
3. ตกลงชาวสวนยางจะได้เงินช่วยเหลือไร่ละเท่าไหร่
คำถาม ขาวสวนยางเป็นผู้เดือดร้อน หรือ เป็นตัวการ์ตูน ให้ภาครัฐปั่นกระแสไปวันๆอย่างนั้นหรือ.
ปัญหาราคายางตกต่ำจากเดิมเคยขายยางแผ่นได้ ก.ก.ละ 100 บาท ตอนนี้ยางแผ่น ก.ก.ละ 25-40 บาท
ชาวสวนยางภาคใต้ได้รับความเดือดร้อนมาก โดยเฉพาะชาวสวนยางรายย่อย
จึงเป็นที่มาของการเข้ามาช่วยเหลือชาวสวนยางภาพใต้ในชื่อ เงินช่วยเหลือชาวสวนยาง
โดยรัฐบาลทหารจะให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องลงไปหาข้อมูลผู้เดือดร้อน เบื้องต้นจะให้เงินแก่ชาวสวนยาง
เป็นเงินจำนวน 1000 บาทต่อไร่ ต่อผู้ปลูกยางไม่เกิน 20-25 ไร่
ด้านชาวสวนยางภาคใต้กล่าวว่า ได้เงินช่วยเหลือ 1000 ต่อไร่นั้นน้อยกว่ารัฐบาลก่อนที่ให้เงินช่วยเหลือถึง 2200 บาทต่อไร่ ตอนนี้จึงไม่สามารถสรุปได้ว่า จะช่วยเหลือเท่าไหร่
เมื่อนายบกทหารไปเยือนต่างประเทศ มีจีน เยรมัน ได้กล่าวว่า เราจะได้ไปพูดเรื่อง การค้าขายยางพารา ส่วนการตกลงซื้อขายกันอย่างไร เมื่อไหร่ นั้นไม่มีข้อมูลว่า การเจราว่าอย่างไร แต่ถ้านายกทหารบินกลับมาต้องให้ข่าวว่า ผมทำดีที่สุดแล้ว ไปต่างประเทศมาได้อะไรเยอะแยอะ พวกคุณอย่าพูกมาก
ทางด้านนักวิชาการที่ได้รับเชิญเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรฐกิจ ปัญหาราคายางตกต่ำ กล่าวว่า ผู้เดือดร้อนเป็นรายย่อย ส่วนรายใหญ่ไม่เดือดร้อน การช่วนเหลือชาวสวนยางก็เหมือนการช่วยเหลือชาวนา และที่สำคัญ นักวิชาการกล่าวว่า การแก้ปัญหายางราคาตกต่ำ ไม่สามารถทำได้เพราะ ราคายางเป็นไปตามกลไกลตลาดโลก การให้เงินช่วยเหลือชาวสวนยางจึงไม่เกิดประโยชน์อะไร
ในสังคมโซเชี่ยวมีเดี่ยจึงออกมาให้ข้อคิดเห็นว่า ยางปลูกนานกว่าปลูกข้าว ปีหนึ่งกรีดยางได้เพี่ย 2 ครั้ง
การลงทุนก็สูกกว่าการปลูกข้าว ปลูกยางพาราต้องใช้เวลาถึง 7 ปีจึงจะสามารถกรีดยางได้
สรุป ผลการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ รัฐบาลทหารได้ทำแล้วคือ
1. นายกทหารได้เดินทางไปต่างประเทศคุยเรื่องยางให้แล้ว
2. นักวิชาการว่า ให้เงินช่วยเหลือชาวสวนยางไม่มีประโยชน์
3. ตกลงชาวสวนยางจะได้เงินช่วยเหลือไร่ละเท่าไหร่
คำถาม ขาวสวนยางเป็นผู้เดือดร้อน หรือ เป็นตัวการ์ตูน ให้ภาครัฐปั่นกระแสไปวันๆอย่างนั้นหรือ.
วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557
บทความ คดีที่น่าสนใจ คดีคุณสนธิ ลิ้มทองกุล
บทความ คดีที่น่าสนใจ คดีคุณสนธิ ลิ้มทองกุล
เมื่อวันนี้ที่ 7 สิงหาคม 2557 ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีหมายเลขดำที่ อ.1036/ 2552 ระหว่าง พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยาก ร 1 โจทก์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ 1
นายสุรเดช มุขยางกูร อดีตกรรมการบริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ 2
นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ. แมเนเจอร์ฯ ที่ 3.
นางสาวยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ. แมเนเจอร์ฯ ที่ 4 จำเลย
ข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรั พย์ พ.ศ.2535 มาตรา 307, 311,312 (1) (2) (3) , 313
โจทก์ฟ้องสรุปได้ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 29 เมษายน 2539 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2540 จำเลยทั้ง 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท แมเนเจอร์มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมทำสำเนารายงานการประชุมข องกรรมการบริษัทที่เป็นเท็จ ว่า มีมติให้บริษัทเป็นผู้ค้ำประกัน เงิน
กู้ให้กับบริษัทเดอะ เอ็ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่จำเลยที่ 1
เป็นผู้ถือหุ้น กับธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) รวม 6 ครั้ง เป็นเงินจำนวน
1,078 ล้านบาท
โดยจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ได้ขออนุมัติจากมติที่ประชุม กรรมการบริษัท และเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2539 ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2541 จำเลยทั้งสี่ยังร่วมกันยอมให้มี การเปลี่ยนแปลง ตัดทอนทำบัญชีไม่ตรงกับความเป็น จริง และยังไม่ได้นำภาระการค้ำประกัน เงินกู้ดังกล่าว ซึ่งถือเป็นรายการที่ทำให้รายได ้ของ บมจ.แมเนเจอร์ฯ เปลี่ยนแปลงผิดปกติ ซึ่งต้องแสดงรายการไว้ในงบการเง ินประจำปี 2539 ถึง 2541 และจะต้องนำส่งให้ตลาดหลักทรัพย ์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลัก ทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)เพื่อลวงให้ผู้ถือหุ้นของ บมจ.แมเนเจอร์ฯ ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ รวมทั้งเป็นการลวงให้นักลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้รับรู้ถึงก ารค้ำประกันหนี้ดังกล่าว เหตุเกิดที่แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา และแขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. เกี่ยวพันกัน
จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่ อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 ว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันกระทำความผิ ดตามฟ้องโดยการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ และประมวลกฎหมายอาญา 83,91 ให้ลงโทษ
จำเลยที่ 1 และที่ 3 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 17 กระทง เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 85 ปี
จำเลยที่ 2 ลงโทษจำคุก 5 ปี และ
จำเลยที่ 4 ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 13 กระทง เป็นจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 65 ปี
จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพเป็นโยชน์แก่การ พิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก
จำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 42 ปี 6 เดือน
จำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน
จำเลยที่ 4 จำคุก 32 ปี 6 เดือน
แต่เนื่องจากความผิดตามบทบ ัญญัติของกฎหมายที่ลงโทษจำเลยมี อัตราโทษสูงสุดไม่เกิน 10 ปี จึงลงโทษจำเลยได้ไม่เกิน 20 ปี ตามมาตรา 91(2)
จึงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 20 ปี
จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์ คดีในส่วนที่เกี่ยวกับจำเล ยที่ 2 ที่ไม่อุทธรณ์ จึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้ นต้น
ศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้ว เห็นว่า อุทธรณ์ของทั้ง 3 ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้ น
คดีนี้แม้ศาลอุทธรณ์ ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 20 ปี แต่เป็นการลงโทษจากการกระทำความ ผิดหลายกระทง โดยลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลช ั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหา ข้อเท็จจริง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณ าความอาญา มาตรา 218 ที่วรรคแรกบัญญัติว่า ในคดีท่ีศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตา มศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน ้อย และให้ลงโทษจําคุกจําเลยไม่เกิน ห้าปี หรือปรับหรือท้ังจําทั้งปรับแต่ โทษจําคุกไม่เกินห้าปีห้ามมิให้ คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้ อกฎหมาย แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภ าพ ซึ่งหมายความว่ายอมรับว่า ได้กระทำความผิดตามโจทก์ฟ้องจริ ง จึงแทบจะไม่มีประเด็นในปัญหาข้อ กฎหมายที่จะฎีกาได้
ประเด็นในข้อเท็จจริ งจะต้องให้ผู้พิพากษาที่ได้พิจา รณาหรือลงชื่อในพิพากษาคดีนี้หร ือทำความเห็นแย้งทั้งในศาลชั้นต ้นและศาลอุทธรณ์ อนุญาตให้ฎีกา หรืออัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา จึงจะฎีกาได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจา รณาความอาญา มาตรา 221
ถ้าจำเลยทั้ง 3 ไม่ได้รับอนุญาตหรือรับรองให้ฎี กาในปัญหาข้อเท็จจริง และไม่มีข้อกฎหมายที่จะฎีกา ก็ต้องถูกจำคุกตามคำพิพากษาศาลอ ุทธรณ์
สรุป... กฎหมายจะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่...ขึ้นอยู่กับผู้ใช้กฎหมาย ตามหลักปรัชญา ถ้าผู้พิพากษาขายตัว รับสินบน หรือ กลัวตายจากมาเฟียข่มขู่ การยิงถล่มศาลด้วย M79 หรือ การขู่ทำร้ายคนในครอบครัว ความเป็นธรรมก็จะไม่เกิดขึ้นกับบ้านกับเมือง จำเลยก็จะลอยนวล มีตัวอย่าง การไล่ออกผู้พิพากษาที่ทุจริตรับสินบน พัวพันเรื่อง การให้ประกันตัวพ่อค้ายาเสพติด ที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้เป็นต้น
แต่ก็มีผู้พิพากษาดีๆอีกมากมาย ที่ยึดหลักคุณธรรมและมีมโนธรรมในการพิจารณาคดี
หลักใหญ่ๆในการพิจารณาคดีให้เกิดความเป็นธรรม ก็จะขึ้นอยู่กับพยานบุคคล พยานหลักฐาน พยานเอกสาร และ ดุลพินิจของผู้พิพากษา มาพิจารณาร่วมกับตัวบทกฎหมาย
เมื่อวันนี้ที่ 7 สิงหาคม 2557 ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีหมายเลขดำที่ อ.1036/
นายสุรเดช มุขยางกูร อดีตกรรมการบริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ 2
นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ. แมเนเจอร์ฯ ที่ 3.
นางสาวยุพิน จันทนา อดีตกรรมการ บมจ. แมเนเจอร์ฯ ที่ 4 จำเลย
ข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรั
โจทก์ฟ้องสรุปได้ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 29 เมษายน 2539 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2540 จำเลยทั้ง 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท แมเนเจอร์มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมทำสำเนารายงานการประชุมข
โดยจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่ได้ขออนุมัติจากมติที่ประชุม
จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่
จำเลยที่ 1 และที่ 3 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 17 กระทง เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 85 ปี
จำเลยที่ 2 ลงโทษจำคุก 5 ปี และ
จำเลยที่ 4 ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 13 กระทง เป็นจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 65 ปี
จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพเป็นโยชน์แก่การ
จำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 42 ปี 6 เดือน
จำเลยที่ 2 จำคุก 2 ปี 6 เดือน
จำเลยที่ 4 จำคุก 32 ปี 6 เดือน
แต่เนื่องจากความผิดตามบทบ
จึงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 20 ปี
จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์ คดีในส่วนที่เกี่ยวกับจำเล
ศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้ว เห็นว่า อุทธรณ์ของทั้ง 3 ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้
คดีนี้แม้ศาลอุทธรณ์ ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 20 ปี แต่เป็นการลงโทษจากการกระทำความ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณ
จำเลยมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้
ประเด็นในข้อเท็จจริ
ถ้าจำเลยทั้ง 3 ไม่ได้รับอนุญาตหรือรับรองให้ฎี
สรุป... กฎหมายจะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่...ขึ้นอยู่กับผู้ใช้กฎหมาย ตามหลักปรัชญา ถ้าผู้พิพากษาขายตัว รับสินบน หรือ กลัวตายจากมาเฟียข่มขู่ การยิงถล่มศาลด้วย M79 หรือ การขู่ทำร้ายคนในครอบครัว ความเป็นธรรมก็จะไม่เกิดขึ้นกับบ้านกับเมือง จำเลยก็จะลอยนวล มีตัวอย่าง การไล่ออกผู้พิพากษาที่ทุจริตรับสินบน พัวพันเรื่อง การให้ประกันตัวพ่อค้ายาเสพติด ที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้เป็นต้น
แต่ก็มีผู้พิพากษาดีๆอีกมากมาย ที่ยึดหลักคุณธรรมและมีมโนธรรมในการพิจารณาคดี
หลักใหญ่ๆในการพิจารณาคดีให้เกิดความเป็นธรรม ก็จะขึ้นอยู่กับพยานบุคคล พยานหลักฐาน พยานเอกสาร และ ดุลพินิจของผู้พิพากษา มาพิจารณาร่วมกับตัวบทกฎหมาย
วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเดินทางเข้าไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า มีอยู่ทั้งหมด 25 ประเทศ
1. อาร์เจนตินา สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน
2. บาห์เรน สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 14 วัน
3. บราซิล สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน
4. บรูไน สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 14 วัน
5. กัมพูชา สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 14 วัน
6. ชิลี สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน
7. เอกวาดอร์ สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน
8. ฮ่องกง สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
9. อินโดนีเซีย สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
10. สาธารณรัฐเกาหลี สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน
11. ลาว สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
12. มาเก๊า สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
13. มองโกเลีย สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
14. มาเลเซีย สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
15. มัลดีฟส์ สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
16. ปานามา สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 180 วัน
17. เปรู สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน
18. ฟิลิปปินส์ สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 21 วัน
19. รัสเซีย สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
20. เซเซลส์ สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
21. สิงคโปร์ สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
22. แอฟริกาใต้ สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
23. ตุรกี สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
24. เวียดนาม สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน
25. ญี่ปุ่น สามารถพำนักอยู่ได้ไม่เกิน 15 วัน
วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
ประกาศ ข้อความสำคัญ..ที่ประชาชนจำเป็นต้องรู้...
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อเวลา 21.00 น.
ประกาศข้อยกเว้น ห้ามบุคคลเข้าออกนอกเคหสถานตามเวลาที่กำหนด
เพื่อบรรเทาผลกระทบต่ออาชีพของประชาชา
มีข้อยกเว้นให้คนเหล่านี้
1.ผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศ
2.เจ้าหน้าที่ พนักงาน ที่ต้องทำงานเป็นห้วงเวลาหรือผลัด
เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือรพ.
3 ธุรกิจการบิน
4. การเดินทางขนส่งสินค้า ที่มีอายุจำกัด
5. ธุรกิจจำเป็น เช่น ผู้ป่วย ที่ต้องเดินทางไปรพ. ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องมนุษยธรรม หรือผู้ที่มีกิจธุระจำ
เป็นอื่นให้ขออนุญาตทหารในพื้นที่
ประกาศให้สถานศึกษาทั้งของรัฐ และเอกชน หยุดทำการ ตั้งแต่ 23 พ.ค.2557-25 พ.ค.2557
ประกาศข้อยกเว้น ห้ามบุคคลเข้าออกนอกเคหสถานตามเวลาที่กำหนด
เพื่อบรรเทาผลกระทบต่ออาชีพของประชาชา
มีข้อยกเว้นให้คนเหล่านี้
1.ผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศ
2.เจ้าหน้าที่ พนักงาน ที่ต้องทำงานเป็นห้วงเวลาหรือผลัด
เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือรพ.
3 ธุรกิจการบิน
4. การเดินทางขนส่งสินค้า ที่มีอายุจำกัด
5. ธุรกิจจำเป็น เช่น ผู้ป่วย ที่ต้องเดินทางไปรพ. ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องมนุษยธรรม หรือผู้ที่มีกิจธุระจำ
เป็นอื่นให้ขออนุญาตทหารในพื้นที่
ประกาศให้สถานศึกษาทั้งของรัฐ และเอกชน หยุดทำการ ตั้งแต่ 23 พ.ค.2557-25 พ.ค.2557
ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศบุคคลเข้าออกนอกเคหสถานตามเวลาที่กำหนด
มีโทษ จำคุก 1 ปีหรือ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
ประเทศชาติเป็นของทุกคน
.
บทความวิเคราะห์
ตอน ประเทศชาติเป็นของทุกคน
ถ้าประเทศไทยแพ้...ตระกูลชินวัต
ผลจะกระทบกับประเทศและตัวท่านจะ
1. สถาบันพระมหากษัตริย์ ตกอยู่ในอันตาราย ม.112 จะถูกรัฐบาลยกเลิก
2. โครงการเงินกู้ 2.2 ล้านๆ จะกลับมาใหม่ ผล นายก คณะรัฐมนตรี ทุจริตรวยกันและ
แต่ทิ้งภาระให้ลูกหลานไทยเป็นหน
3. ระบบราชการ ต้องใช้เงินเท่านั้น เริ่มตั้งแต่ทุจริตการสอบเข้า ใช้เงินซื้อตำแหน่ง ผล เวลาไปติดต่อราชการ ประชาชนที่ไม่มีความรู้ ไม่รู้กฎหมาย จะต้องใช้เงินเป็นค่าน้ำร้อนน้ำ
4. เมื่อมีการทุจริตกันมาก รัฐไม่มีเงิน ผล ก็ต้องมาขึ้นภาษี สารพัดภาษี สินค้าก็จะขึ้นราคา ทำให้สินค้าแพง ค่าน้ำ ค่าไฟ น้ำมัน ก็ขึ้นราคา ประชาชนตาดำๆก็รับกรรมไป พ่อแม่ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น เพื่อหาเงินมาให้ลูกๆได้ใช้จ่าย
5. สังคมในวันข้างหน้าก็จะเป็นสังค
ข้าวยากหมากแพง ยาเสพติดระบาด โจรขโมยมากขึ้น คนทำผิดกฎหมายมีเงินก็ใช้เงินวิ
สรุป นี่เป็นผลกระทบส่วนหนึ่งที่พวกเ
วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอบคำถาม สว. ในรัฐสภาแบบคุยไม่รู้เรื่อง เพราะ ต้องการจูบปากทุกฝ่ายแบบเด็กๆคิด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอบคำถาม สว เป็นเรื่องๆดังนี้
1. เรื่องที่มาของนายก นายอภิสิทธิ์ ได้อ้างว่า นายกทุกท่านก็มาจากการโปรดเกล้าทุกคน ยกตัวอย่างว่า เมื่อรัฐบาลใดถูกประชาชนมาขับไล่ อย่างตอนผมได้เป็นรัฐบาลและเป็นนายก
คำอธิบายนายอภิสิทธ์คือ นายกต้องมาจากการเลือกตั้ง ตรงนี้นายอภิสิทธ์ไม่พูด การโปรดเกล้าเป็นขั้นตอนต่อจากการเลือกตั้งแล้ว ต่อมาเปิดประชุมสภา เลือกนายก ประธานสภาหรือประธานวุฒิ เป็นผู้ทูลเกล้า เมื่อมีการโปรดเกล้านายกลงมา ประธานสภาหรือประธานวุฒิ คนเดิมก็เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ นายอภิสิทธิ์ชอบอวดตัวว่าเก่ง รู้ทุกเรื่อง แต่เวลาจะตีกินชอบพูดความจริงครึ่งเดียว ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า ฟังไปก็ดูดี แต่พอพูดจบคนฟังไม่รู้เรื่อง...
2. เรื่องการขอนายกพระราชทานตามมาตรา 7 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประชาชนมี 2 ฝ่าย ว่าที่ประธานรัฐสภา จะเลือกวิธีใด ก็จะโดนประชาชนต่อต้าน ความคิดส่วนตัวนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องการไปเจรจากับพรรคเพื่อไทย กับนายกรักษาการณ์ ขอร้องให้พวกเขาลาออกทั้งคณะก่อน จากนั้นจึงให้ ว่าที่ประธานรัฐสภาทูลเกล้าขอนายกพระราชทาน ตามกำหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 7
คำอธิบายนายอภิสิทธ์คือ นายอภิสิทธิ์ไม่พูดเลยว่า ประชาชนมี 2 ฝ่ายนั้นเป็นใคร ทำไมไม่ตอบ สว. ว่า รัฐบาลนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทุจริต กระทำผิดกฎหมายซ้ำซาก เลี้ยงคนหมิ่นเจ้า มาละเมิดพระเจ้าอยู่หัว บริหารแผ่นดินทำให้ข้าวยากหมากแพง เป็นเผด็จการรัฐสภา แต่กลับพูดว่า ต้องการให้ประเทศเดินไปได้ ฟังแล้วดูดี แต่พอพูดจบคนฟังไม่รู้เรื่อง...
ส่งสาสน์ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า การพูดเอาดีเข้าตัว ไม่ปกป้องประชาชนผู้รักชาติที่ออกมาขับไล่รัฐบาลที่โกงกิน กับไม่เห็นหัวประชาชน อยากบอกว่า ประเทศไทยไม่มีคนอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ประเทศก็เดินไปได้...อย่ามาตีกินอีกเลย ฟังแล้วประโยชน์ก็ไม่ได้ ปัญญาก็ไม่เกิด เลิกเล่นการเมืองไปเถอะ นักการเมืองแบบเก่าอย่างแก อยู่ไปก็ขวางการปฎิรูปประเทศเปล่าๆ.
1. เรื่องที่มาของนายก นายอภิสิทธิ์ ได้อ้างว่า นายกทุกท่านก็มาจากการโปรดเกล้าทุกคน ยกตัวอย่างว่า เมื่อรัฐบาลใดถูกประชาชนมาขับไล่ อย่างตอนผมได้เป็นรัฐบาลและเป็นนายก
คำอธิบายนายอภิสิทธ์คือ นายกต้องมาจากการเลือกตั้ง ตรงนี้นายอภิสิทธ์ไม่พูด การโปรดเกล้าเป็นขั้นตอนต่อจากการเลือกตั้งแล้ว ต่อมาเปิดประชุมสภา เลือกนายก ประธานสภาหรือประธานวุฒิ เป็นผู้ทูลเกล้า เมื่อมีการโปรดเกล้านายกลงมา ประธานสภาหรือประธานวุฒิ คนเดิมก็เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ นายอภิสิทธิ์ชอบอวดตัวว่าเก่ง รู้ทุกเรื่อง แต่เวลาจะตีกินชอบพูดความจริงครึ่งเดียว ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า ฟังไปก็ดูดี แต่พอพูดจบคนฟังไม่รู้เรื่อง...
2. เรื่องการขอนายกพระราชทานตามมาตรา 7 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประชาชนมี 2 ฝ่าย ว่าที่ประธานรัฐสภา จะเลือกวิธีใด ก็จะโดนประชาชนต่อต้าน ความคิดส่วนตัวนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องการไปเจรจากับพรรคเพื่อไทย กับนายกรักษาการณ์ ขอร้องให้พวกเขาลาออกทั้งคณะก่อน จากนั้นจึงให้ ว่าที่ประธานรัฐสภาทูลเกล้าขอนายกพระราชทาน ตามกำหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 7
คำอธิบายนายอภิสิทธ์คือ นายอภิสิทธิ์ไม่พูดเลยว่า ประชาชนมี 2 ฝ่ายนั้นเป็นใคร ทำไมไม่ตอบ สว. ว่า รัฐบาลนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทุจริต กระทำผิดกฎหมายซ้ำซาก เลี้ยงคนหมิ่นเจ้า มาละเมิดพระเจ้าอยู่หัว บริหารแผ่นดินทำให้ข้าวยากหมากแพง เป็นเผด็จการรัฐสภา แต่กลับพูดว่า ต้องการให้ประเทศเดินไปได้ ฟังแล้วดูดี แต่พอพูดจบคนฟังไม่รู้เรื่อง...
ส่งสาสน์ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า การพูดเอาดีเข้าตัว ไม่ปกป้องประชาชนผู้รักชาติที่ออกมาขับไล่รัฐบาลที่โกงกิน กับไม่เห็นหัวประชาชน อยากบอกว่า ประเทศไทยไม่มีคนอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ประเทศก็เดินไปได้...อย่ามาตีกินอีกเลย ฟังแล้วประโยชน์ก็ไม่ได้ ปัญญาก็ไม่เกิด เลิกเล่นการเมืองไปเถอะ นักการเมืองแบบเก่าอย่างแก อยู่ไปก็ขวางการปฎิรูปประเทศเปล่าๆ.
วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
บทความวิเคราะห์ ความรู้ทางกฎหมายและการเมือง ตอน กกต.จะประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. 20 ก.ค. 57
ขณะนี้รัฐบาลนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังต้องการให้ กกต. จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อฟอกตัว ให้ตนเองและ ส.ส. ร่วมพรรคได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง หลังจากนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้พูดคุยกับ กกต. แล้ว ได้มีการกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ประมาณวันที่ 20 ก.ค. 57 แต่ขั้นตอนของกฎหมาย กกต.ต้องประกาศเป็นกฎหมายให้ประชาชนปฎิบัติตามที่เรียกกฎหมายนี้ว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส. โดยให้นายกเป็นผู้ทูลเกล้าและเมื่อมีการลงพระปรมาภิไธย ขั้นตอนต่อไป กฎหมายระบุว่า ผู้รับสนองพระราชโองการต้องเป็นตำแหน่งนายกคนเดียวเท่านั้น
ผลอะไรจะเกิดขึ้น
1. ถ้าปปช. ชี้มูลการทุจริตเรื่องการทุจริตจำนำข้าว ให้นายกต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ หรือ หยุดปฎิบัติหน้าที่รัฐบาลรักษาการณ์ทั้งคณะ นั้นก็หมายความว่า การเลือกตั้งก็จะไม่เกิดขึ้น
2. ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ พิพากษาว่า นายกกระทำผิดกฎหมาย กรณีใช้อำนาจย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี โดยมิชอบ ตามที่ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาให้คืนตำเหน่งเดิมกับนายถวิล เปลี่ยนสี นั้นก็หมายความว่า การเลือกตั้งก็จะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน
สรุป. รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีรักษาการณ์ ที่ทุจริต โกงบ้านกินเมือง นั้น ฟ้ามีตาเพราะ ดิ้นอย่างไร แก้ไขอย่างไร เพื่อจะพ้นผิด ได้ฟอกตัว ได้กลับมามีอำนาจอีก ก็จะไม่สำเร็จ ฉะนั้นประชาชนผู้รักชาติที่ออกมาขับไล่รัฐบาลโจรที่กระทำผิดกฎหมายซ้ำซาก ไม่ยอมรับอำนาจศาล นั้น บัดนี้ก็จะเป็นโอกาศอันดีที่ประชาชนจะเรียกอำนาจคืนจากรัฐบาลและใช้กฎหมายมาตรา 3 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ เดินทางไปที่วังไกลกังวล เพื่อถวายอำนาจคืนให้พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงวินิจฉัยตากกฏหมายมาตรา 7 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการแต่งตั้งนายกและคณะรัฐบาลใหม่
วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2557
วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557
ผลของกระท่อมต่อร่างกายเรา มีอะไรบ้าง?
มีการศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้ใบกระท่อมมีการศึกษาหนึ่งสรุปว่า การใช้ใบกระท่อมในขนาดต่ำให้ผลระงับประสาท แต่เมื่อขนาดสูงขึ้น กลับเปลี่ยนเป็นกระตุ้นประสาทแทน แต่จากการศึกษาหลายแห่งสรุปในทางตรงกันข้าม กล่าวคือ การใช้ใบกระท่อมในขนาดต่ำๆ ให้ผลกระตุ้นระบบประสาท มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทคล้ายยาบ้าอ่อน ๆ ส่วนขนาดสูงกดประสาท ในรายงานการศึกษาในคนที่เสพติดกระท่อมในประเทศไทย พบว่าหลังเคี้ยวใบกระท่อมไปประมาณ 5-10 นาที จะมีอาการเป็นสุข กระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกหิว (ไม่อยากอาหาร) ทํางานได้นานขึ้น ทนแดด แต่จะเกิดอาการกลัวหนาวสั่นเวลาอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ผู้เสพจะมีผิวหนังแดงเพราะเลือดไปเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น อาการข้างเคียง ได้แก่ ปากแห้ง ปัสสาวะบ่อย เบื่ออาหาร ท้องผูก อุจจาระแข็งเป็นก้อนเล็กๆ นอนไม่หลับ ถ้าเสพใบกระท่อมในปริมาณมากๆ จะทําให้มึนงง และคลื่นไส้อาเจียน (เมากระท่อม) แต่ในบางรายเสพเพียง 3 ใบ ก็ทำให้เมาได้ เมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน จะมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด นอนไม่หลับ ผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มมีสีคล้ำขึ้นคล้ายหน้าผู้ป่วยโรคตับ ประมาณร้อยละ30 ของผู้ติดกระท่อม รายงานว่า มีความต้องการทางเพศลดลง และต้องใช้กระท่อมร่วมกับแอลกอฮอล์เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการทางเพศ บางรายจะมีอาการโรคจิตหวาดระแวง เห็นภาพหลอน คิดว่าคนจะมาทำร้ายตน และพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ถ้าหยุดเสพ จะเกิดอาการขาดยา ได้แก่ ไม่มีแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อและกระดูก แขนขากระตุก รู้สึกอ่อนเพลียไม่สามารถทำงานได้ อารมณ์ซึมเศร้า นํ้าตาไหล นํ้ามูกไหล
สำหรับโทษทางกฎหมาย มีดังนี้
1. เสพ มีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 พันบาท
2. ครอบครอง มีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
3. จำหน่าย มีโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557
วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557
ใครเลือกผมเป็นนายก พรรคผมจะไม่ทุจริตแม้แต่เงินบาทเดียว ถุย!!!
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เธออยากให้มีเลือกตั้งเพราะ เธอบอกเป็นทางออกของประเทศ
ทางออกคือ 1. ถ้าเธอชนะก็ได้เป็นนายก
2. ถ้าเธอแพ้ก็ไม่เป็นไร ก็ยกประเทศให้ตระกูลชินวัตรไป
และผลที่ตามมาจากข้อ 2. คือ สว.ที่เป็นทาสทักษิณที่มีกว่าครึ่งวุฒิสภา ก็จะทำการยุบ เปลี่ยน ย้าย คนของตนไปอยู่ในองค์กรอิสระทุกองค์กร ต่อไปรัฐบาลโกงกินอย่างไร ก็ไม่มีใครมาตรวจสอบ มาถอดถอน เรียกได้ว่า ทำผิดกฎหมาย ทุจริต ก็ไม่ใครเอาผิดติดคุกได้ ตระกูลนี้ก็จะอยู่ค้ำฟ้าตลอดไป....
สรุป. เป็นเพราะเธอคนเดียว ทำให้ประชาชนแพ้ ประเทศแพ้.
เธออยากให้มีเลือกตั้งเพราะ เธอบอกเป็นทางออกของประเทศ
ทางออกคือ 1. ถ้าเธอชนะก็ได้เป็นนายก
2. ถ้าเธอแพ้ก็ไม่เป็นไร ก็ยกประเทศให้ตระกูลชินวัตรไป
และผลที่ตามมาจากข้อ 2. คือ สว.ที่เป็นทาสทักษิณที่มีกว่าครึ่งวุฒิสภา ก็จะทำการยุบ เปลี่ยน ย้าย คนของตนไปอยู่ในองค์กรอิสระทุกองค์กร ต่อไปรัฐบาลโกงกินอย่างไร ก็ไม่มีใครมาตรวจสอบ มาถอดถอน เรียกได้ว่า ทำผิดกฎหมาย ทุจริต ก็ไม่ใครเอาผิดติดคุกได้ ตระกูลนี้ก็จะอยู่ค้ำฟ้าตลอดไป....
สรุป. เป็นเพราะเธอคนเดียว ทำให้ประชาชนแพ้ ประเทศแพ้.
วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557
วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
บทความ ต่อไปนี้ตำรวจจะมาขอพี้นที่คืนหรือสลายการชุมนุมของประชาชนอีกไม่ได้
บทความ
ต่อไปนี้ตำรวจจะมาขอพี้นที่คืนห รือสลายการชุมนุมของประชาชนอีกไม่ได้
ผลดี ตำรวจต่างจังหวัดทั่วประเทศหมดภ ารกิจแล้ว ได้กลับบ้านและไปรายงานตัวเข้าส ังกัดเดิม
"ศาลแพ่งไม่มีอำนาจเพิกถอนพระรา ชกำหนดและพระราชบัญญัติ
การเพิกถอนหรือยกเลิกพระราชกำหน ดและพระราชบัญญัติเป็นอำนาจของร ัฐสภา"
แต่ศาลแพ่งได้พิพากษา ห้ามให้จำเลยทั้งสามคือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ 1 ร้อยตำรวจเอกฉลิม อยู่บำรุง ที่ 2 พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ที่ 3 มีคำสั่งคุ้มครองประชาชนผู้ชุมน ุม
มีดังนี้
1 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม ใช้หรือสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ใช้กำลังหรืออาวุธเข้าสลายกา รชุมนุม ของโจทก์และประชาชนที่ได้ชุมนุม กันโดยสงบและปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไท ย พ.ศ. 2550 มาตรา 63 วรรคหนึ่ง
2 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม มีคำสั่งยึดหรืออายัดสินค้าเครื ่องอุปโภคบริโภค เคมีภัณฑืหรือวัตถุอื่นใดที่ได้ ใช้ หรือจะใช้สิ่งนั้นเพื่อการกระทำ การ หรือสนับสนุนการชุมนุมของโจทก์แ ละประชาชน
3 ห้าม มิให้จำเลยทั้งสาม ออกคำสั่งตรวจค้นหรือถอน หรือทำลายซึ่งอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หรือ สิ่งกีดขวางของโจทก์และประชาชน
4 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งการ ให้การ ซื้อ ขาย ใช้ หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้า เวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภค บริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัสดุอุปกรณ์ อย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งอาจใช้ในก ารชุมนุมของโจทก์และประชาชน
5 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งการ ห้ามกระทำการอย่างใดๆ ที่เป็นการปิดการจราจร ปิดเส้นทางคมนาคม หรือกระทำการอื่นใด ที่ทำให้ไม่อาจใช้เส้นทางคมนาคม ได้ตามปกติ ในทุกเขตพื้นที่ ที่โจทก์และประชาชนใช้ในการชุมน ุม
6 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม ประกาศ กำหนดพื้นที่ที่ห้ามมีการชุมนุม ของโจทก์และประชาชน ตั้งแต่5คนขึ้นไป
7 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งการ ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไข ในการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช ้ยานพาหนะของโจทก์และประชาชน ใช้ในการชุมนุม
8 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม ห้ามโจทก์และประชาชนใช้อาคารหรื อเข้าไป หรืออยู่ในสถานที่ หรือห้ามเข้าไปในพื้นที่ใดๆ
9 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งให้อพยพโจทก์และประชาชนออกจ ากพื้นที่การชุมนุมและห้ามมิให้ ออกคำสั่งห้ามโจกท์และประชาชนเข ้าไปในพื้นที่ชุมนุม
ต่อไปนี้ตำรวจจะมาขอพี้นที่คืนห
ผลดี ตำรวจต่างจังหวัดทั่วประเทศหมดภ
"ศาลแพ่งไม่มีอำนาจเพิกถอนพระรา
การเพิกถอนหรือยกเลิกพระราชกำหน
แต่ศาลแพ่งได้พิพากษา ห้ามให้จำเลยทั้งสามคือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ 1 ร้อยตำรวจเอกฉลิม อยู่บำรุง ที่ 2 พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ที่ 3 มีคำสั่งคุ้มครองประชาชนผู้ชุมน
มีดังนี้
1 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม ใช้หรือสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ใช้กำลังหรืออาวุธเข้าสลายกา
2 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม มีคำสั่งยึดหรืออายัดสินค้าเครื
3 ห้าม มิให้จำเลยทั้งสาม ออกคำสั่งตรวจค้นหรือถอน หรือทำลายซึ่งอาคาร สิ่งปลูกสร้าง หรือ สิ่งกีดขวางของโจทก์และประชาชน
4 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งการ ให้การ ซื้อ ขาย ใช้ หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้า เวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภค บริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัสดุอุปกรณ์ อย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งอาจใช้ในก
5 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งการ ห้ามกระทำการอย่างใดๆ ที่เป็นการปิดการจราจร ปิดเส้นทางคมนาคม หรือกระทำการอื่นใด ที่ทำให้ไม่อาจใช้เส้นทางคมนาคม
6 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม ประกาศ กำหนดพื้นที่ที่ห้ามมีการชุมนุม
7 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งการ ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไข ในการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช
8 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม ห้ามโจทก์และประชาชนใช้อาคารหรื
9 ห้ามมิให้จำเลยทั้งสาม สั่งให้อพยพโจทก์และประชาชนออกจ
วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557
กกต.วิเคราะห์
6 ม.ค.57 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยว่า กกต.ประชุมพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จากทุกพรรคการเมือง ปรากฏว่ามีผู้สมัครขาดคุณสมบัติจำนวน 87 ราย เนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง หรือเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ครบ 30 วัน ทำให้ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 72 ,101 และคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 102 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.การการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 อย่างไรก็ตามผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์สามารถไปยื่นร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อต้องการมีสิทธิเลือกตั้งต่อไปได้
สำหรับ 87 รายชื่อที่กกต.พิจารณานั้น แยกเป็นในส่วนที่มีปัญหาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ถึง 30 วัน และในวันสมัครไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง รวม 25 ราย ขณะที่เหลือส่วนใหญ่เป็นกรณีไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และเป็นกรณีอื่นที่กฎหมายกำหนดเป็นลักษณะต้องห้ามในการสมัคร เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยพ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปีในวันเลือกตั้ง เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
โดยใน 87 รายชื่อบุคคลที่อยู่ในข่ายที่ กกต.พิจารณาตัดสิทธินั้น พบว่าที่เป็นบุคคลที่สังคมรู้จักอาทิ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 75 นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 93 นายถาวร ตรีรัตนณรงค์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 94 พล.ต.ต.วิรุฬ ฟื้นแสน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 118 จาก พรรคเพื่อไทย
อย่างไรตาม กกต.จะต้องดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่ขาดคุณสมบัติด้วย ฐานเป็นผู้ที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครแต่ยังลงสมัครซึ่งมีโทษ ตามพ.ร.บ.เลือกตั้งมาตรา 139 จำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2หมื่น -2 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลอาจสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี และหัวหน้าพรรคก็ต้องถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นผู้สนับสนุนด้วย เพราะเป็นผู้ที่เซ็นยินยอมและส่งบุคคลดังกล่าวเป็นผู้สมัคร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)