มือปืนดักหน้าบ้าน ยิงถล่ม นายก อบต.โผงเผง หัวคะแนน"เฮียตือ"เสียชีวิต เมียเจ็บ ตำรวจคาดปมการเมือง
วันนี้ 23 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดียิงคนสนิทของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 22 พ.ค. โดย ร.ต.อ.อาทิตย์ สอนทา ร้อยเวร สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บ 2 คน เหตุเกิดบริเวณหมู่ 5 ต.โผงเผง อยู่ใกล้กับ อบต.เอกราช จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยนายวิศว ศะศิสมิต ผวจ.อ่าง ทอง พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ.ปิยะศักดิ์ ดาวฤกษ์ ผกก.สภ.ป่าโมก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยวีอาร์อ่างทอง
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กจ7364 พระนครศรีอยุธยา จอดอยู่ สภาพถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดที่บริเวณยางหน้าด้านขวา กันชนหน้า ประตูด้านขวายาวไปจนท้ายรถ นอกจากนั้นยังพบรอยเลือดจำนวนมากอยู่ในรถ และนอกรถ บริเวณเกียร์รถพบปืน 1 กระบอก ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ นายวิโรจน์ ดำสนิท อายุ 44 ปี เป็นนายก อบต. โผงเผง อ.ป่าโมก และนางพรเพ็ญ ดำสนิท อายุ 41 ปี ภรรยานายวิโรจน์ ทั้งคู่อยู่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่ 5 ต.เอกราช อ.ป่าโมก แต่นายวิโรจน์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนางพรเพ็ญถูกยิงเข้าที่บริเวณแขนขวา ถูกนำตัวส่ง รพ.อ่างทองเวชการ 2
จากการสอบสวน นางพรเพ็ญให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและสามีไปช่วยงานศพที่วัดวิจารณ์โสภณ หมู่ 7 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก ระหว่างเดินทางกลับบ้านซึ่งเหลือระยะทางอีกแค่ 50 เมตร ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เมื่อเห็นว่าถูกยิงตนจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้าน พ.ต.อ.ปิยะศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าหลายนัด หัวกระสุนปืน .22 แม็กนั่มจำนวนหนึ่ง ส่วนบริเวณรถของนายวิโรจน์ เบื้องต้นตรวจสอบพบรูกระสุนปืนด้านคนขับกว่า 10 นัด ส่วนคนร้ายคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3 คน ได้ซุ่มอยู่เนินดินบริเวณทางเข้าบ้าน ห่างจากบ้านนายวิโรจน์ประมาณ 100 เมตร
ส่วนการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุให้การว่า ได้ยินเสียงปืนดังรัวขึ้นหลายนัด 2 ชุด และมีรถจักรยานยนต์วิ่งสวนออกไป สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าจะมาจากเรื่องการเมือง แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่น หรือการเมืองระดับชาติ สำหรับนายวิโรจน์นั้น เป็นคนสนิทของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และเป็นหัวคะแนนคนสำคัญในพื้นที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง
ก่อนหน้านี้เกิดเหตุยิงนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการยิง นายโกวิทย์ เจริญนนทสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง เมื่อวันที่ 2 มี.ค. จากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุร้ายซ้ำ โดยมือปืนขับรถปิกอัพประกบยิงนายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งล้วนแต่มีเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับ ชาติ
ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า นายวิโรจน์ ที่ถูกยิงเสียชีวิต ถือเป็นกำลังสำคัญของพรรคฯ เป็นคนทำงานดี และประชาชนให้การยอมรับ จึงถือว่าเป็นการสูญเสียกำลังสำคัญ ทั้งนี้ได้รายงานให้นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาทราบแล้ว และท่านก็เสียใจ จึงอยากให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดี เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ หากเร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษได้โดยเร็วจะลดความรุนแรงพื้นที่อื่นๆ ได้ ทั้งนี้ตนได้กำชับตำรวจให้เข้มงวดในการตั้งด่านตรวจ โดยเฉพาะการตรวจค้นอาวุธสงคราม ส่วนความปลอดภัยของนายภราดร ปริศนานันทกุล และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ที่จะสมัคร ส.ส.อ่างทอง คงไม่ต้องห่วงและไม่ต้องส่งตำรวจมาดูแลเพราะไม่ใช่เป้าหมายของคนร้าย.
นาง สดศรี สัตยธรรม กกต.ให้สัมภาษณ์ กรณีการยิงหัวคะแนนของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ จ.อ่างทองว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความรุนแรง และมีการกำจัดคู่การต่อสู้ได้ง่าย จึงได้ร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นแบบเขตเดียว 3 เบอร์ แต่ต่อมามีการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นเขตเดียวเบอร์เดียว จึงทำให้เกิดการเผชิญกันรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามถือเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องเข้ามาดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไป อย่างเรียบร้อย ในเบื้องต้นทราบว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยรายชื่อมือปืนรับจ้าง และตำรวจคงจะรู้แล้ว่า ใครเป็นผู้บงการ หรือใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังพรรคการเมือง.
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงบรรยากาศการเลือกตั้งในขณะนี้ว่าน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีหัวคะแนนที่ จ.อ่างทอง ถูกยิงเสียชีวิต ดังนั้น ทุกคนต้องระมัดระวังตัว พร้อมกำชับผู้บริหารและผู้สมัครของพรรคว่าเวลาลงพื้นที่ต้องระมัดระวังตัว ไปไหนจะต้องหาคนคอยติดตาม หรือมองซ้ายมองขวา โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในยามวิกาลเลี่ยงได้ควรเลี่ยงอย่างเด็ดขาด.
วันนี้ 23 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดียิงคนสนิทของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 22 พ.ค. โดย ร.ต.อ.อาทิตย์ สอนทา ร้อยเวร สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บ 2 คน เหตุเกิดบริเวณหมู่ 5 ต.โผงเผง อยู่ใกล้กับ อบต.เอกราช จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยนายวิศว ศะศิสมิต ผวจ.อ่าง ทอง พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ.ปิยะศักดิ์ ดาวฤกษ์ ผกก.สภ.ป่าโมก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยวีอาร์อ่างทอง
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กจ7364 พระนครศรีอยุธยา จอดอยู่ สภาพถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดที่บริเวณยางหน้าด้านขวา กันชนหน้า ประตูด้านขวายาวไปจนท้ายรถ นอกจากนั้นยังพบรอยเลือดจำนวนมากอยู่ในรถ และนอกรถ บริเวณเกียร์รถพบปืน 1 กระบอก ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อคือ นายวิโรจน์ ดำสนิท อายุ 44 ปี เป็นนายก อบต. โผงเผง อ.ป่าโมก และนางพรเพ็ญ ดำสนิท อายุ 41 ปี ภรรยานายวิโรจน์ ทั้งคู่อยู่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่ 5 ต.เอกราช อ.ป่าโมก แต่นายวิโรจน์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนางพรเพ็ญถูกยิงเข้าที่บริเวณแขนขวา ถูกนำตัวส่ง รพ.อ่างทองเวชการ 2
จากการสอบสวน นางพรเพ็ญให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและสามีไปช่วยงานศพที่วัดวิจารณ์โสภณ หมู่ 7 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก ระหว่างเดินทางกลับบ้านซึ่งเหลือระยะทางอีกแค่ 50 เมตร ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เมื่อเห็นว่าถูกยิงตนจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้าน พ.ต.อ.ปิยะศักดิ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้าหลายนัด หัวกระสุนปืน .22 แม็กนั่มจำนวนหนึ่ง ส่วนบริเวณรถของนายวิโรจน์ เบื้องต้นตรวจสอบพบรูกระสุนปืนด้านคนขับกว่า 10 นัด ส่วนคนร้ายคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3 คน ได้ซุ่มอยู่เนินดินบริเวณทางเข้าบ้าน ห่างจากบ้านนายวิโรจน์ประมาณ 100 เมตร
ส่วนการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุให้การว่า ได้ยินเสียงปืนดังรัวขึ้นหลายนัด 2 ชุด และมีรถจักรยานยนต์วิ่งสวนออกไป สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าจะมาจากเรื่องการเมือง แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่น หรือการเมืองระดับชาติ สำหรับนายวิโรจน์นั้น เป็นคนสนิทของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และเป็นหัวคะแนนคนสำคัญในพื้นที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง
ก่อนหน้านี้เกิดเหตุยิงนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการยิง นายโกวิทย์ เจริญนนทสิทธิ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง เมื่อวันที่ 2 มี.ค. จากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุร้ายซ้ำ โดยมือปืนขับรถปิกอัพประกบยิงนายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งล้วนแต่มีเหตุมาจากความขัดแย้งทางการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับ ชาติ
ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า นายวิโรจน์ ที่ถูกยิงเสียชีวิต ถือเป็นกำลังสำคัญของพรรคฯ เป็นคนทำงานดี และประชาชนให้การยอมรับ จึงถือว่าเป็นการสูญเสียกำลังสำคัญ ทั้งนี้ได้รายงานให้นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาทราบแล้ว และท่านก็เสียใจ จึงอยากให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดี เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ หากเร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษได้โดยเร็วจะลดความรุนแรงพื้นที่อื่นๆ ได้ ทั้งนี้ตนได้กำชับตำรวจให้เข้มงวดในการตั้งด่านตรวจ โดยเฉพาะการตรวจค้นอาวุธสงคราม ส่วนความปลอดภัยของนายภราดร ปริศนานันทกุล และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ที่จะสมัคร ส.ส.อ่างทอง คงไม่ต้องห่วงและไม่ต้องส่งตำรวจมาดูแลเพราะไม่ใช่เป้าหมายของคนร้าย.
นาง สดศรี สัตยธรรม กกต.ให้สัมภาษณ์ กรณีการยิงหัวคะแนนของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ จ.อ่างทองว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความรุนแรง และมีการกำจัดคู่การต่อสู้ได้ง่าย จึงได้ร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นแบบเขตเดียว 3 เบอร์ แต่ต่อมามีการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นเขตเดียวเบอร์เดียว จึงทำให้เกิดการเผชิญกันรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามถือเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องเข้ามาดูแลให้การเลือกตั้งเป็นไป อย่างเรียบร้อย ในเบื้องต้นทราบว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยรายชื่อมือปืนรับจ้าง และตำรวจคงจะรู้แล้ว่า ใครเป็นผู้บงการ หรือใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังพรรคการเมือง.
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงบรรยากาศการเลือกตั้งในขณะนี้ว่าน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีหัวคะแนนที่ จ.อ่างทอง ถูกยิงเสียชีวิต ดังนั้น ทุกคนต้องระมัดระวังตัว พร้อมกำชับผู้บริหารและผู้สมัครของพรรคว่าเวลาลงพื้นที่ต้องระมัดระวังตัว ไปไหนจะต้องหาคนคอยติดตาม หรือมองซ้ายมองขวา โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในยามวิกาลเลี่ยงได้ควรเลี่ยงอย่างเด็ดขาด.