นางพิชชาภา เอี่ยมสอาด พนักงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้ให้ปากคำต่อ ป.ป.ช.กรณีร่วมกันทุจริตเงินค่าโฆษณาส่วนเกิน 138 ล้านบาทว่านายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม จำกัดรู้เรื่องดีและเป็นผู้ขอให้ช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม จำกัด
คำให้การ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับตน(นางพิชชาภา) โดยตรง โดยใช้โทรศัพท์ของเลขานุการส่วนตัวของนายสรยุทธ ชื่อเล่นว่าคุณแก้ว โดยขอให้ช่วยเหลือไม่ต้องแจ้งโฆษณาส่วนเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัดให้กับทางอสมท และเพื่อเรียกเก็บเงินค่าโฆษณาส่วนเกินดังกล่าวจากบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธรับปากกับตนว่าจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับตนในจำนวนร้อยละ 2 ของค่าโฆษณาเกินเวลาที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ไม่ต้องชำระให้กับ อสมท
คำให้การ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับตน(นางพิชชาภา) โดยตรง โดยใช้โทรศัพท์ของเลขานุการส่วนตัวของนายสรยุทธ ชื่อเล่นว่าคุณแก้ว โดยขอให้ช่วยเหลือไม่ต้องแจ้งโฆษณาส่วนเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม จำกัดให้กับทางอสมท และเพื่อเรียกเก็บเงินค่าโฆษณาส่วนเกินดังกล่าวจากบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธรับปากกับตนว่าจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับตนในจำนวนร้อยละ 2 ของค่าโฆษณาเกินเวลาที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ไม่ต้องชำระให้กับ อสมท
เมื่อตนดำเนินการช่วยเหลือตามที่นายสรยุทธและเลขาฯของนายสรยุทธ คือ คุณแก้วขอร้องแล้ว ในช่วงแรกนายสรยุทธก็จ่ายเงินค่าตอบแทนตามที่รับปากไว้ โดยนายสรยุทธลงนามจ่ายเป็นเช็คของธนาคารธนชาต สาขาพระรามสี่ และให้คุณแก้ว ฝากไว้กับพนักงานของ อสมท ชื่อนางศิริทิพย์ (จำนามสกุลไม่ได้) เป็นผู้นำมามอบให้กับตนอีกทอดหนึ่ง โดยนายสรยุทธได้จ่ายเงินให้ตนประมาณ 8 ครั้ง ซึ่งทั้ง 8 ครั้งดังกล่าวก็ไม่ได้จ่ายให้ตนอย่างสม่ำเสมอ หรือตามจำนวนที่รับปากไว้ และเหตุที่ตนไม่ได้เรียกร้องให้จ่ายตามจำนวนที่ตกลงกันไว้เนื่องจาก เห็นว่าเป็นการตกกะไดพลอยโจน ช่วยเหลือนายสรยุทธไปแล้ว จึงยอมๆกันไป
เนื่องจากรายการคุยคุ้ยข่าว เป็นรายการสด และนายสรยุทธเป็นพิธีกรดำเนินรายการทุกวัน ดังนั้นนายสรยุทธย่อมทราบดีว่ารายการที่ออกอากาศในแต่ละวันมีโฆษณาทั้งหมดกี่โฆษณา เป็นโฆษณาตามเวลาจำนวนเท่าใด และในส่วนที่เกินเวลาจำนวนเท่าใด จึงเป็นไม่ได้ที่นายสรยุทธจะไม่ทราบเรื่อง หลังจากที่ บริษัท อสมท ได้ตรวจพบว่า บริษัท ไร่ส้ม จำกัด มีโฆษณาส่วนเกินเวลาในรายการคุยคุ้ยข่าว แต่ไม่แจ้งและชำระค่าโฆษณาเกินเวลาดังกล่าวให้ อสมท นายสรยุทธได้บอกให้เลขาฯคือคุณแก้ว มาขอร้องให้ตนทำการลบรายการโฆษณาส่วนเกินของรายการคุยคุ้ยข่าวในใบคิวโฆษณา โดยบอกกับตนว่า “พี่สรยุทธ ขอร้องให้ช่วยเหลือ” และบอกอีกว่า หากมีอะไรนายสรยุทธก็จะช่วยเหลือไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน ตนจึงทำการลบรายการโฆษณาส่วนเกินของรายการคุยคุ้ยข่าวในใบคิวโฆษณาบางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด ตามที่นายสรยุทธ และเลขาฯร้องขอ แต่ภายหลังเมื่อ อสมท ได้ตรวจสอบอย่างเป็นระบบก็ให้นายสรยุทธมาชำระค่าโฆษณาเกินดังกล่าวให้กับทาง อสมท และตนทราบภายหลังว่านายสรยุทธ ได้ยินยอมชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้กับทาง อสมท.ในทันทีเพราะจำนนต่อหลักฐาน