การที่คนรักชาติรักแผ่นดินมารวมตัวกัน เพื่อขจัดส.ส.โกงบ้านกินเมือง ขึ้นเวทีปราศรัยให้ความจริงกับประชาชน ให้ความรู้ทางการเมือง
เพื่อบรรลุเป้าหมาย การพัฒนาการเมืองไทยให้มีส.ส.ดีๆมาบริหารชาติบ้านเมืองนั้น เราเรียกท่านบุคคลเหล่านี้ว่า เป็นบุคคลที่มีความชอบธรรม
เมื่อมีความคิดต่างกันระหว่าง พรรคการเมืองใหม่พรรคหนึ่งกับมหาประชาชนคนรักชาติที่มาประท้วงรัฐบาล ต่อมามีอาจารย์คนหนึ่งชอบละเมิดสิทธิและละเมิดความคิดของผู้อื่นออกมาต่อว่า ผู้นำของคนรักชาติ เพื่อหวังให้ฐานคะแนนเสียงคนเหล่านั้น มาลงคะแนเสียงให้พรรค โดยไม่ต้องการให้ฐานเสียงไปลงคะแนนโวตโน เพียงเพื่อ อยากจะเป็นส.ส. อย่างน้อยเป็นส.ส.สัก 1-5 คน จึงมีคำถามต่อมาว่า เป็นส.ส.ในระบบน้ำเน่า เป็นเสียงข้างน้อย ก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงการเมืองระบบส.ส.มีต้นทุนใช้เงินซื้อเสียงมาได้ แล้วอยากเป็นส.ส.ไปทำไม...
ส่วนเงินทุนที่พรรคได้มาจากผู้นำคนรักชาติ เพื่อดำเนินการจัดหาสถานที่ สิ่งของเครื่องใช้และเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ถ้ามามองดีๆก็จะพบความจริงว่า เงินที่พวกท่านได้มานั้นมันก็คือ เงินของประชาชาผู้รักชาติที่ช่วยกันเสียสละมอบให้มิใช่หรือ...
สงครามความคิดเป็นเรื่องไม่แปลก ถ้าบ้านเมืองปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่การไปต่อว่าใครนั้นเป็นการละเมิด ไม่ว่าจะเป็นความคิด ตรงนี้ก็คือ คุณกำลังดูถูกประชาชนคนรักชาติ แม้ว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเลืองตั้ง คุณยังละเมอเพ้อว่า ประชาชนคนรักชาติต้องเลือกคุณ
แล้วคุณไม่รู้เหรอว่า การไปใช้สิทธิการเลือกตั้งนั้น มันเป็นสิทธิของประชาชน คุณไม่สามารถไปต่อว่าใคร...
แล้วเวลา พวกคุณชอบใช้วาทกรรมว่า ส.ส.อย่าทำตัวประเภทพายเรือให้โจรนั่ง ก็อยากถามเหมือนกันว่า คุณกำลังทำตัวอยู่ในประเภทอยากนั่งเรือไปกับโจรหรือว่าไม่จริง...
สรุป คิดต่างกันอย่างไร ก็ต้องไปจบที่ความชอบธรรม ที่เราเรียกว่า มติมหาชนนั่นแหละ...
สำหรับท่านใดที่เป็นคนดีๆทุกคนที่อยู้ในพรรค ครั้งนี้ไม่สมัครลงเลือกตั้งก็ไม่เป็นไร ชาติกำลังต้องการพวกท่าน ขอให้ออกมาร่วมงานกับ
มหาประชาชนสานต่อภารกิจเพื่อชาติ พวกท่านทุกคนจะเป็นคนที่อยู่ในใจของประชาชนผู้รักชาติตลอดไป...