วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การประกันตัวผู้ต้องหา/จำเลย





การประกันตัวผู้ต้องหา/จำเลย  มีหลักเกณฑ์ดังนี้
         
1.  ผู้มีสิทธิขอประกัน     ผู้ที่มีสิทธิยื่นขอประกันได้ คือ  ผู้ต้องหา/จำเลยหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
2.  ผู้มีอำนาจให้ปล่อยชั่วคราว    หัวหน้าพนักงานสอบสวน  หัวหน้าพนักงานอัยการหรือหัวหน้าศาล
3.  สถานที่ที่ติดต่อ      
         1.  เมื่อผู้ต้องหาถูกควบคุมอยู่และยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล ให้ยื่นต่อพนักงานสอบสวน หากส่งสำนวนมายังพนักงานอัยการ ให้ยื่นต่อพนักงานอัยการ  ณ  สำนักงานอัยการจังหวัดตาก  ที่รับสำนวน
         2.  เมื่อผู้ต้องหาต้องขังตามหมายศาลและยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล ให้ยื่นต่อศาล
         3.  เมื่อผู้ต้องหาถูกฟ้องแล้ว ให้ยื่นต่อศาลชั้นต้นที่ชำระคดีนั้น
         4.  เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาชั้นศาลต้นหรือศาลอุทธรณ์ ไม่มีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา หรือมีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ หรือศาลฎีกา ให้ยื่นต่อศาลชั้นต้นที่ชำระคดีนั้น
         5.  เมื่อศาลส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาแล้ว จะยื่นต่อศาลชั้นต้นที่ชำระคดีนั้นหรือจะยื่นต่อศาลอุทธรณ์ หรือศาลฎีกา แล้วแต่กรณีก็ได้
4.  หลักประกันที่จะนำมาขอประกัน   หลักประกันที่จะนำมายื่นขอประกันมี 3 ชนิด คือ
         1. มีเงินสดมาวาง
         2. มีหลักทรัพย์อื่นมาวาง
         3. มีบุคคลมาเป็นหลักประกันโดยแสดงหลักทรัพย์
5.  การขอถอนประกัน    ในกรณีที่นายประกันมีความประสงค์จะขอถอนสัญญาประกัน หรือขอถอนหลักประกัน ย่อมทำได้โดยผู้ทำสัญญาประกันมอบตัวผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงาน อัยการ หรือเมื่อฟ้องต่อศาลแล้ว ให้ส่งมอบจำเลยคืนต่อศาล
6.  หน้าที่และความรับผิดของนายประกัน  เมื่อนายประกันได้ยื่นคำขอประกันและ พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ หรือศาล ได้มีคำสั่งอนุญาตและปล่อยตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยแล้ว  มีหน้าที่และความรับผิดชอบดังนี้
          -  นายประกันเมื่อทราบนัดแล้ว  มีหน้าที่ต้องนำตัวผู้ต้องหามามอบให้แก่พนักงานสอบสวน  พนักงานอัยการหรือศาลเพื่อฟังคำสั่งของเจ้าพนักงานนั้นๆ หากได้รับทราบนัดแล้ว  ต่อมามีเหตุขัดข้องที่ไม่สามารถมาตามนัดจะต้องติดต่อก่อนวันนัด  เพื่อขอเลื่อนนัดพร้อมแจ้งเหตุขัดข้อง
          -  เมื่อผิดสัญญา นายประกันจะต้องรับผิดชดใช้เงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน
          - หน้าที่ของนายประกันเป็นเรื่องเฉพาะตัว  หากผู้ประกันตายก่อนผิดสัญญาประกัน สัญญาประกันก็ระงับความรับผิดตามสัญญาประกันไม่ตกทอดไปยังทายาท
7. สิทธิของนายประกันเมื่อผู้ต้องหาหรือจำเลยหลบหนี
          - นายประกันอาจขอให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจที่ใกล้ที่สุดจับผู้ต้องหา หรือจำเลยได้
          - ถ้าไม่สามารถจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานได้ทันท่วงที ก็ให้มีอำนาจจับผู้ต้องหา หรือจำเลยนั้นได้เอง แล้วส่งไปยังพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจที่ใกล้ที่สุด
          - จะต้องเสียค่ายานพาหนะ เมื่อเจ้าพนักงานจัดส่งผู้ต้องหา หรือจำเลยไปยังเจ้าพนักงานหรือศาล
          - ผู้ประกันมีสิทธิร้องขอให้หัวหน้าพนักงานสอบสวน  หัวหน้าพนักงานอัยการ หรือหัวหน้าศาลลดค่าปรับได้ เมื่อผิดสัญญาประกัน
8. การขอคืนหลักประกัน   นายประกันมีสิทธิขอหลักประกันคืน ได้ดังนี้
          - เมื่อมอบตัวผู้ต้องหา หรือจำเลยคืนต่อเจ้าพนักงานหรือศาล
          - เมื่อคดีถึงที่สุด หรือความรับผิดตามสัญญาประกันหมดไป เช่น  พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา  และผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นชอบ  เป็นต้น
9. หลักฐานในการขอประกัน
         1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรข้าราชการ ของนายประกันและคู่สมรส (หากมี)
         2. สำเนาทะเบียนบ้านของนายประกัน และคู่สมรส (หากมี)
         3. หนังสือให้ความยินยอมของคู่สมรสหรือสำเนาใบสำคัญการหย่า หรือสำเนาใบมรณบัตร
10. หลักทรัพย์ในการขอประกันตัว
          - โฉนดที่ดิน, น.ส. 3 ก. หรือ น.ส.3
          - เงินสด,พันธบัตรรัฐบาล,สลากออมสิน
          - สมุดเงินฝากประจำ
          - ตั๋วแลกเงินที่ธนาคารเป็นผู้จ่าย
          - เช็คที่ธนาคารเป็นผู้สั่งจ่าย
          - หนังสือรับรองของบริษัทประกันภัย
11. เอกสารประกอบเพิ่มเติม
          - หนังสือรับรองการประเมินราคาที่ดิน
          - หนังสือรับรองยอดเงินฝากคงเหลือ (กรณีใช้สมุดเงินฝาก)
          - กรณีใช้บุคคลเป็นประกัน ต้องมีหนังสือรับรองจากต้นสังกัดแสดงสถานะ ตำแหน่งระดับ และอัตราเงินเดือน  (เฉพาะของศาลจะต้องระบุว่า  ปัจจุบันเงินเดือนคงเหลืออยู่เท่าไร) 
12. กรณีใช้หลักประกันเดิม
         - มีการวางเงินสด หรือหลักทรัพย์อื่นเป็นประกันต่อพนักงานสอบสวน  และยังไม่ได้รับหลักประกันคืน
         - พนักงานอัยการเห็นสมควรถือว่า ทรัพย์สินนั้นเป็นหลักประกันชั้นพนักงานสอบสวน
13. การใช้ตำแหน่งบุคคลเป็นประกัน
ตำแหน่ง
หลักประกัน
ข้าราชการพลเรือนระดับ  3-5  หรือเทียบเท่า
ประกันได้ในวงเงินไม่เกิน 60,000 บาท
ข้าราชการพลเรือนระดับ  6-8  หรือเทียบเท่า
ประกันได้ในวงเงินไม่เกิน 200,000 บาท
ข้าราชการพลเรือนระดับ  9-11  หรือเทียบเท่า
ประกันได้ในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท
ข้าราชการพลเรือนระดับ 11  สมาชิกรัฐสภา, ข้าราชการการเมืองและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ประกันได้ในวงเงินไม่เกิน 800,000 บาท
ข้าราชการบำนาญตั้งแต่ระดับ 6 หรือเทียบเท่าขึ้นไป,
สมาชิกสภากรุงเทพมหานครสจ.,สท.,สข., อบต.,กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน
ประกันได้ในวงเงินไม่เกิน 60,000 บาท